Our Beloved Summer EP.11-12 การเผชิญหน้า และพูดความจริง
Our Beloved Summer EP.11-12 ต้องเรียกว่าเป็นการเปิดเผยปมสำคัญของตัวละครชเวอุงในแบบที่น้ำตานองเปียกปอนท้องถนน แล้วพาคนดูกลับไปเริ่มต้นใหม่อย่างสดใส ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมทิ้งท้ายในแบบที่ทีมเชียร์อย่างเราๆ อดจะใจตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่ได้
ที่ทำได้ตอนนี้ก็คือรอคอยการมาถึงของวันจันทร์หน้า และลองใช้เวลากลางคืนเงียบๆ นึกถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยมีเหมือนกับเหล่าตัวละครในซีรีส์ Our Beloved Summer ทบทวนถึงมันอีกครั้ง นึกเล่นๆ ว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ตัวเราเองในตอนนี้จะบอกกับตัวเองในตอนนั้นว่าอย่างไร..
การเผชิญหน้า และพูดความจริง
ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่เรียบง่ายที่สุดในการแก้ปัญหาอะไรก็ตาม แต่เราก็มักมีข้ออ้างหรือเหตุผลต่างๆ เป็นร้อยเป็นพันให้ตัวเอง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความจริงให้ได้มากที่สุด ชเวอุงเองก็เป็นแบบนั้น
ก็เพราะบาดแผลในชีวิต ยิ่งลึก ยิ่งใหญ่ ยิ่งเจ็บปวด เราอาจจะเลือกปล่อยให้แผลหายไปเองก็อาจจะเป็นไปได้ แต่การเลือกอดทนเจ็บ ล้างแผล ใส่ยา มันคือวิธีที่ทำให้แผลหายได้เร็วสุด และปลอดภัยที่สุดไม่ใช่หรือ
ท้ายที่สุด Our Beloved Summer ใน EP.11 ก็เป็นเหมือนการกลับมาเผชิญหน้า นั่งลงพูดกันดีๆ ระหว่างคนสองคนที่เลิกราด้วยความไม่เข้าใจกันและกัน จากการที่ต่างมีเรื่องส่วนตัวที่ไม่ได้แบ่งปัน และคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่อีกฝ่ายต้องมารับรู้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะหลายครั้งในชีวิตจริง เราอาจจากลาใครสักคนโดยที่ไม่เคยได้พูดความจริงแก่กันด้วยซ้ำ
ฉากที่อยู่ในร้านอาหาร อุงและยอนซูนั่งอยู่ตรงข้ามกัน บรรยากาศที่แสนจะอึดอัด แต่ขณะเดียวกันก็ปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก เมื่อทั้งคู่ได้พูดความรู้สึกในใจออกมา
พวกเขาอาจจะเรียนรู้แล้วว่านี่คือวิธีที่ถูกต้องในความสัมพันธ์ ที่เราควรได้บอกความรู้สึกให้ฝ่ายตรงข้ามได้รู้ต่อหน้า ได้เห็นว่ามือเขาอาจจะสั่นนิดๆ มีความวูบไหวบางอย่างในตา ซึ่งบอกเราได้ว่าสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นรู้สึกแท้จริงอย่างไร
“ฉันคิดถึงเธอ กุกยอนซู ฉันคิดถึงเธอมาตลอด
ตอนที่เธอกลับมา ทั้งที่เธอมาอยู่ต่อหน้าฉันแล้ว
แต่น่าแปลกที่ฉันเอาแต่โมโหใส่เธอ และไม่พอใจเธอมากๆ
แต่เหมือนตอนนี้ฉันจะรู้แล้วล่ะ
ฉันคง.. แค่อยากเห็นเธอรักฉัน
ฉันคงอยาก.. เห็นเธอที่รักฉันแค่คนเดียว
ยอนซู ช่วยรักฉันต่อไปเรื่อยๆ นะ
อย่าปล่อยฉันไป และรักฉันต่อไปนะ ฉันขอร้อง”
บาดแผลที่เราทุกคนต่างมี
Our Beloved Summer เป็นเหมือนไทม์แมชชีนพาเราย้อนเวลากลับไปช่วงวัยรุ่น วัยที่หัวใจเต้นแรงเก่ง บุ่มบ่าม กล้าพูดกล้าทำที่สุดแล้ว และกับความรักที่ไม่ได้เก่งอะไรเลย แต่เราก็ยังทุ่มเทกับมันสุดตัว ไม่เคยกลัวเลยว่า ‘รัก’ นั้นจะทำร้าย ทิ้งแผลเป็น หรือโบยตีเราอย่างไร
NJ สารภาพว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจ็บจากการโดนเท หรือจริงๆ แล้วที่ผ่านมาเป็นเธอเองที่เลือกเทคนอื่นก่อน ความสัมพันธ์ของ NJ ที่แล้วๆ มาจึงเหมือนการวิ่งไล่ตาม เมื่อไขว่คว้าเอาไว้ได้ก็จะทอดทิ้งมันไป มองในมุมจิตใจก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าเธอกลัวการถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง จนสะท้อนออกมาในการกระทำแบบนี้
ยอนซูเองก็รับไม่ไหวกับความสูญเสียอีกแล้วหรือเปล่าในวันที่บอกลาอุง เพราะปัญหาทางบ้าน ความยากจนที่บีบให้เธอตัดสินใจอย่างนั้น หรือความรู้สึกว่าขาดแหว่งในชีวิตที่โตมาก็มีแค่ย่าเป็นครอบครัว การแก้ปัญหาแบบตัวเองที่ตัดคนอื่นออกไปเลยในช่วงเวลายากลำบากน่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด
จีอุงที่เติบโตมากับครอบครัวคนอื่น ถ้าใครยังจำภาพวันรับปริญญาของอุงและจีอุงได้ ภาพครอบครัวที่พวกเขาถ่ายด้วยกัน อันประกอบด้วย พ่อแม่ของอุง และตัวจีอุง มันอาจสะท้อนภาพความโดดเดี่ยวของเขา ขณะเดียวกันก็บอกแมสเสจบางอย่างว่า ในชีวิตคนเราอาจเกิดในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์พร้อม แต่ครอบครัวที่เราได้พบในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือคนรู้จักอื่นๆ สุดท้ายอาจกลายเป็นอีกครอบครัวของเรา คนที่เรารัก และทำให้เราสบายใจพอที่จะมีชีวิตต่อไปได้
สำหรับอุง เราชอบฉากที่เขาเมาหน้าแดงแล้วล้มตัวลงนอนบนถนน แหงนมองตึกสูงๆ แล้วเริ่มเล่าความลับที่อยู่ในใจเพียงคนเดียวตลอดมา ความลับของการนอนไม่หลับ ความลับของความเศร้าและเดียวดายภายในใจที่ไม่มีใครเคยล่วงรู้ นี่คือบาดแผลที่คนคนหนึ่งมี และไม่เคยมีใครสังเกตเห็นเลยว่ามันเจ็บปวด เรื้อรัง และยังไม่เคยหาย บาดแผลนั้นซ่อนอยู่ในความเป็นอุงที่ดูไม่ธุระโลกคนนี้
จีอุง: เดี๋ยวก็ดีขึ้นครับ การชอบใครฝ่ายเดียว ตอนแรกมันจะยาก แต่ต่อมาก็จะยิ่งยากกว่าเดิม และต่อจากนั้นมันก็จะยากเจียนตาย หลังจากนั้นก็จะดีขึ้นเองครับ
NJ: แปลว่าฉันจะเลิกได้เหรอคะ
จีอุง: ไม่ใช่ครับ คุณจะชินกับการชอบที่ยากลำบาก ถึงเจ็บก็จะไม่รู้สึกว่าเจ็บ ถึงปวดใจก็จะไม่คิดว่าปวดใจ
NJ: ถ้างั้น ฉันจะเลิกได้ตอนไหนเหรอคะ
จีอุง: เรื่องนั้น…ผมยังไม่เคยคิดเลย
NJ: รักข้างเดียวที่สิ้นหวัง
ความเดียวดายของการรักเขาข้างเดียว
ค่อนข้างเชื่อว่าในชีวิตคนคนหนึ่งย่อมต้องเคยผ่านประสบการณ์รักเขาข้างเดียว ซึ่งเอาจริงๆ แล้วเป็นบทเรียนความสัมพันธ์ที่เราได้เรียนรู้การได้รักและการปล่อยวาง
“ฉันไม่มีทางเลือกเลยสินะ” ที่จีอุงบอกกับอุงในวันที่เขามาบอกต่อหน้าว่ากลับไปคบกับยอนซูอีกครั้ง จีอุงที่ยังคงผูกพันอยู่กับรักครั้งแรกเหมือนกันก็ต้องยอมรับความจริงที่เขารู้อยู่เต็มอก ในฐานะคนหลังกล้องที่เฝ้ามองเพื่อนสองคนนี้มาโดยตลอด
ฉากที่จีอุงอยู่ในห้องตัดต่อ แล้วแชรันเข้ามาไล่ให้เขากลับไปนอนพักที่บ้าน นั่นก็เพราะแชรันเองก็รู้ว่าทั้งยอนซูและอุงได้เปิดใจกันแล้ว ภาพที่ทั้งคู่นั่งให้สัมภาษณ์ในคิวถ่ายครั้งสุดท้าย รอยยิ้มที่พวกเขามีให้กัน ยังคงค้างภาพอยู่บนหน้าจอตัดต่อ รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังไม่อยากยอมรับ และถึงแม้ว่าจะต้องยอมรับ ก็ช่างน่าอึดอัดใจจนเกินกว่าที่แชรันจะทนเห็นจีอุงทำงานนี้ต่อไปได้
เพราะฉะนั้นใครที่เคยมีประสบการณ์ร่วมกรณีรักเขาข้างเดียวก็ย่อมเสียน้ำตาโดยไม่รู้ตัว กับฉากที่จีอุงบอกกับ NJ ถึงทฤษฎีรักข้างเดียวที่สิ้นหวัง และในท้าย EP.12 ก็ยังมีบทส่งท้ายที่ทำลายทำนบน้ำตาอีกครั้ง เมื่ออุงยังคงเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนคนนี้ คอยเฝ้าไข้ คอยอยู่ข้างๆ คอยเป็นชีวิตชีวาให้บ้านที่แห้งแล้งของจีอุง เพราะตัวอุงเองก็เข้าใจความเดียวดายที่จีอุงมีอย่างที่สุด
สรุปเบาะแส
– EP.11 ในชื่อตอนที่ว่า Our Nights Are More Beautiful Than Your Days และ EP.12 ในชื่อตอนของการเริ่มต้นใหม่ Begin Again
– อยากดื่มชาพุทรา ลองสูตรนี้ 1. ล้างพุทราจีนให้สะอาด อบแห้ง แล้วบีบเปลือกให้แตกจนเนื้อในปริออกมา 2. ต้มน้ำเดือด แล้วใส่พุทราจีนลงไป ใส่เก๋ากี้ ใบเตย น้ำตาล หรือน้ำผึ้งได้ตามชอบ 3. ครบ 20-30 นาทีพร้อมเสิร์ฟ