Reply 1988 ซีรีส์ที่มีการสอดแทรกแนวคิดการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของวัยรุ่น

Reply 1988 ซีรีส์ท็อปลิสต์ตลอดกาลของ ดูซีรีส์ให้ซีเรียส โผล่ขึ้นมาในใจหลายครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงหนึ่งของซีรีส์ที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อพูดถึงการต่อสู้เพื่อ ‘ประชาธิปไตย’ แล้ว เราคงต้องต่อสู้ยาวนาน และอย่าได้ท้อถอย

จริงๆ แล้ว Reply 1988 เป็นซีรีส์ระดับตำนานที่เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนและครอบครัวผ่านฉากหลังในยุค 80 ของเกาหลีที่มีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้น เช่น โอลิมปิก ปี 1988 ที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ และสภาพสังคมภายใต้การปกครองแบบเผด็จการทหารที่สะท้อนความเจ็บปวดของประชาชนระหว่างปี 1979-1988 ที่ชอนดูฮวานทำรัฐประหารขึ้นเป็นประธานาธิบดี

ระบอบการปกครองที่ไม่มีประสิทธิภาพ คอร์รัปชัน โกงเลือกตั้ง กดขี่ บิดเบือนข่าวสาร ปิดหูปิดตาประชาชน ยังผลประโยชน์ต่อกลุ่มคนเพียงหยิบมือ ก็เป็นเหมือนนิยายพล็อตคลาสสิกที่ยังคงถูกผลิตซ้ำทุกยุคทุกสมัย ในตอนนั้นนักศึกษาและประชาชนนับแสนคนทั่วประเทศลุกขึ้นประท้วง นำไปสู่เหตุการณ์สังหารหมู่กวางจูในเดือนพฤษภาคม ปี 1980 และสุดท้ายชอนดูฮวานก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อของประชาชน (ปัจจุบันชอนดูฮวานยังคงอยู่ระหว่างรอคำตัดสินจากศาลเกาหลีใต้ในคดีการสังหารหมู่กวางจู จากการรื้อฟื้นคดีความขึ้นมาใหม่เพื่อชำระประวัติศาสตร์ให้ถูกต้อง)

กลับมาที่ Reply 1988 อีพี 5 เรื่องราวในเดือนพฤศจิกายน 1988 ช่วงเวลาที่นักศึกษายังคงออกมาประท้วงเพื่อให้ได้มาซึ่ง ‘ประชาธิปไตย’ หลังจาก 8 ปีผ่านไป ชอนดูฮวานก็ยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบจากเหตุการณ์นองเลือดกวางจูที่เขาเป็นคนสั่งการ มีเพียงแค่คำขอโทษต่อประชาชนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โบรา พี่สาวของด๊อกซอน ในขณะนั้นเธอเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยโซล เป็นช่วงเวลาที่นักศึกษาโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษ เพราะพวกเขาเป็นแนวหน้าของการต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการมาตลอดทศวรรษ ซึ่งเมฆสีเทาของความหวาดกลัวครอบคลุมไปยังครอบครัวของเหล่านักศึกษาด้วย เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ถูกจับกุมจากการประท้วงก็จะถูกทุบตี จับกุม หรืออาจเกิดเหตุร้ายแรงกว่านั้น

ที่บ้านของด๊อกซอนกำลังดูโทรทัศน์ที่รายงานข่าวความรุนแรงของการประท้วง นักศึกษาประชาชนเต็มท้องถนน กลุ่มควันจากแก๊สน้ำตาปกคลุมไปทั่ว และเหล่าทหารเข้าจับกุมผู้ประท้วง

พ่อของด๊อกซอนที่กำลังหาทางกลับบ้านก็อยู่ใกล้สถานที่เกิดเหตุ และมีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาเดินคล้องแขนเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล พอเห็นเจ้าหน้าที่สองคนที่ตามมาข้างหลังก็แทบไม่ต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว พ่อทำเป็นกลบเกลื่อนพิรุธแล้วยกแขนโอบชายหนุ่มไว้ พร้อมบอกว่าให้เรียนหนังสือก่อน อย่าไปยุ่งกับการประท้วง นั่นจึงทำให้พวกเขารอดจากการถูกจับกุมไปได้ ก่อนแยกกับชายหนุ่ม พ่อยังให้เงินเขาไปหาอะไรกิน ความรู้สึกคงไม่ต่างจากการที่ลูกสาวตัวเองก็อยู่ในวัยเดียวกัน และถึงแม้พวกเขาจะมีความคิดหรืออุดมการณ์อย่างไร ก็ยังคงเป็นหนุ่มสาวที่มีพ่อแม่รอคอยอยู่ที่บ้าน

โบรากลับถึงบ้านพร้อมกลิ่นแก๊สน้ำตาและเสื้อผ้ามอมแมม พ่อรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไร เขาขึ้นเสียงใส่ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน “ไอ้ลูกบ้า เสียสติไปแล้วเหรอ อยากเห็นพ่อโมโหจนอกแตกตายหรือยังไง” ส่วนโบราก็ขึ้นเสียงเถียงกลับว่า “หนูไม่ได้ทำอะไรผิด”

ซีรีส์ Reply 1988 แสดงให้เห็นความคิดที่แตกต่างของสองเจเนอเรชัน ยุคพ่อแม่ที่ยอมแพ้และมีเป้าหมายเดียวคือหาเงินเลี้ยงปากท้อง ดูแลลูกๆ ให้กินอิ่มนอนหลับ มีการศึกษาที่ดี ขณะที่นักศึกษามองเห็นความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นในระบบการปกครอง ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาสังคมเชิงโครงสร้าง พวกเขายังมีแรงกายแรงใจมากพอจะต่อสู้กับความอยุติธรรมในประเทศ และเรียกหาความเท่าเทียมในความเป็นมนุษย์

ฉากช่วงท้ายของอีพี 5 โบราถูกเจ้าหน้าที่มาตามจับไม่ไกลจากบ้าน แม่ของเธอเข้ามาปกป้องเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้อย่างไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรให้เสีย “บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่ถึงไม่ห่วงศักดิ์ศรีหรือตัวตนของตัวเองเลย ซึ่งฉันโกรธมาก ฉันไม่เข้าใจเลย แต่มันก็คงเป็นเพราะแม่มีบางอย่างที่ต้องปกป้องมากกว่าตัวเอง นั่นก็คือตัวฉัน

“เมื่อมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง เราก็แทบไม่ได้สนใจศักดิ์ศรีหรือยอมละทิ้งมันไปเลย แม่ทุกคนจึงแข็งแกร่ง อย่างที่เขาว่ากันว่าพระเจ้าไม่ได้อยู่ทุกๆ ที่ เมื่อคนหนึ่งถึงวัยเป็นแม่ได้ เขาก็จะเป็นผู้ปกป้อง และความเป็นแม่นั่นล่ะคือสิ่งที่มีพลังที่สุด”

ดูซีรีส์ให้ซีเรียส สนับสนุนการแสดงออกทางความคิดที่ยืนอยู่บนพื้นฐานของประชาธิปไตย ไม่สนับสนุนการใช้กำลังในทุกรูปแบบ และเรายังเชื่ออีกว่าสถาบันครอบครัวคือหน่วยเล็กๆ ที่สำคัญ แม้จะยืนอยู่บนความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่เราไม่ควรผลักไสกันออกไปจากบ้านและครอบครัว