Our Beloved Summer EP.9-10 ความเป็นจริงที่เราต่างหวาดกลัว และโดดเดี่ยวบนโลกใบนี้
Our Beloved Summer เดินทางมาถึง EP.9-10 เป็นการเปิดเผยแง่มุมสำคัญที่ลึกซึ้งของเหล่าตัวละครหลัก ทำให้เราได้มองเห็นรอยร้าว แผลเป็น คราบน้ำตาของพวกเขาที่ผ่านพ้นชีวิตวัยรุ่นส่วนหนึ่งด้วยความเจ็บปวด และกับชีวิตในปัจจุบันก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่า ‘มีความสุข’
บ้านกึ่งสตูดิโอที่ชเวอุงแทบจะใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในนั้นเพียงลำพัง พ่อแม่ที่รักก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำจนไม่มีเวลาให้
NJ ที่รายล้อมด้วยผู้คนมากมายทุกๆ วัน และเป็นคนที่อยู่กลางแสงไฟตลอดเวลา กลับกลายเป็นคนที่ร้องไห้อยู่ข้างในกับความโดดเดี่ยวที่ไม่มีใครเข้าใจ
คิมจีอุง กับแม่ที่หายออกไปทำงานเป็นประจำ ทิ้งให้เขามีชีวิตตัวคนเดียวมาตั้งแต่เล็ก และกลายเป็นคนที่แทบไม่แสดงออกถึงความรู้สึก
กุกยอนซู มีย่าเป็นญาติสนิทเพียงคนเดียว ต่อสู้กับความยากจนมาตั้งแต่จำความได้ จนเธอไม่มีพื้นที่เหลือพอให้รู้สึกอะไรกับความต้องการของตัวเอง
**เราอยากแนะนำให้เปิดเพลงฟังนี้ไปด้วยระหว่างอ่านบทความนี้ เพราะ Christmas Tree โดย V BTS มันมีอารมณ์เศร้าสร้อยที่ไม่ได้ดำดิ่งขนาดนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะสดใสเหลือเกิน
เวอร์ชั่น V BTS https://youtu.be/xXjX-FYG3IQ
เวอร์ชั่นมีคัตซีนจากซีรีส์ https://youtu.be/lj8TV9q59P4
หรือจะฟังวนไป 1 ชั่วโมงแบบชเวอุง https://youtu.be/Bu0AJEvuNU0
จริงหรือเปล่าที่เราดูซีรีส์ Our Beloved Summer ด้วยความรู้สึกร่วมว่าเป็นใครสักคนในเรื่องราว กับการสะท้อนให้เห็นภาพจริงของหนุ่มสาวในเมืองที่ต่างดิ้นรนเพื่อประสบความสำเร็จ มีหน้าที่การงานที่ดี มีชื่อเสียงเงินทอง ขณะเดียวกันในทางความรู้สึกก็เต็มไปด้วยความเงียบเหงา ถึงจะได้เจอคนมากมาย เดินผ่านผู้คนมากเท่าไหร่ ก็ไม่รู้สึกเติมเต็มช่องโหว่ในจิตใจ
และบางทีที่เราได้เห็นภาพวาดด้วยมือซึ่งเต็มไปด้วยรายละเอียด ก็อาจทำให้น้ำตาไหลออกมาได้อย่างที่ NJ เจอกับตัวเอง ความรู้สึกว่ามีใครอีกคนที่วาดรูปนี้กำลังรู้สึกเช่นเดียวกันกับเธอ
แม้ตัวละคร NJ จะเต็มไปด้วยความสดใส ร่าเริง ดูมีความเชื่อมั่น แต่ยิ่งผ่านไปแต่ละอีพี Our Beloved Summer ก็เปิดเผยให้เห็นบาดแผลของการใส่ใจคำพูดคนอื่น ที่เหมือนพูดง่าย แต่ถ้าเกิดกับตัวก็คงยากที่จะปล่อยผ่านมันไป ซึ่งประเด็นการบูลลี่ผ่านโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่สะท้อนแค่ตัวละคร NJ แต่ยังทำให้เห็นถึงคนทั่วไปที่ทุกวันนี้กระทบกระทั่งกันก็เพราะความคิดความเชื่อแบบนี้
คิมจีอุง ตัวละครที่เราแทบไม่เคยเห็นรอยยิ้ม จากภายนอกที่แม้จะเป็นหนุ่มฮอตประจำโรงเรียน นักกีฬา เด็กหนุ่มนิสัยดี แต่สิ่งที่ซุกซ่อนเอาไว้คือการเติบโตมาเพียงลำพัง แม่ไปทำงานนอกบ้านจนละเลยลูกชายคนนี้ การเก็บความรู้สึกเอาไว้ภายใน เขาจึงตัดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นด้วยการเลือกปิดประตู ไม่พบ ไม่เห็น ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้คิมจีอุงที่แบ่งปันข้าวของรวมถึงผู้คนกับชเวอุงไม่เคยรักใคร
ส่วนกับกุกยอนซู ไม่แน่ใจนักว่าคิมจีอุงมีความรู้สึกอย่างไร ชอบเพราะไม่เคยได้เป็นเจ้าของ ชอบเพราะเป็นคนแรกที่ทำให้เขาสั่นไหว หรือชอบเพราะรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรว่างโหว่เหมือนกับตัวเขาเอง ก็เป็นสิ่งที่ต้องคอยติดตามกันต่อไป
Our Beloved Summer ทำให้เห็นว่ากับชีวิตคนคนหนึ่ง พื้นฐานครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญในการประกอบร่างให้คนคนนั้นเติบโตขึ้นมา ทั้งยังสะท้อนให้เห็นสังคมที่แตกต่างในแต่ละเจน แม่ของคิมจีอุง รวมถึงพ่อแม่ของชเวอุงที่อยู่ใน Gen B (Baby Boomer) พวกเขามีหน้าที่คือการหาเงินเพื่อครอบครัวที่สุขสบาย ความรักสะท้อนผ่านการทำหน้าที่นี้ โดยที่หลงลืมไปว่าการแสดงความรักกับครอบครัวคืออีกสิ่งที่สำคัญเช่นกัน
สำหรับคิมจีอุง การได้เป็นเพื่อนกับชเวอุง นอนห้องเดียวกัน อ่านการ์ตูนด้วยกัน กินข้าว เที่ยวเล่น ใช้เวลากับครอบครัวชเวอุง แม้ว่าจะเป็นความจริงใจที่มีให้กันอย่างที่สุด แต่คิมจีอุงก็คงรู้สึกเหงา เพราะทั้งหมดนั้นไม่ใช่ครอบครัวของเขา ไม่ใช่เนื้อหนังที่เขาเป็นเจ้าของ
ฉากที่คิมจีอุงจับมือบอกกับกุกยอนซูเรื่องแม่ หรือยอมดื่มเบียร์จนพูดความในใจเรื่องแม่กับชเวอุง ก็คงเป็นการเปิดเผยแล้วว่า ที่ลึกที่สุดข้างในใจ นี่คือบาดแผลที่เขาเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมันอยู่บนความเชื่อ หน้าที่ ความหมายของการเป็นครอบครัวที่แตกต่างกัน
ฉากสะเทือนใจเหลือเกินอยู่ใน Our Beloved Summer EP.9 ที่แม่ของ ชเวอุง เข้ามาช่วยเช็ดตัวให้ลูกชาย แล้วไปนั่งมองภาพวาดของเขาใกล้ๆ จนรับรู้ได้ถึงความโดดเดี่ยวของลูกชายคนเดียวที่มี สำหรับแม่นั้นมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เมื่อคิดว่าพยายามอย่างที่สุด กลับดูแลคนที่รักที่สุดได้ไม่ดีพอ
แม่: ลูกชายแม่โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ทำไมลูกแม่ถึงโตมาตามลำพังล่ะ ลูกผ่านช่วงเวลาแบบไหนมา อย่าพยายามแบกภาระไว้คนเดียวสิ ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้ พ่อกับแม่คงจะยังบกพร่องมากเกินกว่าที่ลูกจะหวังพึ่งพาได้
ชเวอุง: ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก อย่ากังวลไปเลยครับ ผมแค่สบายใจเวลาอยู่ตามลำพัง ไม่เป็นไร ที่เป็นตอนนี้ก็ดีแล้ว
[อุงนึกในใจ] การอยู่ตัวคนเดียวแต่แรกไม่ได้เลวร้ายอะไรครับ เพราะจะชินกับมันไปเอง แต่ผมไม่อยากเผชิญกับการกลับมาเหลือตัวคนเดียวเป็นครั้งที่สอง
‘ความกลัว’ คือสิ่งที่ชเวอุงไม่ชอบ แต่ก็ไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไร ลงท้ายจึงกลายเป็นการทำสิ่งที่ตรงกันข้าม เหมือนเขาไม่กลัว เหมือนเขาไม่สนใจใคร และด้วยความที่เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวไม่ต่างจากตัวละครหลักอื่นๆ ในเรื่อง การที่มีรักแรกและเป็นแฟนกับกุกยอนซู 5 ปี ก็เหมือนเป็นการเปิดรับใครอีกคนเข้ามาในความโดดเดี่ยวนั้น และทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป จนกระทั่งการเลิกรา ที่ทำให้ชเวอุงยากลำบากมากๆ กับการต้องพยายามกลับไปอยู่ให้ได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง
กุกยอนซู เป็นตัวละครที่ชีวิตมอบบททดสอบให้มากมาย ตั้งแต่เป็นเด็กกำพร้าที่ต้องอยู่กับย่าเพียงสองคน ความยากจนทำให้ชีวิตไม่ง่ายนัก แต่ด้วยความดิ้นรนทั้งหมดทั้งมวล กุกยอนซูก็เลือกที่จะเรียนหนังสือให้เก่งที่สุด เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะพาเธอและย่าออกไปจากความยากจนข้นแค้นนี้
นั่นทำให้เด็กสาววัย 19 สอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียน ต้องยอมถ่ายสารคดีเพื่อแลกกับเงินค่าจ้าง สารคดีนั้นทำให้เธอได้พบกับชเวอุงที่สอบได้ที่โหล่ ภายนอกที่แข็งกร้าวของกุกยอนซูทำให้เพื่อนๆ และคุณครูเข้าใจว่าเธอเป็นเด็กหัวดีที่ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ แต่ในความใกล้ชิดระหว่างกัน ชเวอุงก็ได้มองเห็นมุมที่อ่อนโยนและสวยงามของกุกยอนซู เขารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ยิ้มแล้วโลกของเขาจะสดใส หัวเราะแล้วเหมือนว่าดอกไม้จะผลิบาน
เพราะฉะนั้นการที่ชเวอุงได้ไปนั่งดูฟุตเทจที่จีอุงถ่ายเอาไว้ ก็เหมือนการได้เรียกคืนอดีตที่เขายังคงจำได้ดีให้กลับมาอีกครั้งในแบบที่จับต้องได้ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นเป็นภาพของกุกยอนซูที่กำลังหัวเราะร่าเริง เป็นรอยยิ้มใสบริสุทธิ์ในแบบที่เขาเคยเป็นเจ้าของ แต่ตอนนี้เหมือนมันแทบเรียกคืนมาไม่ได้อีกแล้ว
ชีวิตคนเราเมื่อเดินทางผ่านชีวิต ผ่านการวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อประสบความสำเร็จที่สุด การยอมทิ้งใครหลายคนไว้ระหว่างทาง ความโดดเดี่ยว ความสุข ความเศร้า ความกลัว เมื่อมันถึงวันหนึ่งที่เวลาพัดผ่าน หลายอย่างเราก็ไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้อีก ทำได้เพียงเชิดหน้ายอมรับชะตากรรม และใช้ชีวิตกันต่อไป
สรุปเบาะแส
– Our Beloved Summer EP.9-10 ฉายสลับการแชทคุยกันระหว่างกุกยอนซูกับคิมจีอุง และ NJ กับชเวอุง ที่ทำให้เห็นว่าพวกเขามีความสบายใจให้แก่กัน เป็นคนที่ทำให้ยิ้มได้ ขำตามไปได้กับสิ่งที่พิมพ์โต้ตอบกันไปมา ซึ่งอาจเป็นการปูทางสู่เนื้อเรื่องที่ยังเหลืออยู่
– สีเสื้อที่สำคัญในซีรีส์เรื่องนี้ ก็ยังต้องเดาใจว่าใช้เป็นเบาะแสหรือมาทำให้ไขว้เขว เพราะสีเหลืองที่ยอนซูชอบก็เป็นสีเสื้อที่ชเวอุงเลือกใส่ไปงานแสดงภาพวาดของตัวเอง และยังเป็นสีเสื้อของคิมจีอุงในโปสเตอร์ที่ถ่ายร่วมกัน 3 คน
– การที่ Our Beloved Summer ตั้งชื่อ EP.9 ว่า Just Friends และตั้งชื่อ EP.10 ไว้ว่า Hello My Soulmate ก็อาจเป็นความหมายโดยนัยว่า สุดท้ายใครคนหนึ่งจะเป็นแค่เพื่อน ส่วนใครอีกคนคือคนที่รักที่โชคชะตาจัดสรรไว้ให้แล้ว