Hospital Playlist 2 แพทย์ฉุกเฉิน และพยาบาลในหอผู้ป่วย ความสำคัญที่อาจมองไม่เห็น
ว่ากันว่าในหลายเรื่องราวก็ไม่ใช่ว่าเกิดจากปาฏิหาริย์ เช่นเดียวกับ Hospital Playlist 2 EP.9 ที่เล่าถึงเคสคนไข้อุบัติเหตุรถยนต์อาการวิกฤตจนต้องเข้ารับการผ่าตัดเปิดหน้าอกและช่องท้อง ในคืนที่ทั้งจุนวานและอิกจุนอยู่เวรคู่กัน ซึ่งความสำคัญที่สุดของการรอดชีวิตในเคสนี้คือ หมอบงกวางฮยอน ‘แพทย์ฉุกเฉิน’ ที่รับมือเป็นด่านหน้า
ความละเอียดของซีรีส์ Hospital Playlist ทำให้เราได้เห็นการทำงานที่แข่งกับเวลาของแพทย์ฉุกเฉิน ทั้งขั้นตอนการทำงาน วิธีคิด ตัดสินใจ และมีความนิ่งพอที่จะทำทุกอย่างให้คนไข้อาการทรงตัว ก่อนจะส่งไปรักษาต่อในห้องผ่าตัด
สำหรับบทความนี้ ดูซีรีส์ให้ซีเรียส ขอขอบคุณคุณหมอที่ Inbox มาให้ความรู้เชิงลึกและรายละเอียดเกี่ยวกับเคสคนไข้ในอีพีนี้ ซึ่งการได้ดูซีรีส์เพียงอย่างเดียว แม้จะเห็นรายละเอียดในการรักษา รวมถึงมุมมองในเชิงมนุษย์ที่มีหัวจิตหัวใจแล้ว การได้รับฟังข้อมูลจากคนทำงานจริงยังช่วยทำให้เราดูซีรีส์ได้ลงลึกมากยิ่งขึ้น ละเอียดขึ้น และรู้สึกขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ในทุกภาคส่วน รวมถึงทีมสร้างซีรีส์เรื่องนี้อีกครั้ง
ความสำคัญของแพทย์ฉุกเฉิน
Hospital Playlist อีพีนี้ เราได้รับรู้ความสำคัญของแพทย์ฉุกเฉินผ่านการทำงานของหมอบง ที่ตลอดมาเราอาจจะเห็นเขาในมุมน่ารักๆ กับการเป็นหัวหน้าทีม #หมอบงวงใน ที่คอยเล่าเรื่องราวของเหล่าคุณหมอ 99ers ให้รุ่นน้องได้ฟังกัน
ซึ่งในอีพีนี้เหมือนเป็นการอวยยศหมอบงก็ว่าได้ เพราะเราได้เห็นรายละเอียดของงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ฮีโร่ที่อยู่ในหน้างาน ด่านหน้าที่ทำงานยากที่สุด แข่งกับเวลาอย่างที่สุด เหมือนที่จุนวานตอบคำถามภรรยาหมอแจฮักว่า
“ถ้าการรักษาฉุกเฉินไม่ดีพอตั้งแต่แรก คนไข้อาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ครับ เจ้าหน้าที่จากแผนกฉุกเฉินทำหน้าที่อย่างดีจนคนไข้เข้าห้องผ่าตัดได้ เพราะแบบนั้นเราถึงสามารถผ่าตัดทั้งหัวใจและลำไส้ให้คนไข้ได้ราบรื่น”
เคสอุบัติเหตุ ในวันที่ห้องฉุกเฉินค่อนข้าง..
จุดเริ่มต้นที่ซงฮวาซื้อกาแฟมาฝากหมอบงก่อนที่เธอจะกลับบ้าน แล้วทักขึ้นว่า “วันนี้ห้องฉุกเฉินค่อนข้าง…” เมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูด หมอบงก็รีบตัดบทไม่ให้พูดต่อ เพราะเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าห้ามทักอะไรแบบนี้ เหมือนวันไหนที่ขับรถกลับบ้านแล้วทักว่ารถไม่ติดเลย อยู่ๆ มันก็มักจะติดขึ้นมาทันทีแบบนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นสำหรับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์แล้ว คำทักทายที่ว่าวันนี้ว่างจัง ไม่มีเคสเลย จึงเป็นข้อควรระวังอย่างยิ่ง
เพราะหลังจากคำทักทายของซงฮวา เสียงโทรศัพท์เคสฉุกเฉินจึงดังขึ้นทันที ซึ่งหมอบงก็ไม่ได้มีอาการด้านลบอะไร เขายังกระตือรือร้นในการรับคนไข้อุบัติเหตุรายนี้ด้วยการบอกให้เตรียมพร้อมเอาไว้ “เดี๋ยวจะมีคนไข้อุบัติเหตุเข้ามา สติกับสัญญาณชีพดูไม่มั่นคง บอกว่ามีอาการเจ็บหน้าอก เตรียมอัลตราซาวด์กับเครื่องช่วยหายใจไว้ด้วย”
รายละเอียดของ Hospital Playlist 2 EP.9 ในเคสคนไข้อุบัติเหตุอาการหนักและซับซ้อน
ที่เตียงคนไข้แรกรับในห้องฉุกเฉิน หมอบงใช้การอัลตราซาวด์ช่องท้อง ช่องปอด และเยื่อหุ้มหัวใจ เพื่อตรวจหาของเหลวที่ผิดปกติในร่างกาย ซึ่งการตรวจพบของเหลวก็จะช่วยคาดเดาอาการบาดเจ็บในตำแหน่งนั้นๆ
ด้วยวิธีการอัลตราซาวด์ตรวจหาของเหลวผิดปกติ (The Focused Assessment with Sonography in Trauma) หมอบงจึงพบว่าคนไข้โกจูฮยองประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีภาวะปอดรั่ว มีภาวะบีบรัดหัวใจ สารน้ำสะสมในช่องท้อง ความดันลดลง ซึ่งเป็นอาการที่ค่อนข้างอันตราย
เคสอุบัติเหตุที่หนักและซับซ้อนเช่นนี้ การดูแลขั้นต้นสำคัญมาก ซึ่งในทางการแพทย์เรียกว่า Advanced Trauma Life Support สำหรับคนไข้โกจูฮยองซึ่งมาด้วยอาการบาดเจ็บที่หน้าอกและท้องอย่างรุนแรง ทำให้สัญญาณชีพไม่คงที่ ซึ่งหมอบงสามารถดูแลให้คนไข้ผ่านวิกฤตมาได้ด้วยการตรวจเบื้องต้นเพื่อหาภาวะอันตรายถึงชีวิตในตอนนั้น (Primary survey, Adjunct Primary Survey*) และช่วยชีวิต (Resuscitation*) ทั้งการดูแลอาการเลือดออกที่เยื่อหุ้มหัวใจ ใส่สายเพื่อระบายเลือดจากเยื่อหุ้มหัวใจ การใส่สายระบายเลือดที่ช่องอก ใส่สายสวนหลอดเลือดดำ รวมถึงดูแลการให้สารน้ำ และให้การซัพพอร์ตทางเดินหายใจจนคนไข้อาการค่อนข้างคงที่ ก่อนที่จะส่งถึงมืออิกจุนและจุนวานที่ทำการผ่าตัดจนคนไข้ปลอดภัย
การทำงานของหมอบง ทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉิน เพื่อตรวจประเมินและทำการช่วยชีวิตให้คนไข้ผ่านวิกฤตไปได้นั้น รายละเอียดในการใช้เครื่องมือ รวมถึงการทำหัตถการต่างๆ ในช่วงเวลากว่า 3 นาทีที่ซีรีส์ถ่ายทอดให้เห็นนั้นแทบไม่ผิดเพี้ยนไปจากการทำงานจริง
สำหรับเราที่ไม่ได้มีความรู้ทางการแพทย์ การดูซีรีส์เรื่องนี้ก็ได้รับรู้ความสำคัญของแพทย์ฉุกเฉินและเวชศาสตร์ฉุกเฉินมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับตัวละครหมอบงที่ยืนหนึ่งประจำห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลยุลเจ เขาทำให้เห็นแล้วว่าความนิ่ง มีสติรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า คือหนึ่งในสิ่งสำคัญที่แพทย์ฉุกเฉินควรจะมี
“เราไม่ได้รักษาคนไข้เพราะหวังอะไรสักหน่อย”
ช่วงที่หมอบงไปปลอบใจหมอยอนแจมิน แพทย์ผู้ช่วยในเคสคนไข้โกจูฮยอง เป็นแมสเสจที่ผู้สร้าง Hospital Playlist ต้องการสื่อสารอย่างแท้จริง เพราะสำหรับแพทย์ผู้มาใหม่ก็อาจมีความรู้สึกนี้ได้ เมื่องานที่ทำมีคุณค่าอย่างที่สุด แต่คนส่วนใหญ่กลับมองไม่เห็น
หมอบง: “มันก็น้อยใจกันได้แหละ จะรู้สึกแบบนั้นก็ไม่แปลกหรอก”
หมอยอน: “อาจารย์หมอไม่รู้สึกแบบนั้นเหรอ ผมน้อยใจมากเลยนะครับ เหมือนเจ้าหญิงเงือกน้อยไม่มีผิด”
หมอบง: “ฉันก็เคยเป็นแบบนั้น ถึงจะน้อยใจ แต่ช่วยเข้าใจหน่อยนะ ฉันควรจะปลอบนายด้วยคำพูดแบบนี้ แต่เอาตรงๆ ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นสักครั้ง ถ้าผลออกมาดี ฉันก็พลอยดีใจด้วย
“ใครจะได้ความดีความชอบไปมันสำคัญตรงไหน ถ้าเราทำการรักษาฉุกเฉินในสถานการณ์เลวร้ายได้ดีจนคนไข้รอด แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว เท่านั้นฉันก็ปลื้มใจแล้วนะ เราไม่ได้รักษาคนไข้เพราะหวังอะไรสักหน่อย แล้วอีกอย่าง คนไข้จำเป็นต้องรู้ถึงขั้นนั้นด้วยเหรอ ถ้าเราทำเต็มที่จนสุดกำลัง แล้วมันทำให้คนไข้อาการดีขึ้น ก็เท่ากับเราได้ทำทุกอย่างแล้ว”
สำหรับคำพูดของหมอบง ไม่ใช่แค่หมอยอนที่รู้สึกดีกับชีวิตขึ้นได้ แต่กับใครก็ตามที่ทำงานหนักในวิชาชีพอื่นๆ และยังไม่ถูกมองเห็น มันก็เป็นเหมือนกำลังใจและการแตะบ่าเบาๆ ให้รู้ว่า การทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ตัวเราเองก็รับรู้ ปลื้มใจ ภูมิใจในตัวเองได้แล้ว และถึงวันหนึ่งผลงานมันจะสร้างแสงสว่างในตัวของมันเอง
ความสำคัญที่อาจมองไม่เห็น
นอกจากความสำคัญของแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน ซีรีส์ยังพาเราไปมองเห็นความทุ่มเทในหน้าที่ของพยาบาลหอผู้ป่วยเด็กวิกฤต (NICU) ที่ระหว่างเรื่องราวดำเนินไป เราจะสังเกตเห็นว่าพยาบาลใน NICU ใส่ Wrist Support ที่ข้อมือทั้งสองข้าง ทั้งยังติดเทปพยุงกล้ามเนื้อไว้ที่ต้นคอ ที่สื่อให้เห็นว่าเป็นเพราะหน้าที่ที่ต้องอุ้มเด็กแทบจะตลอดเวลา จึงเกิดอาการบาดเจ็บในบริเวณที่ต้องใช้งาน ซ้ำร้ายยังต้องอดทนกับเสียงบ่นของผู้ปกครองเด็กที่ป่วยไข้ จนความเศร้าใจทำให้พวกเขามองข้ามความสำคัญของพยาบาลที่คอยดูแล และเป็นแม่ๆ ทดแทนให้ลูกของพวกเขาอยู่
Hospital Playlist ได้สะท้อนให้เห็นความสำคัญของคนตัวเล็กๆ ในโรงพยาบาล เพราะอย่างที่เราต่างรู้กันดีว่าน้ำหนักใน ‘ความรู้สึกขอบคุณ’ จะไปตกอยู่ที่แพทย์ผู้รักษาเป็นหลัก ซีรีส์เรื่องนี้จึงต้องการทำให้เห็นว่าแม้จะไม่ใช่คนที่อยู่แถวหน้าสุดของการรักษา แต่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องล้วนมีความสำคัญ และเราก็ควรขอบคุณพวกเขาจากใจจริง
เช่นเดียวกับในชีวิตจริงที่แต่ละวันอาจได้พบเจอคนมากมาย แต่ก็มีคนไม่น้อยที่เราไม่เคยใส่ใจการมีอยู่ของเขา ถ้าเปลี่ยนตัวเองได้ แค่มองเห็นพวกเขาบ้าง เท่านี้ก็เท่ากับว่าเราได้เปิดใจตัวเองสู่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว และบางทีอาจได้มองเห็นในสิ่งที่ไม่เคยมองเห็น