FXs-Shogun-review-ep9-10

รีวิว FX’s Shogun EP.9-10 Crimson Sky แผนลับลวงพรางที่กลายเป็นจุดจบอันยิ่งใหญ่

ต้องบอกว่า FX’s Shogun EP.9 เหมือนจะเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเข้าฝั่งแบบนิ่งสงบ แต่ภายในนั้นคือความปั่นป่วนบีบจิตอย่างที่สุด ในแบบที่ซีรีส์มอบให้ตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมงนิดๆ กับชื่อตอน Crimson Sky ที่โทรานากะวางแผนมาแล้วอย่างเฉียบขาด เพราะถ้ายังจำกันได้ มาริโกะเคยบอกกับแบล็กธอร์นเอาไว้ว่า โทรานากะเก่งมากในเรื่องแท็กติกและการวางแผนที่ใครๆ ก็ไม่อาจตามทัน

ส่วนใน FX’s Shogun EP.10 ก็คือเรื่องราวเมื่อคลื่นยักษ์ถล่มเมืองสงบลงแล้ว เรามองเห็นซากปรักหักพัง ขณะเดียวกันก็เป็นความคลี่คลายถึงแผนการของโทรานากะ ที่ในที่สุดก็ทำสำเร็จในการชนะสงครามที่เหล่าซามูไรนักรบไม่มีทางทำได้

ดังนั้น Crimson Sky ตามชื่อ EP.9 และ A Dream of a Dream EP.10 นี้คือการเล่นเกมการเมือง เกมจิตใจ เกมการวางหมากที่ฉลาดมากๆ จนทำเอาซีรีส์แอ็กชันเลือดท่วมเรื่องอื่นๆ ดูเบาไปเลย และถ้านับการตายที่มีมาทุกๆ อีพีหลังเพื่อเดินเกมตามแผนของโทรานากะแล้ว ก็ต้องยอมรับว่านี่คือยุทธการรบที่เหนือชั้น และแลกด้วยเลือดเนื้อจำนวนคนเพียงหยิบมือ แทนที่จะสูญเสียเป็นกองทัพจากการเข้าห้ำหั่นกันในสมรภูมิ

ตัวละครแบล็กธอร์นที่เปลี่ยนไป

ถ้าติดตามการเติบโตของตัวละครแบล็กธอร์นมาตั้งแต่อีพีแรก จากนักเดินเรือที่มุ่งมั่นจะไปให้ถึงญี่ปุ่นให้ได้ กล้าขัด กล้าขวางทุกประเพณี ระบบชนชั้น ความเชื่อ ฯลฯ ของญี่ปุ่น เมื่อเดินทางมาถึง EP.9 เราก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการเรียนรู้และซึมซับ ‘ความเป็นญี่ปุ่น’ เอาไว้ แม้จะยังคงความเป็น ‘คนนอก’ หรือ Barbarian อย่างที่ถูกเรียกขาน

ช่วงอีพีกลางๆ เรื่องที่ไปเยี่ยมเพื่อนที่ล่องเรือมาด้วยกัน นั่นก็เป็นฉากที่ชัดเจนแล้วว่าแบล็กธอร์นปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมญี่ปุ่นจนกลายเป็นคนญี่ปุ่นไปแล้วครึ่งหนึ่ง ความคิดเห็นที่จะเข้ามากอบโกยเอาทุกอย่างอย่างที่ชาติตะวันตกกำลังล่าอาณานิคม ไม่ใช่ความสำคัญลำดับแรก กระทั่งเสื้อผ้าที่สวมใส่ เพื่อนร่วมเรือยังถามเขากลับว่า นายแต่งตัวแบบญี่ปุ่นทำไม?

จนมาถึงฉากสำคัญใน EP.9 ซึ่งแสดงให้เห็นความในใจของแบล็กธอร์นที่อธิบายหลายๆ อย่างต่อมา ก็คือฉากที่เขาใช้มือลากเส้นทำลายความงดงามของสวนหินแบบเซน ที่ในอีพีแรกๆ เขาเคยทำลายความงามของสวนหินเซนมาแล้วด้วยการวาดแผนที่โลก สะท้อนการเข้ามาสู่ญี่ปุ่นของโลกตะวันตก และใน EP.9 นี้เอง เขาทำลายความสงบด้วยเส้นที่แตกต่าง สะท้อนการเป็นคนนอกของเขาที่ถึงเวลานี้กลับยอมรับ ‘ความเป็นญี่ปุ่น’ เอาไว้

เราจึงได้เห็นเขาเพียงแต่ทำหน้าที่เฝ้ามองมาริโกะต่อสู้กับเหล่าทหารที่คอยป้องกันประตูออกนอกเมืองโอซาก้าตามคำสั่ง หรือกระทั่งตอนที่มาริโกะแน่วแน่กับการดำเนิน Crimson Sky ด้วยตัวเอง เขายังเคารพการตัดสินใจของเธอด้วยการขอเป็นคนลงดาบให้อย่างสมเกียรติ

จนเมื่อเดินทางมาถึง EP.10 ก็ชัดเจนจริงๆ ว่าตัวละครนี้ตั้งใจจะมาญี่ปุ่นเพื่ออำนาจ เงินทอง และชัยชนะเหนือเหล่าพวกคาทอลิก การเติบโตของตัวละครจึงเดินทางไปถึงจุดที่คาบเกี่ยวความเป็นความตาย และสุดท้ายโทรานากะก็พิสูจน์ใจจนหมดข้อกังขา และวางใจให้แบล็กธอร์นเป็นซามูไรข้างกายคนสำคัญนับจากนั้น

ผู้หญิง การต่อสู้กับความหวาดกลัว 

โอจิบะ คือตัวแปรสำคัญของเหตุการณ์ใน FX’s Shogun เพราะในฐานะของแม่ผู้สืบทอดอำนาจ การเลือกข้างของเธอจึงมีน้ำหนักอย่างมาก และการเลือกอยู่ตรงข้ามกับโทรานากะอาจนำมาซึ่งผลเสีย

หลายคนคอยบอกให้เธอเลือกข้างที่ถูกต้อง แต่ไม่มีใครล่วงรู้ความในใจได้เลย จนกระทั่งโทรานากะถามกับมาริโกะว่า เหตุผลที่โอจิบะเลือกแบบนั้นคืออะไร และได้คำตอบกลับมาว่า “มันอาจเป็นเพียงความกลัว” เพราะอย่าลืมว่าในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ท่ามกลางเกมการเมืองและอำนาจ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเอาชีวิตตนและลูกชายให้รอด การเลือกทางที่หมั้นหมายกับไดเมียวอิชิโดเพื่อสร้างฐานอำนาจก็อาจเป็นทางที่ทำได้

ดังนั้นการมาโอซาก้าของมาริโกะคือผู้ส่งสารโดยตรงถึงโอจิบะ เพื่อให้เธอได้รู้ว่าทางเลือกไหนต่อไปนี้ดีที่สุดต่อตัวเธอเองและลูกชาย

FXs-Shogun-review-ep.9-10

มาริโกะ คือ VP สำหรับ  FX’s Shogun EP.9

ผู้สร้างเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับบทของมาริโกะไว้ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเธอเองไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเป็นนักแสดงที่ฝีมือร้ายกาจ เพราะมีเงื่อนไขค่อนข้างยากในการหานักแสดงที่คล่องทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษในแบบเจ้าของภาษา และการได้ แอนนา ซาไว (Monarch, F9, Pachinko) มารับบทก็ต้องเรียกว่าเป็นโชคดี เพราะเธอคือนักแสดงเจ้าบทบาทที่กำลังมาแรงมากในตอนนี้

ใน EP.9 เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ทั้งการแต่งตัว การแต่งหน้าที่คมเข้มขึ้น ความอ่อนหวานก็กลายเป็นความเข้มแข็งที่เห็นชัดผ่านสีหน้าท่าทาง เพราะการเดินทางมาโอซาก้าก็คือการออกรบเพียงลำพังที่จิตใจต้องยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด

นับตั้งแต่การส่งสารให้กับอิชิโดและโอจิบะในปราสาทโอซาก้า การเผชิญหน้ากับข้อห้ามของอิชิโดที่ไม่ให้กลับไปยังเอโดะ และการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะกระทำการเซปปุกุในตอนที่พระอาทิตย์ตกดิน แอนนา ซาไว ทำให้เห็นแล้วว่าเธอกลายเป็นมาริโกะ เป็นตัวละครนี้ได้สมบูรณ์แบบจริงๆ

สำหรับ EP.10 เราก็ได้เห็นตัวละครมาริโกะเตรียมการทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อม และเมื่อเปิดปมเหล่านั้นออกมา ก็น่าทึ่งว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่แทบไม่มีทางเลือกในชีวิต กลับเป็นคนที่หัวใจยิ่งใหญ่และมีเลือดนักสู้มากกว่าที่เราจะมองเห็นเพียงเปลือกนอก

FXs-Shogun-review-ep.9-10

A Leafless Branch

ทิ้งท้าย EP.9 ด้วยบทกวีของมาริโกะที่คมคาย งดงาม ขณะเดียวกันก็เป็นสารที่มีระหว่างบรรทัดส่งถึงโอจิบะโดยตรง

While the snow remains 
Veiled in the haze of cold evening 
A leafless branch…

“ในตอนที่หิมะยังปกคลุมด้วยหมอกหนาวเหน็บของยามเย็น กิ่งก้านไร้ใบ..”

กวีที่ยังไม่จบนี้ ปลายเปิดให้ต่อความในแบบใดก็ได้ อนาคตของโอจิบะเองก็เช่นเดียวกัน นั่นก็เพราะชื่อโอจิบะมีความหมายว่าใบไม้ที่ร่วงหล่น ส่วนตัวมาริโกะเองนิยามได้ว่าคือกิ่งก้านไร้ใบที่ครอบครัวทั้งหมดเสียชีวิตไปแล้ว เธอมีเพียงหิมะหนาวเหน็บที่ทับถมชีวิตเอาไว้ตลอดมา ความหมายลึกซึ้งในกวีบทเดียวกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้โอจิบะมองสถานการณ์ตรงหน้าเปลี่ยนไป 

“Flowers are only flowers because they fall” 

ส่วนใน EP.10 โอจิบะเลือกต่อบทกวีของมาริโกะโดยใช้คำพูดที่เธอสื่อสารเอาไว้ก่อนหน้า “ดอกไม้เป็นแค่ดอกไม้ เพียงเพราะมันร่วงหล่น” ดอกไม้อย่างไรก็คือดอกไม้ แม้จะเบ่งบานบนภูเขา หน้าต่างปราสาท หรือร่วงหล่นลงพื้น 

เพราะกระทั่งมาริโกะที่ไม่เหลืออะไรแล้ว แต่ยังกล้าหาญในการมีชีวิตอยู่ต่อ และเลือกต่อสู้ได้ในแบบของตัวเธอเอง ทั้งมาริโกะและโอจิบะ รวมถึงผู้หญิงในครอบครัวซามูไรญี่ปุ่นก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน ต่อจากนี้ต่างหากคือสิ่งที่เราเลือกทำได้อย่างกล้าหาญเพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ในวันที่หิมะอาจจะละลาย..


ภาพ: Disney+ Hotstar

ติดตามเนื้อหาสนุกๆ ของ ‘ดูซีรีส์ให้ซีเรียส’ ได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้
Facebook: TheSeriousSeries.TH
Twitter: TheSeriousSerie
YouTube: The Serious Series
Website: Theseriousseries.com
สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารและสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่ Link นี้