Hospital Playlist 2 EP.12 เรียนรู้ที่จะเติบโตไปด้วยกัน
Hospital Playlist 2 EP.12 ดูเหมือนจะทิ้งท้ายบอกเราไว้อย่างนั้น
ไม่มีใครรู้ทุกอย่างหรือทำได้ทุกเรื่องตั้งแต่ครั้งแรก เราย่อมต้องการเรียนรู้ และเติบโต กระทั่งซงฮวาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพอร์เฟกชันนิสต์ หรืออิกจุนที่หัวดีจนอยู่ในตำแหน่งท็อปของชั้นปีมาตลอดก็ตาม
การเติบโตก็คือการเปลี่ยนแปลง คือการเปลี่ยนผ่านของชีวิตอย่างหนึ่ง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เด็ก วัยรุ่น คนทำงาน แต่ยังรวมไปถึงผู้ใหญ่ที่แม้จะผ่านชีวิตมาแล้วมากมาย ก็ยังคงมีเรื่องให้เรียนรู้ ค้นหา ลองผิดลองถูกอยู่เสมอ
ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ก็คงไม่ได้แล้ว
จองวอน กุมารศัลยแพทย์ที่เคยร้องไห้ไปสารภาพบาปไปกับการที่เขาไม่สามารถรักษาชีวิตน้อยๆ ของคนไข้เด็กเล็กเอาไว้ได้ในซีซั่นแรก พอมาถึงซีซั่นสอง อีพีสุดท้าย เขาจะต้องพบกับเคสเด็กหญิงซึงแชที่ควรผ่าตัดปลูกถ่ายลำไส้เล็ก เพื่อให้เธอเติบโตอย่างปกติธรรมดาเหมือนเด็กทั่วๆ ไป
ซึ่งการผ่าตัดปลูกถ่ายลำไส้เล็กนั้นมีความซับซ้อนและยากที่จะประสบความสำเร็จ แม้จะขอเวลาตัดสินใจอยู่หลายวัน แต่สุดท้ายจองวอนก็เลือกที่จะทำการผ่าตัดเพื่อให้เด็กผู้หญิงคนนี้มีชีวิตต่อไปอย่างแข็งแรง แม้ว่าตัวเขาเองจะยังไม่มั่นใจนักว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม
“ในหนึ่งปี ทั้งประเทศจะมีการผ่าตัดอยู่เคสสองเคสนี่แหละ เป็นการผ่าตัดที่ยากและอัตราการประสบความสำเร็จก็ไม่ได้สูง… อัตราการรอดชีวิตประมาณ 50% มั้ง หรืออาจจะน้อยกว่านั้น”
ความมุ่งมั่นในการเป็นแพทย์ที่ดีของจองวอนยังแสดงผ่านการตัดสินใจครั้งใหญ่ช่วงท้ายอีพี ที่เขาบอกลาเพื่อนล่วงหน้าเพื่อไปเรียนและทำงานวิจัยเกี่ยวกับการปลูกถ่ายลำไส้เล็กในเด็ก เพราะที่โรงพยาบาลยุลเจมีแพทย์เคยผ่าตัดปลูกถ่ายลำไส้เล็กเพียงคนเดียวเท่านั้นก็คือหมออันจองวอน การตัดสินใจของเขาจึงไม่มีใครเหนี่ยวรั้ง เพราะทุกคนรู้ว่านี่คือการเสียสละ เพื่อโอกาสในการมีชีวิตที่แข็งแรงของคนอื่นๆ
เติบโตเป็นแพทย์ที่ดี
ซงฮวาลองให้ซอกมิน (ดราก้อน) ได้คลิประหว่างการผ่าตัดสมองเป็นครั้งแรก และเขาก็ทำได้ดีตั้งแต่ครั้งแรก ไม่มีอาการประหม่าหรือลังเลใดๆ จนซงฮวาต้องชมออกมาว่า “ไม่สั่น แล้วทำได้ในครั้งเดียวเลย โอ้โห ทำได้ดีจริงๆ ครั้งแรกฉันยังทำไม่ได้ขนาดนี้เลย เก่งมาก มีพรสวรรค์จริงๆ นะเรา”
คยออุลที่กำลังเป็นแพทย์เฟลโลว์ก็มีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด เธอช่วยการผ่าตัดให้อิกจุนได้อย่างเรียบร้อย อย่างในเคสที่อิกจุนเข้ามาผ่าตัดทีหลังแล้วพบว่าคยออุลเตรียมการทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อย “ผ่าตัดถุงน้ำดีออกแล้ว ทำได้สะอาดเรียบร้อยดีมาก ไม่มีเลือดออกด้วย ตัดขั้วตับ แยกต่อมหมวกไตออกแล้วด้วย คราวหน้าคงให้ทำ CUSA* ได้แล้ว” คยออุลเองไม่ได้รับคำชมอย่างตรงไปตรงมา แต่กลับถ่อมตัวบอกว่าเป็นเพราะคนไข้ไม่มีไขมัน และเป็นเคสที่ง่าย จึงสามารถทำทุกอย่างได้เรียบร้อย
เหตุการณ์ช่วงต้นของอีพีนี้ทำให้เห็นว่าการเปิดโอกาส การสอน การให้กำลังใจ คือสิ่งที่ควรส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งอิกจุนและซงฮวาเองก็เคยผ่านการเป็นแพทย์เฟลโลว์มาก่อน ซึ่งการให้โอกาส ให้คำชม ให้กำลังใจเหล่านี้ คือบันไดอีกขั้นที่ทำให้แพทย์เฟลโลว์เติบโตในการทำงานของตัวเอง
*CUSA (The Cavitron Ultrasonic Surgical Aspirator) เครื่องมือผ่าตัดอัลตราโซนิกที่ไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบๆ
สำหรับคยออุลที่ใกล้ชิดกับจองวอนมาหลายปี ในอีพีนี้เราเห็นการเติบโตทางด้านความคิดและจิตใจ ซึ่งอาจเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัวที่คลี่คลาย หรือเป็นไปได้ว่าเกิดจากการซึมซับความอ่อนโยนจากจองวอน
โดยเฉพาะฉากที่เธอเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ ที่มองการผ่าตัดปลูกถ่ายลำไส้เล็กแตกต่างกัน เพราะไม่ว่าหนทางไหนก็เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก การที่คยออุลอธิบายแพทย์ประจำบ้านได้อย่างเข้าใจหมดจดในความรู้สึกของคุณแม่ๆ ที่กำลังเผชิญปัญหานี้นั้น กระทั่งคนดูก็รู้สึกเต็มอิ่มในหัวใจที่ได้เห็นน้ำแข็งคยออุลละลายลงแล้ว
หมอหมี คุณแม่ และเรื่องหัวใจครั้งที่ 2
ซอกฮยองเคยทำทุกอย่างตามที่แม่ต้องการ แม้กระทั่งการแต่งงานครั้งแรกกับผู้หญิงในครอบครัวที่ผู้ใหญ่เห็นว่าเหมาะสม ถึงแม้ว่ามันจะกลายเป็นความรักความผูกพันในรูปแบบหนึ่ง แต่ซอกฮยองกลับไม่ได้ก้าวออกมาปกป้องดูแลภรรยาอย่างที่ควร ลุกลามไปสู่ปัญหาที่สะสมจนถึงวันระเบิด และภรรยาขอหย่าขาดจากกัน ซอกฮยองในตอนนั้นยังคงหนีปัญหาด้วยการไม่เปิดใจยอมรับความจริง ทั้งจากฝ่ายภรรยาและฝ่ายแม่ของตัวเอง ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยความเจ็บปวด
จนในซีซั่น 2 ที่พวกเขาได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ภรรยาเก่ายังคงห้อยแหวนแทนสร้อย ซึ่งเป็นเครื่องหมายบางอย่างที่เธอยังรู้สึกติดค้าง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากผูกมัดตัวเองเอาไว้กับสิ่งนั้น บทเรียนที่ได้รับ และยากจะย้อนกลับไปแก้ไข เมื่อถึงวันหนึ่งที่มองมันอย่างเข้าใจ ทั้งคู่ก็เลือกก้าวผ่านมันไปแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่
ซอกฮยองก็เติบโตขึ้นจากประสบการณ์ครั้งนี้ และเมื่อมีรักครั้งใหม่ เขาจึงรู้ปัญหาของตัวเอง ของแม่ และเตรียมหาทางออก วางแต้มต่อ และการต่อรองเอาไว้หมดแล้ว และถ้าต้องออกมาปกป้อง เขาก็จะทำ
“เธอควรจะทำความรู้จักฉันกว่านี้อีกหน่อยไหม”
“สำหรับพี่มันอาจจะไม่นาน แต่สำหรับฉันมันนานมากแล้วค่ะ”
ชูมินฮาที่คอยมองหมอซอกฮยองมาตลอด มองเห็นการเปลี่ยนผ่านหลากหลายของเขา จากคุณหมอที่ไม่ยอมสบตา ไม่ไปกินข้าวกับเพื่อนร่วมงาน แต่เอาจริงเอาจังกับงาน กาลเวลาค่อยๆ ปรับเปลี่ยนซอกฮยองให้ได้เรียนรู้ชีวิตคนอื่นๆ และกลมกลืนกับโลกภายนอกมากขึ้น นี่คงเป็นการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งของซอกฮยองกับความรักที่เขาเลือกด้วยตัวเอง
ความธรรมดาของความรัก
เพื่อนสนิทยังไม่เชื่อว่าอิกจุนกับซงฮวาจะคบหากันจริงจัง อาจจะเพราะเวลาในการเป็นเพื่อนที่ยาวนานเกินกว่าจะคาดคิด แต่เมื่อ ‘สารภาพ’ ความในใจไปแล้ว เรากลับได้เห็นอีกมุมของความสัมพันธ์ที่น่าสนใจ
พวกเขาไม่ได้คบกันแบบความรักหนุ่มสาวที่รู้สึกราวผีเสื้อกระพือปีก แต่เต็มไปด้วยความห่วงใย อยากให้คนที่รักมีความสุขและมีชีวิตที่ดี บทสนทนาจึงเต็มไปด้วยการตรวจสอบชีวิตอีกฝ่าย งานโอเคไหม นัดตรวจเต้านมหรือยัง วันตรวจของแม่คือเมื่อไหร่ ลูกชายหายไปไหน และเวลาอยู่ด้วยกันก็เพียงแค่นั่งลงข้างๆ แบ่งปันความรู้สึกให้กันฟัง นั่งดูฝนตกด้วยกัน เดินเล่น กินข้าว ดื่มกาแฟ ความเรียบง่ายแบบนี้เป็นอีกรูปแบบของความรักที่ไม่หวือหวา แต่จะคงทนยืนยาว
ชีวิตยังคงดำเนินต่อไปอย่างธรรมดา ฤดูร้อนที่เหมาะแก่การแคมปิ้ง อิกจุนและซงฮวาก็ยังคงไปตั้งแคมป์ที่ B104 ภูเขาคู่รักที่เดิม พร้อมกิจกรรมนั่งคุย มองเปลวไฟ จิบเบียร์ มีเวลาสัมผัสดินหญ้า มองเห็นอะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างจากวิวเดิมๆ ของโรงพยาบาล
เราทุกคนน่าจะมีใครสักคนหนึ่งที่ไม่ต้องพูดอะไรกันให้มากมาย แค่นั่งอยู่ข้างๆ กันก็อบอุ่นใจพอแล้ว และถ้าหากว่าในชีวิตได้พบกับคนคนนั้น ก็ขออย่าปล่อยมือให้เขาหรือเธอเดินจากไป
มอบโอกาสให้ตัวเอง
รอยยิ้มของจุนวานที่ทำให้เห็นชัดเจนว่าเขาไม่อาจห้ามใจจากเจ้านกพิราบที่แสนร่าเริงคนนี้ไปได้ การที่ได้เจออิกซุนอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง มันก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะเข้าใจว่าใครคือคนที่ไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำ และทำไมเขาจึงไม่มอบโอกาสอีกครั้งให้กับตัวเองและอิกซุน
เงื่อนไขที่เคยวางไว้มากมายของอิกซุนก็เท่ากับทลายหายไปด้วยทั้งหมด เพราะจุนวานรู้ทุกเหตุผลที่เคยกลายเป็นเงื่อนไขว่าทำไมถึงไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีความสัมพันธ์แบบลงหลักปักฐาน เป็นไปได้ว่าคู่รักพระอาทิตย์น่าจะเริ่มต้นใหม่โดยมองแค่ในระยะปัจจุบันที่มีความสุขกันดี และอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นก็ปล่อยให้มันเป็นไปในแบบนั้น
ความน่ารักของฉากที่จุนวานขับรถไปหาอิกซุนที่ค่ายทหารยังคงเหมือนกับครั้งแรกในซีซั่น 1 เป็นไปได้เหมือนกันว่าเขาเลือกแต่งตัวแบบเดิม ไปหาด้วยมุกเดิมๆ “ฉันมากินจาจังมยอน มากินคันจาจัง” เหตุการณ์ที่เหมือนเกิดซ้ำอีกครั้ง เป็นเหมือนคำบอกกล่าวว่าต่อจากนี้ เขาขอให้เราได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
การเริ่มต้นและการสิ้นสุดของชีวิตมนุษย์
เสียงร้องไห้เหมือนๆ กัน แต่ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน คือวิธีผูกประเด็นของเรื่องราวในอีพีนี้
เสียงร้องไห้แรกดังมาจากห้องพักผู้ป่วยวิกฤติที่สองครอบครัวกำลังร้องไห้ ครอบครัวหนึ่งที่คุณพ่อฟื้นจากการผ่าตัดมาได้ และอีกครอบครัวหนึ่งที่คุณพ่อจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
ชีวิตคนเราก็เท่านี้ เกิดมาเพื่อเตรียมตัวจากไป เป็นสิ่งธรรมดาสามัญที่เราต่างรู้กันดี แต่ระหว่างทางที่เกิดความผูกพันต่างๆ มากมาย ก็ยากเหลือเกินเมื่อถึงวันที่ต้องปล่อยมือจากใครสักคนนั้น เราอาจต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพื่อที่ว่าเราจะได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าในการทำดีให้แก่กัน จะได้ไม่ต้องเสียใจ และบอกลาอย่างหมดห่วงซึ่งกันและกันเมื่อวันนั้นเดินทางมาถึง
เสียงร้องไห้สุดท้ายของ Hospital Playlist 2 EP.12 กลับกลายเป็นเสียงร้องไห้ที่ไพเราะที่สุดในโลก เพราะเป็นเสียงร้องครั้งแรกของทารกหญิงที่เพิ่งคลอดในเดือนพฤศจิกายน ฉากที่ซอกฮยองทำคลอดให้ภรรยาของแจฮักทำให้เห็นว่าแม้จะเป็นแพทย์ที่ผ่านการผ่าตัดมานับครั้งไม่ถ้วน แต่พอเป็นการคลอดของภรรยาตัวเอง คนเป็นพ่อก็ยังคงตื่นเต้นและน้ำตาไหลเมื่อได้ยินเสียงร้องที่รอคอยมาตลอด 9 เดือน
บทเพลงของอันจองวอน แด่หนุ่มสาวตลอดกาล
การซ้อมครั้งสุดท้าย จองวอนเลือกเพลง Butterfly ของวง Loveholics ที่ปล่อยออกมาในปี 2008 การที่ Mido and Parasol นำเพลงนี้มาปิดท้ายอีพีอวสาน ก็เพื่อส่งต่อความหมายของเนื้อเพลงที่จะคอยเป็นกำลังใจให้ผู้คน ทั้งยังสื่อความหมายว่าในสักวันหนึ่งเราคงจะได้พบกันอีก
“แม้ตอนที่เธอเจ็บปวดราวกับดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา
แม้ตอนที่เธอรู้สึกไร้ค่าราวกับต้นไม้ที่ล้มลง
ฉันเชื่อในตัวเธอ เธอเชื่อในตัวฉัน เราต่างเชื่อใจกันและกัน
จงรับฟังเสียงของหัวใจ ปีกของเธอที่พับเก็บอย่างยากเย็น
กางปีกออกมา แล้วโบยบินขึ้นไปสู่บนฟากฟ้า
“เธอผู้งดงามเหลือเกิน
แม้โลกใบนี้จะหันหลังให้เธออย่างเย็นชา
เธอผู้แสนเจิดจ้า ฉันรักเธอ
จงบินให้ไกล จนกว่าโลกใบนี้จะมองเห็นเธอ”
Hospital Playlist 2 ปิดฉากไปอย่างสวยงาม ทั้งยังคงเอกลักษณ์เรื่องวันธรรมดาๆ ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล พร้อมมุกขำๆ ชวนอารมณ์ดี ที่ในตอนท้ายเราได้เห็นคุณหมอทั้งห้าออกมามองท้องฟ้า ขณะที่พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ ซงฮวาพูดขึ้นมาตอนที่ยังมองฟ้าสีชมพูนั้นอยู่ ส่วนอิกจุนก็ตอบอย่างมีเหตุผลและติดตลกในเวลาเดียวกัน
“เมื่อก่อนฉันชอบตอนพระอาทิตย์ขึ้นมากๆ เลย แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้กลับชอบตอนที่พระอาทิตย์กำลังตก”
“ฉันรู้ เพราะมันเป็นเวลาเลิกงานไงล่ะ”
สำหรับบทสรุป Hospital Playlist 2 EP.12 ก็คงเป็นแบบนั้น ถึงเวลาเลิกงาน เราก็ต่างต้องแยกย้ายไปมีชีวิตส่วนตัวของใครของมัน และเมื่อเช้าของอีกวันเดินทางมาถึง เราจะกลับมาพบกันใหม่อีกครั้ง