Little Women EP.3-4 เกิดมาจน สิบล้อชนต้องห้ามตาย
Little Women ผ่านไปแล้วสำหรับ EP.3-4 เรียกว่าเรื่องราวเข้มข้นต่อเนื่อง เร่งเครื่องไปไวมาก นอกจากจะคลายปมเร็วยิ่งกว่ายาคลายกล้ามเนื้อ ยังมีปมใหม่ๆ โผล่มาอีกเพียบ โดยยังคงคอนเซปต์สะท้อนความรู้สึกนึกคิดและความเจ็บปวดจากความเหลื่อมล้ำในโลกทุนนิยมที่เงินคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นเคย อย่างที่นักเขียน จองซอกยอง เคยได้สัมภาษณ์ไว้ว่า
“เราอยากสะท้อนสังคมที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของ ‘เงิน’ ว่าจิตวิญญาณของสังคมแบบนั้นเป็นอย่างไร ความปรารถนาที่จะมีเงินของเรามาจากไหน และเงินมีความหมายต่อจิตวิญญาณคุณอย่างไร ต้องการเพิ่มเรื่องราวของคนวัยหนุ่มสาวผ่านตัวละครที่ต้องกระเสือกกระสนต่อสู้จนหยดเลือดไหลออกมาแทนหยาดเหงื่อ เพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมายของตัวเอง”
เฉกเช่นน้องคนสุดท้อง โออินฮเย แม้จะถูกพี่คนรอง โออินกยอง บอกว่าการที่เธอขายภาพให้พัคฮโยรินคือการขายวิญญาณ แต่โออินฮเยก็ได้ตั้งคำถามว่า “วิญญาณนั้นสร้างจากอะไร ถ้าฉันมีวิญญาณแล้วแม่ของฮโยรินซื้อไปในราคาที่แพง ฉันคงต้องซึ้งใจมาก”
โออินฮเยเต็มใจรับจ้างวาดรูปให้กลายเป็นผลงานของพัคฮโยรินด้วยจิตวิญญาณของความเป็นพัคฮโยรินขณะที่วาดภาพ ด้วยทักษะที่เธอมี และด้วยความปรารถนาที่อยากจะปลดพันธนาการจากลำแข้งที่แสนลำบากของพี่ๆ เธอจึงอยากหารายได้ด้วยตัวเอง
เพราะความจนมันน่ากลัว?
เราจินตนาการถึงภาพความจนได้มากน้อยแค่ไหน ความจนของเราคือแบบไหน บ้านที่มีฝูงมด ฝูงแมลงสาบเดินตามพื้น บ้านที่ต้องปิดหน้าต่างไว้ตลอด เพราะหากเปิดแล้วจะปิดกลับไม่ได้ หรือความจนแบบที่เมื่อหน้าหนาวมาถึง แต่เรากลับไม่มีกำลังเงินเพื่อซื้อเสื้อกันหนาวดีๆ ใส่ เพราะแค่รายได้แต่ละเดือนก็แทบชักหน้าไม่ถึงหลังแล้ว
สำหรับโออินจูนั้น การไม่มีเงิน = ตาย
ความจนสำหรับโออินจูนั้นทั้งพรากชีวิตคนในครอบครัว พรากโอกาส และความฝัน “ตอนนั้นฉันจำได้ขึ้นใจว่าไม่มีเงินเท่ากับตาย ฉันอยากให้พ่อเอาเงินกลับมาบ้าน ต่อให้ต้องขโมยมาก็ตาม เราจะได้มีกิน เราจะได้ใช้ชีวิต เราจะได้รอดตาย เพราะคนเราตายเมื่อจน ทางเดียวที่จะใช้ชีวิตต่างจากเดิมได้คือการไม่จนอีกต่อไป”
สำหรับโออินกยอง แม้จะจนในฐานะ แต่จะไม่ยอมจนในศักดิ์ศรี
“ฉันโอเคกับความจน เพราะเราเป็นแบบนั้นมาตลอด แต่ฉันไม่อยากเป็นหัวขโมยเพราะจน ถ้าเป็นแบบนั้นเท่ากับฉันแพ้”
“เพราะตอนอยู่บ้านย่า ท่ามกลางเด็กลูกคนรวย ฉันกลายเป็นหัวขโมยทั้งที่ไม่เคยขโมยอะไรเลย ฉันเกลียดอะไรแบบนั้นมากกว่าความตายอีก”
แม้ว่าทั้งสองจะเผชิญความจนเหมือนกัน แต่สถานการณ์ที่เจอก็ทำให้ได้มุมมองต่อสถานะตัวเองแตกต่างออกไป สำหรับโออินจู ความจนคือความตายที่ทำให้เธออยู่ปากเหว ส่วนโออินกยอง การถูกลดทอนศักดิ์ศรีเพียงเพราะจนคือสิ่งที่น่ากลัวกว่า ทุกความจนไม่ว่าแบบฐานะที่ ‘ยากจน’ หรือ ‘ศักดิ์ศรีที่ถูกเหยียบย่ำ’ ก็ล้วนเจ็บปวด และไม่อาจเทียบกันได้ ไม่อาจทำให้สบายใจได้ด้วยการเทียบว่ามีใครลำบากกว่าเราหรือเราลำบากกว่าใคร เพราะทุกคนที่เผชิญกับความจนล้วนเจ็บปวดในแบบของตัวเอง
จน เครียด กินเหล้า? วาทกรรมเก่าในไทย ไฉนไปโผล่ในละครเกาหลี
เพราะเราจน เลยต้องเครียดและกินเหล้า หรือเรากินเหล้าแล้วเครียด ก็เลยจน? สาเหตุของความจนมาจากไหนในแต่ละมุมมองของตัวละคร
“ความจนทำให้คนตกต่ำได้ก็ทำให้แข็งแกร่งได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นเราต้องหลุดพ้นมาสิ ฉันจะเลิกเหล้าและใช้ชีวิตต่างจากเดิม” ความลำบากที่โออินกยองต้องเผชิญ เราเชื่อว่าล้วนมาจาก ‘ตัวเอง’ ทั้งนั้น ความจนเป็นแค่ปัจจัยภายนอกที่พัดและผ่านมากระทบเรา ถ้าอยากหลุดพ้นจากความจนต้องเริ่มจากตัวเอง จะต้องขยัน ต้องเลิกเหล้า ถึงจะเลิกจน
“ยัยโง่ วิธีเดียวที่ใช้ชีวิตไปจากเดิมได้คือ การไม่จนอีกต่อไป”
ในขณะที่โออินจูผู้ยืนอยู่ปากเหวหลายครั้งในช่วงชีวิตนี้เชื่อว่าความจนเป็นต้นเหตุหลัก ต่อให้เราขยันกว่านี้ ทำงานหนักกว่านี้ ก็ไม่สามารถแตะเงินพันล้านวอนได้แน่นอน ดังนั้นการไม่จนอีกไปคือสิ่งที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากวงจรแบบนี้ แน่นอนว่าการจะขยับชนชั้นทางเศรษฐกิจขึ้นไปเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก เพราะต้องแลกมาด้วยการดิ้นรนแบบไม่มีที่สิ้นสุด และไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
สิ่งที่ราคาแพงกว่าความรวยคือความไม่จน
“ถ้าแต่ละคนมีมูลค่า อินฮเยน้องฉันมีค่าเกิน 2 พันล้านวอนค่ะ ฉันขอช่วยชีวิตน้องก่อน แล้วฉันจะจ่ายคืน ถ้าฉันยอมทุ่มทั้งชีวิตและวิญญาณ มันก็น่าจะถึงร้อยล้านไม่ใช่เหรอคะ” – โออินจู
“ถ้าเธอยอมโดนตบสิบที ฉันจะให้ยืมร้อยล้าน ถ้ายังไหวให้พูดว่า ‘โก’ แต่ถ้าเธอหยุดกลางคัน เธอก็จะอดได้เงิน แม้จะโดนตบกี่ครั้งแล้วก็ตาม”
นี่คือข้อเสนอที่หัวหน้าโก มือขวาของวอนซังอา ได้ให้กับโออินจู สะท้อนระบบเงินกู้ชนิดที่ว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว และสะท้อนระบบทุนนิยมที่กัดกินเราได้อย่างดีมาก เพราะไม่ว่าเราจะกระเสือกกระสนด้วยหยดเลือดหยาดเหงื่อเพื่อให้ได้ค่าตอบแทน หรือแม้จะยอมให้นายทุนกดขี่เรา หรือยอมเป็นหนี้ ทุนนิยมทำให้เราต้องกระเตื้องทำงานตลอดเวลา แม้เราจะลงแรงกายแรงใจไปแล้ว การมาได้ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายของงานสำคัญที่สุด
ถ้าเรายอมแพ้ ทนไม่ไหว ทุนนิยมจะตราหน้าเราว่าไม่เอาไหน ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สมควรกับเงินทั้งหมด
เปิดปมปริศนาใหม่ของเงิน 7 หมื่นล้านวอน
หลังจากที่โออินจูหอบกระเป๋าเป้ที่มีเงิน 2 พันล้านวอนไปมา และกำลังวางแผนใช้เงินนั้นซื้ออพาร์ตเมนต์อยู่กับน้องๆ อย่างสุขสบาย แต่กลับไม่เป็นอย่างที่ฝัน แถมมีเรื่องเงินที่ชวนปวดหัวมาเพิ่มอีก
– เงินสด 2 พันล้านที่โออินจูได้มาถูกหัวหน้าโกยึดไป
– เงินส่วนที่เหลือพบว่าอยู่ในบัญชีที่สิงคโปร์ ซึ่งถูกโอนจากบัญชีของจินฮวายองเข้าบัญชีชื่อโออินจูทั้งหมด 7 บัญชี โดยที่โออินจูถูกใช้ชื่อเอาไปเปิดบัญชีโดยที่เจ้าตัวไม่รู้มาก่อน
– โออินจูยังถูกจินฮวายองใช้ตัวตนเป็นนักบัญชีสุดไฮโซที่สิงคโปร์ด้วย
หลังจากที่โออินจูรู้เรื่องบัญชีและถูกแอบใช้ตัวตนที่สิงคโปร์แล้ว เธอบอกกับชเวโดอิลว่า “ต้องไปสิงคโปร์เดี๋ยวนี้” ทำให้เราอยากรู้ขึ้นมาเลยว่าที่สิงคโปร์มีอะไรกันนะ
กล้วยไม้สีน้ำเงิน กล้วยไม้แห่งความตาย
ในอีพีนี้เราได้รู้ถึงคุณสมบัติของกล้วยไม้สีน้ำเงินเพิ่มมากขึ้น จากการค้นคว้าของโออินกยองและฮาจองโฮจากหนังสือ กล้วยไม้สีน้ำเงิน (Blue Orchid) เขียนโดย โจแอน ฟีลด์ส โดยมีคุณสมบัติที่ชวนขนลุกมากมาย
– ถูกเรียกว่าผี และถูกขนานนามว่าเป็นกล้วยไม้สายพันธุ์ที่ลี้ลับที่สุด
– หายาก ใกล้สูญพันธุ์ และถูกห้ามนำเข้าหรือเพาะปลูก เพราะมีพิษ
– นักสำรวจและนักพฤกษศาสตร์เข้าไปหาในป่าเวียดนาม และได้มาไม่กี่ดอก แต่ทุกคนที่ครอบครองกลับตายหมด
– แม้แต่คนท้องถิ่นก็มีร่างทรงเพียงไม่กี่คนที่รู้แหล่งที่อยู่ของมัน
– คนที่ไวต่อความรู้สึกมากๆ เมื่อเข้าใกล้ดอกไม้นี้ ชีพจรจะเต้นถี่ขึ้น มีความรู้สึกว่าเท้าเบาลง และบางครั้งอาจเกิดอาการหลอน เช่นเดียวกับโออินฮเยที่มีอาการนี้หลังจากสูดดมมัน
– ถ้าต้มรากกล้วยไม้ดื่ม จะทำให้สูญเสียประสาทสัมผัสโดยสมบูรณ์
โจแอน ฟีลด์ส ยังบอกอีกว่าถ้าอยากดูกล้วยไม้นี้กับตาให้ติดต่อคนคนหนึ่งไป ซึ่งหลังจากได้ที่อยู่มาก็พบว่าเป็นที่อยู่เดียวกันกับที่คิมชอลซอง คนที่ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำก่อนนัดพบกับโออินกยอง หลานชายของคิมดัลซู ให้เธอมาด้วย
เรื่องโดย กฤติมา คลังมนตรี, ธัญฐรัตน์ โกมลวัฒน์