Love in the Big City ไม่ใช่แค่หนังเล่าเรื่องความรักในเมืองใหญ่ แต่คือการเดินทางเพื่อค้นหาตัวตน

Love in the Big City เธอเหงาเราเผลอ ภาพยนตร์เกาหลีที่เพิ่งเข้าฉายไปเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา นำแสดงโดยนักแสดงหญิงที่เรารักอย่าง คิมโกอึน (Exhuma, Goblin) ประกบคู่ โนซึงฮยอน (Pachinko, Curtain Call) ที่เพิ่งก้าวขึ้นมารับบทนำในงานภาพยนตร์เป็นครั้งแรก

หลังจากที่ ดูซีรีส์ให้ซีเรียส ได้ดูตัวอย่างภาพยนตร์ในครั้งแรก แอบคิดว่าตัวหนังมีทรงแบบ Rom Com หรือแนว Coming of Age ที่เคยดูมาแล้วในเรื่องอื่นๆ แต่พอได้ไปดูจริงๆ ก็พบว่าตัวหนังสื่อสารได้ลึกซึ้งกว่านั้น บวกกับฝีมือของสองนักแสดงนำที่ลงตัวและเข้าขากันสุด แบบที่แนะนำเลยว่าควรกดจองตั๋วเข้าไปดู แล้วจะไม่เสียดายทีหลัง (เพราะแอบได้ยินมาว่าโรงฉายมีไม่ค่อยเยอะ)

เนื้อหาของหนังเล่าผ่านชีวิตในเมืองใหญ่ของหญิงสาวที่มีหัวใจอิสระและชายหนุ่มที่ซ่อนความลับไว้ โดยเรื่องราวของตัวเอกทั้งคู่จะเล่าครอบคลุมชีวิต 13 ปีของพวกเขา ตั้งแต่ช่วงวัยเรียนที่มีความฝันเต็มหัวใจ จนถึงช่วงที่ต้องรับมือกับความเป็นจริง ทั้งเรื่องงานและชีวิตคู่ เพื่อพาผู้ชมที่เคยผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นกลับมาทบทวนและเพลิดเพลินไปกับมันอีกครั้ง

Love in the Big City ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อเดียวกันของ พัคซังยอง ซึ่งเคยเข้าชิงรางวัล Booker Prize และ International Dublin Literary Award มาแล้ว โดยเนื้อหาหลักๆ ของเรื่องจะเป็นการพาผู้ชมไปสำรวจชีวิต รวมถึงการก้าวข้ามผ่านความยากลำบากในแบบที่ตัวละครต้องเผชิญในแง่มุมและอุปนิสัยที่แตกต่างกัน แต่ทั้งคู่ก็เข้ากันได้ดีจนเหมือนเป็นจิ๊กซอว์ที่หากันเจอ 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้ผู้กำกับหญิง อีอนฮี ที่ได้ชื่อว่ามีฝีมือการทำหนังที่เข้าถึงผู้ชมได้หลากหลาย ผลงานเรื่องแรกของเธอ …ing (2003) ได้รับการตอบรับอย่างดีมาก และยังถือเป็นผลงานที่โดดเด่นในยุครุ่งเรืองของภาพยนตร์แนวโรแมนติกของเกาหลี หลังจากนั้นเธอยังพิสูจน์ตัวเองด้วยการกำกับภาพยนตร์หลากหลายแนว ทั้งแนวระทึกขวัญ อาชญากรรม และคอเมดี้ จึงน่าสนใจว่านี่จะเป็นผลงานที่ผู้กำกับหญิงคนนี้จะพาตัวเองกลับไปสู่รากเหง้าของภาพยนตร์แนวโรแมนติกที่ทำให้ผู้ชมประทับใจได้อีกครั้ง

แจฮี (รับบทโดย คิมโกอึน) หญิงสาวที่ใช้ชีวิตและมีความรักอย่างไม่เกรงกลัว ใส่สุดเหมือนไม่มีวันพรุ่งนี้ ไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่น ใส่ริสต์แบนด์เข้าผับทับนาฬิกา ถือขวาถือเหล้า มือซ้ายถือหนังสือ ทำให้เธอมักจะเป็นเป้านินทาจากคนรอบข้างอยู่บ่อยครั้ง แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่แจฮีจริงจัง นั่นคือการได้มอบความรักให้ใครสักคนจนหมดใจ และใช้ชีวิตแบบไม่ต้องเสียดายทีหลัง

ฮึงซู (รับบทโดย โนซังฮยอน) เขาไม่ใส่ใจทั้งเรื่องเรียน ผู้หญิง หรือการออกเดท เขาไม่ค่อยเปิดใจให้ใครและมีความลับที่ซ่อนไว้ ฮึงซูคิดว่าชีวิตของเขาต้องจบสิ้นแล้ว เมื่อแจฮีซึ่งเป็นขี้ปากของคนอื่นอยู่แล้วดันเป็นคนมาพบความลับของเขา แต่ไม่นานเขาก็รู้ว่าชีวิตของพวกเขากลับเข้ากันได้อย่างน่าประหลาด (ยกเว้นเรื่องมุมมองความรัก) 

ฮึงซูกลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่คอยดูแลแจฮี และอยู่ข้างๆ กันในวันที่ไม่มีใคร ทั้งสองคนได้สร้างความสัมพันธ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ บางครั้งหลายคนก็เข้าใจผิดในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เพียงเพราะมุมมองการใช้ชีวิตของพวกเขาที่แตกต่างจากขนบของสังคม

หนังเรื่องนี้จะทำให้เรานึกย้อนไปถึงช่วงวัย 20 ของตัวเอง วัยที่เราเคยผิดพลาดและมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่รู้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีเพื่อนที่ดีคอยอยู่เคียงข้างไม่ใช่แค่ช่วยให้ผ่านพ้นช่วงเวลายากๆ ไปได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราเติบโตขึ้นด้วย 

แจฮีและฮึงซูอยู่เคียงข้างกันในช่วงเวลาแบบนั้น และพวกเขาต่างผลักดันกันและกันให้เป็นตัวตนในแบบที่พวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเป็นได้ ทั้งคู่จึงเป็นเหมือนตัวแทนของคนหนุ่มสาวที่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดในการเติบโตเพื่อค้นหาความรักและตัวตนในเมืองใหญ่อย่างกรุงโซล 

เข้าฉายแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์