My Liberation Notes คยองกี-โซล ชนชั้นกลางที่ชีวิตแต่ละวันหมดไปกับการเดินทาง
My Liberation Notes ซีรีส์ที่บอกเล่าเรื่องราวของสามพี่น้องที่ใช้ชีวิตอย่างจำเจในทุกๆ วัน ต้องเดินทางไกลไปกลับ คยองกี-โซล วันละ 3 ชั่วโมงทุกวัน ซึ่งชีวิตที่น่าเบื่อหน่ายและไร้สีสันทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกกักขังไว้ในที่ที่หนึ่ง เฝ้ารอวันแล้ววันเล่าที่จะได้ ‘ปล่อยใจสู่เสรี’
และถ้าใครติดตามซีรีส์มาจนถึง EP.4 ก็จะสังเกตเห็นว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กักขังสามพี่น้องตระกูลยอมไว้คือการเดินทางที่แสนจะยาวนานในแต่ละวัน ซึ่งประเด็นนี้ก็ถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยๆ บ่อยจนทำให้ ดูซีรีส์ให้ซีเรียส เกิดข้อสงสัยขึ้นมาว่าการเดินทางที่ว่านั้น แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร และจะยากเย็นขนาดไหน
ข้อสันนิษฐาน ตำแหน่งที่ตั้งบ้านพี่น้องตระกูลยอม
หากรวบรวมข้อมูลและภาพต่างๆ ที่เราเห็นและได้ยินจากซีรีส์ ก็จะสรุปได้ว่าบ้านของสามพี่น้องนั้นตั้งอยู่ที่ เมืองซันโพ (산포시) จังหวัดคยองกีใต้ (경기도) ซึ่งเป็นจังหวัดที่เปรียบเหมือนไข่ขาวที่ล้อมรอบไข่แดงอย่างกรุงโซลไว้จริงๆ ถึงแม้ว่าจังหวัดคยองกีจะมีอยู่จริง แต่ก็ได้มีการเปิดเผยว่าเมืองซันโพ รวมไปถึงสถานีดังมี (당미역) ที่เราเห็นกันในซีรีส์นั้นล้วนเป็นชื่อที่ถูกแต่งขึ้นทั้งหมด
มีฉากหนึ่งที่ยอมมีจองเคยอธิบายว่าบ้านเธออยู่ใกล้ๆ กับเมืองซูวอน (수원시) ทำให้ดูซีรีส์ให้ซีเรียสสันนิษฐานถึงที่ตั้งจริงๆ ของบ้านพี่น้องตระกูลยอมไปต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นเมืองกุนโพ (군포시) เพราะชื่อคล้ายซันโพ หรือเมืองซองนัม (성남시) เพราะมีหมู่บ้านชื่อชังมี (장미마을) ซึ่งคล้ายกับดังมี หรือแม้กระทั่งสถานีซองฮวัน (성환역) ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำจริงๆ แต่ก็คงจะไม่ถูกซะทีเดียว เพราะสถานีดังกล่าวตั้งอยู่ที่จังหวัดชอนอัน (천안도) ไม่ใช่จังหวัดคยองกี
ดังนั้นเมื่อรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่มีแล้ว ทั้งตอนที่พี่ยอมกีจองบอกว่าเธอนั่งรถตามถนนหมายเลข 1 ข้ามแม่น้ำฮันเพื่อมาเดต ทั้งข้อเท็จจริงที่ว่าสามพี่น้องนั่งรถไฟใต้ดินสาย 1 และฉากใน EP.3 ที่เราจะเห็นว่าสถานีต่อจากดังมีคือ แกโอซาน (개오산역) ทำให้ข้อสันนิษฐานที่ดูมีความเป็นไปได้มากที่สุดคงจะเป็นสถานีจินวี (진위역) เมืองพยองแท็ก (평택시) จังหวัดคยองกีนั่นเอง ซึ่งสถานีนี้อยู่ติดกับสถานีโอซาน (오산역) ในความเป็นจริงอีกด้วย
ไทม์ไลน์การเดินทางของยอมมีจอง
ถ้าเราปักหมุดการเดินทางโดยเริ่มจากบ้านของยอมมีจองที่คาดว่าอยู่ในเมืองพยองแท็ก ไปจนถึงสถานีคังนัม (강남역) ในกรุงโซล การเดินทางของเธอก็ดูจะลำบากและใช้เวลามากจนสามารถกักขังเธอไว้ได้จริงๆ เพราะเธอต้องเริ่มจากการเดินเท้าจากบ้านไปขึ้นรถบัสสีเหลืองที่เรียกว่า G-Bus หรือ Gyeonggi-Bus (คยองกีบัส) ไปลงที่หน้าสถานีดังมี (หรือจินวีจากการคาดเดา) ซึ่งถ้าหากเป็นสถานีจินวีจริง ยอมมีจองต้องเปลี่ยนสายรถไฟใต้ดินถึง 2 ครั้งจากสาย 1 ไปสาย 4 และจากสาย 4 ไปสาย 2 เพื่อลงที่สถานีคังนัม รวมทั้งสิ้น 26 สถานี และใช้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณ และถ้าหากดูตารางเวลาของรถไฟใต้ดิน ณ สถานีที่ยอมมีจองต้องเปลี่ยนสายแล้วนั้น ก็ตรงกับในซีรีส์ที่รถเที่ยวสุดท้ายจะมาในช่วงห้าทุ่มไม่เกินเที่ยงคืน
การเดินทางจากเมืองหลวงสู่ชนบท
หากใครใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานคร ก็คงจะรับรู้ได้ถึงความยากลำบากของการเดินทางในแต่ละวันแบบที่สามพี่น้องต้องพบเจอ ชาวกรุงเทพฯ เองก็ต้องเดินทางหลายต่อเช่นเดียวกัน ทั้ง BTS MRT รถเมล์ รถตู้ หรือแม้แต่วินมอเตอร์ไซค์ แถมยังต้องอดทนกับสภาพการจราจรที่ชวนปวดหัว ซึ่งอาจจะทำให้เราเสียเวลาไปมากกว่า 1 ชั่วโมงครึ่งด้วยซ้ำ
แต่ความต่างของสถานการณ์ในบ้านเรากับที่เกาหลีอาจจะมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกัน จริงอยู่ที่เกาหลีมีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีกว่า การมีบริการที่ทั่วถึงและตารางเวลาที่แน่ชัด ทำให้ 1 ชั่วโมงครึ่ง (เป็นอย่างน้อย) จึงถือว่านานมากแล้วสำหรับคนทำงาน เทียบกับในกรุงเทพฯ ที่ 1 ชั่วโมงครึ่งสำหรับบางคนอาจจะเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ไปเลยก็ได้
แต่ในทางกลับกัน คนเกาหลีมีความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพารถโดยสารสาธารณะอย่างมาก เพราะหากตกรถไปก็จะไม่เหลือทางเลือกมากนัก นอกจากการเรียกแท็กซี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนเกาหลีหลีกเลี่ยง ด้วยเหตุผลเรื่องราคาที่ค่อนข้างสูง เหมือนในซีรีส์ที่เราจะเห็นว่าถ้าหากสามพี่น้องต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้าน พวกเขาต้องจ่ายค่าเดินทางถึง 30,000 วอน หรือประมาณ 800-900 บาทนั่นเอง
เรื่องโดย พิชญา หวังปรีดาเลิศกุล
อ้างอิง: pantip.com, nuriwiki.net, www.seoulmetro.co.kr