รีวิว FX’s Shogun EP.6 Ladies of the Willow World คือหัตถาครองพิภพจบสากล

หลังจากดำเนินเรื่องราวมาครึ่งทาง FX’s Shogun EP.6 ก็มาในธีมเพื่อนหญิงพลังหญิง aka มือที่มองไม่เห็น แต่ควบคุมอำนาจได้เหนือคมดาบซามูไร

ที่ผ่านมาของซีรีส์ FX’s Shogun เราจะเห็นการค่อยๆ คลี่ปมตัวละครผู้หญิงออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ มาริโกะ, โอจิบะ, มาจนถึง คิคุ หญิงงามเมืองที่โด่งดังที่สุดของเมืองอิซุ แต่กับ EP.6 นี้คืองานปะทุอารมณ์แบบที่วางจังหวะตรงกลางซีรีส์ เป็นการอธิบายตัวละคร มิติความเป็นหญิง พร้อมฉากหลังสังคมญี่ปุ่นได้ในเวลาเดียวกัน

ช่วงต้นของ EP.6 ย้อนอดีตไปในวัยเด็กของมาริโกะและโอจิบะที่เป็นเพื่อนเล่นกัน โดยในตอนเด็กๆ โอจิบะใช้ชื่อว่า รูริ เป็นลูกสาวของ คุโรดะ ผู้ปกครองญี่ปุ่น ส่วนมาริโกะเป็นลูกสาวของ อะเคชิ จินชัย ขุนนางใกล้ชิดของคุโรดะ ดังนั้นการที่ทั้งสองสาวจะเป็นเพื่อนสนิทกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ความสนิทสนมของทั้งคู่ยาวจนกระทั่งเริ่มโตเป็นสาว มาริโกะแต่งงานออกเรือนไปกับบุนทาโร่ ซึ่งดูเหมือนว่าวันที่ต้องออกจากเรือนของโอจิบะไป บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย เพราะมาริโกะก็ไม่ได้เต็มใจกับเส้นทางนี้ที่พ่อของเธอเลือกให้

กลายเป็นว่าการแต่งงานของมาริโกะคือหนึ่งในการวางหมากให้ลูกสาวปลอดภัย เพราะจากนั้นไม่นาน พ่อของมาริโกะทรยศและลงมือสังหารคุโรดะ พอสิ้นอำนาจของคุโรดะ ตำแหน่งสูงศักดิ์ของรูริก็เป็นอันจบลงด้วย นั่นทำให้เธอเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโอจิบะ และในตอนหลังไปเป็นนางสนมให้กับไทโกะ 

ส่วนตัวของ อะเคชิ จินชัย พ่อของมาริโกะเองก็ถูกตามล่า รวมถึงครอบครัวทั้งหมดให้ได้รับโทษตายตกไปตามกัน ดังนั้นการที่มาริโกะแต่งงานกับบุนทาโร่ก็เท่ากับว่าเธอปลอดภัยจากโทษตายทั้งครอบครัวในเวลานั้น

นี่คือสาเหตุที่ทำให้โอจิบะกับมาริโกะไม่ได้ติดต่อกันอีก เพราะโอจิบะเชื่อว่าอะเคชิ จินชัย เป็นพวกเดียวกับโทรานากะ หรือดีไม่ดี โทรานากะอาจอยู่เบื้องหลังที่เกิดขึ้น 

การผูกปมตัวละครเข้าด้วยกันอย่างเฉียบแหลมและสะท้อนสถานะผู้หญิงญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น ทำให้เรื่องราวในซีรีส์ FX’s Shogun ดูลุ่มลึกมีมิติมากขึ้นไปอีก โดยใน EP.6 Ladies of the Willow World ก็ยิ่งทำให้เราเข้าใจโลกหลิวลู่ลมได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็มองเห็นพลังของผู้หญิงที่แม้จะไม่ได้ใส่ชุดเกราะออกรบ แต่กลเกมการวางแผนหลังบ้านนี่ต่างหากที่คือหัตถาครองพิภพจบสากลตัวจริงเสียงจริง

ตัวละครหญิงใน FX’s Shogun มีตัวตนอยู่จริง

โทดะ มาริโกะ ล่ามสาวคนเก่งในซีรีส์ อ้างอิงมาจากชีวิตจริงของ อะเคชิ ทามะ ตัวตนจริงๆ ที่ซีรีส์หยิบยืมมาใช้ในเรื่องราว หรือในชื่อภายหลังว่า โฮโซกาวะ กราเซีย (Hosokawa Gracia)

เธอเกิดในปี 1563 เป็นลูกสาวคนโปรดของ อะเคชิ มิตซูฮิเดะ (ในซีรีส์ชื่อ อะเคชิ จินชัย) พื้นฐานคาแรกเตอร์ค่อนข้างคล้ายกันก็คือใช้ชีวิตวัยเด็กในแบบสตรีชั้นสูง เพราะพ่อมีฐานะเป็นขุนนางใกล้ชิดผู้นำญี่ปุ่น โอดะ โนบุนากะ (ในซีรีส์คือ คุโรดะ) เรียกว่าเป็นขุนนางที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเวลานั้น

ตอนที่อายุได้ 15 ปี ทามะแต่งงานกับ ทาดาโอกิ (ในซีรีส์คือ บุนทาโร่) นักรบลูกชายคนโตของ ฟูจิทากะ โฮโซกาวะ (ในซีรีส์คือ โทดะ ฮิโรมัตสึ) ขุนนางที่ทรงอิทธิพลเช่นกัน 

เท่าที่หาข้อมูล ทาดาโอกิเป็นนักรบที่เก่งกาจ การศึกษาสูง เชี่ยวชาญพิธีชงชา แต่งกลอน วาดภาพ ทั้งคู่เป็นครอบครัวที่มีความสุข มีลูกด้วยกัน 5 คน

ในปี 1582 ระหว่างการเปลี่ยนแปลงในญี่ปุ่น ฮิเดโยชิขึ้นครองอำนาจแทน เธอเสียพ่อและครอบครัวทั้งหมด ระหว่างนั้นคริสต์ศาสนาเริ่มแพร่หลายในญี่ปุ่น ด้วยความเศร้าโศกแสนสาหัส เธอเริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับคาทอลิก ศาสนาที่กำลังได้รับความนิยมในเหล่าขุนนางชนชั้นสูงของโอซาก้า เช่นเดียวกับครอบครัวของสามีที่ให้ความสนใจในศาสนาตะวันตกนี้

ถึงอย่างนั้น ทามะก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านพักในโอซาก้า เธอจึงทำได้เพียงศึกษาศาสนาผ่านทางสามีเท่านั้น

ในปี 1587 ทาดาโอกิ สามีของเธอต้องติดตามฮิเดโยชิ (ในซีรีส์คือไทโกะ) ไปทำการรบที่คิวชู ด้วยความช่วยเหลือจากสาวรับใช้ใกล้ชิด ทามะก็สบโอกาสแอบออกจากบ้านไปเข้าโบสถ์ และใช้เวลาไม่นานนักในการเข้ารีตเป็นคาทอลิก ได้รับชื่อใหม่ว่า กราเซีย

หลังจากทาดาโอกิกลับมาโอซาก้า เขามาพร้อมหน้าที่ใหม่ที่ได้รับคือการแบนคริสต์ศาสนาในญี่ปุ่น มีการห้ามนับถือศาสนาคริสต์ แต่เขากลับพบว่าภรรยาเข้ารีตเป็นคริสเตียนไปเสียแล้ว

เรื่องราวในช่วงเวลานี้มีการบันทึกเอาไว้หลายแบบ เกี่ยวกับความไม่ลงรอยอย่างรุนแรงระหว่างสามีภรรยา แต่อย่างไรก็ดี ทั้งคู่ยังคงเป็นสามีภรรยากัน แม้จะขัดแย้งอย่างหนักในเรื่องศาสนา 

จนกระทั่งราวปี 1600 โทคุกาวะ อิเอยาสึ (ในซีรีส์คือโทรานากะ) ขึ้นปกครองญี่ปุ่น ครอบครัวของสามีเข้าอยู่ฝ่ายเดียวกับโทรานากะ ส่วนตัวเธอเองยังคงอยู่ที่โอซาก้า เรียนภาษาโปรตุเกสและละตินจนพูดได้คล่องแคล่ว นับเป็นชาวคาทอลิกที่เรียกได้ว่าศรัทธาแรงกล้าที่สุดคนหนึ่งในเวลานั้น 

เพราะฉะนั้น ในประวัติศาสตร์จริงแล้ว มาริโกะกับแบล็กธอร์นไม่เคยได้พบกันเลย

โอจิบะ โนกาตะ จากบุตรสาวของผู้ปกครองสู่นางสนมของไทโกะ แม่ของผู้สืบทอดอำนาจ อ้างอิงจากชีวิตจริงของ โยโดะ โดโน
ตัวละครโอจิบะ ในซีรีส์ FX’s Shogun กำลังสยายปีกและกรงเล็บของอำนาจ อย่างที่เราได้เห็นว่าเธอกลายเป็นมือที่มองไม่เห็นที่ทรงพลังที่สุดของสภาไดเมียวผู้รักษาราชการ และตัวละครนี้ก็อ้างอิงมาจากชีวิตจริงยิ่งกว่าละครของ โยโดะ โดโน

โยโดะ โดโน หรือชื่อดั้งเดิมว่า อาซาอิ ชาชา เธอเกิดในปี 1569 เป็นลูกสาวคนโตของ อาซาอิ นากามาสะ ขุนนางระดับสูง แม่ของเธอคือ โออิจิ โนกาตะ น้องสาวของ โอดะ โนบุนากะ (ในซีรีส์คือคุโรดะ ผู้ปกครองญี่ปุ่นคนก่อนหน้า ไทโกะ) การแต่งงานของพ่อแม่เธอคือการสานสัมพันธ์ระหว่างตระกูลอาซาอิและโอดะให้แข็งแกร่ง 

นั่นทำให้ในวัย 4 ปี พ่อของเธอต้องฆ่าตัวตายเพื่อรักษาเกียรติซามูไร ในตอนที่ตระกูลอาซาอิพ่ายแพ้ใหักับฝ่ายโอดะ เพราะพ่อของเธอฝ่าฝืนครอบครัวไปเลือกข้างอาซาคุระ 
อาซาอิ ชาชา กับแม่และน้องสาว พ้นจากโทษตายด้วยความที่เป็นคนในครอบครัวของโอดะ โนบุนากะ 

ในปี 1582 โอดะ โนบุนากะ ถูกฆ่าตาย นั่นทำให้แม่ของชาชาต้องแต่งงานกับ ชิบูตะ คัตสึอิ สายเลือดของโอดะ เพื่อให้แม่ๆ ลูกๆ ปลอดภัย 

ในวัย 13 ปี ชาชาอาศัยอยู่กับแม่และน้องสาวที่ปราสาทคัตสึอิ จนกระทั่งเกิดการต่อสู้ และฝั่งของคัตสึอิพ่ายแพ้ แม่กับพ่อเลี้ยงไม่ยอมหนีเอาตัวรอด แต่กลับฆ่าตัวตายในปราสาทคัตสึอิเพื่อรักษาเกียรติร่วมกับผู้จงรักภักดีนับร้อยคน ส่วนชาชาและพี่น้องหนีออกไปโดยมีตระกูลโอดะคอยช่วยเหลือดูแล

ในปี 1588 ชาชาได้เปลี่ยนชื่อเป็น โยโดะ โดโน (ในซีรีส์คือ ท่านหญิงโอจิบะ) กลายมาเป็นนางสนมของฮิเดโยชิ (ในซีรีส์คือไทโกะ) และเป็นนางสนมคนเดียวที่มีลูกชายสืบสายตระกูลให้เขาได้ 

ลูกชายคนสองนั้น คนแรกร่างกายอ่อนแอ เสียชีวิตไปตั้งแต่เล็ก ส่วนลูกชายคนที่สอง ฮิเดโยริ ร่างกายแข็งแรง และได้รับเลือกให้เป็นผู้สืบทอดอำนาจของฮิเดโยชิ

ตอนที่ลูกชายสายตระกูลอายุได้ 5 ปี ฮิเดโยชิได้เสียชีวิตลง ทำให้ท่านหญิงโยโดะกลับมามีอำนาจอีกครั้งในฐานะของแม่ผู้สืบทอดอำนาจ

คิคุ และ Willow World สถานที่ส่วนตัวเพื่อปลดปล่อยจิตวิญญาณและกรอบกรงขังทั้งหลาย
คิคุ ในซีรีส์ FX’s Shogun เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ทำให้เห็นความแตกต่างของผู้หญิงที่ดูเหมือนจะอิสระมากกว่าท่านหญิงต่างๆ ในตระกูลใหญ่ๆ เธอเป็นเกอิชาที่เก่งกาจในการมอบความบันเทิงให้กับผู้ชาย ผ่านศิลปะการชงชา การสนทนา และเรื่องความสัมพันธ์ทางร่างกาย

แบล็กธอร์นได้รับรางวัลจากโทรานากะให้ไปที่ Willow World สถานบริการที่ว่ากันว่าดีเยี่ยมที่สุดของเมือง โดยที่มาริโกะต้องไปทำหน้าที่เป็นล่ามให้ด้วยกระทั่งในห้องนอน 

อะไรไม่สำคัญเท่าฉากที่คิคุอธิบายถึง Willow World หรือความหมายของสถานที่แห่งนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้แบล็กธอร์นเข้าใจ ยังเป็นการปลดล็อกให้กับมาริโกะด้วยเช่นกัน เพราะระหว่างที่เป็นล่ามแปลความหมาย มันกลับสะท้อนถึงบาดแผลในชีวิตที่ผ่านมาของเธอว่า อย่างน้อยๆ Willow World ก็ช่วยเยียวยาความรู้สึกนั้นได้ในแบบที่ตรงกันข้ามกับ Eightfold Fence ที่เธอทำมาตลอด

“ผู้คนที่มาที่นี่ต่างอยากที่จะมาเพื่อลืมบางสิ่งบางอย่าง ความเบื่อหน่าย ความเจ็บปวด ความยากลำบาก ความผิดหวัง พวกเขาเชื่อว่าสถานที่นี้คือความสุขทางร่างกาย ซึ่งมันก็ใช่แบบนั้น แต่มันอาจจะเป็นได้มากกว่านั้น

“ผู้คนที่ฉันได้พบ พวกเขาต้องการสถานที่ที่พวกเขาเป็นตัวของตัวเองได้ ฉันขอให้คุณปลดปล่อยตัวเองออกจากสิ่งนั้น และสร้างช่วงเวลาที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ช่วงเวลาที่ปรารถนา”

บทสรุปของ FX’s Shogun EP.6 และการส่งต่อไปยังสงครามที่กำลังจะเกิด

ฉากหนึ่งในซีรีส์ FX’s Shogun โทรานากะได้ถามมาริโกะ และเธอตอบเขาเกี่ยวกับสถานะผู้หญิงกับสงครามไว้ว่า

“A man may go to war for many reasons. Conquest, pride, power… a woman is simply at war”
ผู้หญิงต่างไปจากผู้ชายตรงที่ไม่สามารถเลือกเหตุผลในการไปรบได้ และผู้หญิงก็เป็นแค่ผู้หญิงในสงคราม

มาริโกะ เหลือชีวิตรอดเพียงคนเดียวในครอบครัว นามสกุลของเธอต้องสาป และกลายเป็นบาดแผลชีวิตทั้งที่เธอไม่ได้ก่อ

โอจิบะ จากหญิงสาวสูงศักดิ์ หมดสิ้นทุกสิ่งอย่างจนต้องยอมเป็นสนมให้กับคนที่ไม่ได้รัก เพื่อกลับมาครอบครองอำนาจในฐานะแม่ของผู้สืบทอดอำนาจ และหาโอกาสในการแก้แค้นให้กับพ่อของเธอ

สำหรับมาริโกะและโอจิบะ เธอเป็นผู้หญิงญี่ปุ่นที่ไม่อาจเลือก ต้องทำตามสิ่งที่ได้รับคำสั่งจากพ่อหรือผู้ชาย มันก็เหมือนสงครามที่เกิดขึ้นภายในหัวจิตหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างยาวนาน หรือบางทีอาจจะกินเวลาตลอดทั้งชีวิตของพวกเธอ

อ้างอิง: www.fxnetworks.com
ภาพ: Disney+ Hotstar