ทำไม แฮกเบอร์รี่ จึงกลายเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ ในซีรีส์ Extraordinary Attorney Woo
มาทำความรู้จักกับ ‘อนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ’ ที่ทำให้ แฮกเบอร์รี่ อัพเดตสถานะจากต้นไม้ธรรมดาของหมู่บ้าน กลายเป็นต้นไม้ที่พลิกคดีให้ทางการหยุดก่อสร้างได้อย่างที่เห็นในซีรีส์ Extraordinary Attorney Woo และถ้าในเกาหลีมีกฎหมายอนุรักษ์พื้นที่อนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ แล้วในไทยมีกฎหมายลักษณะเดียวกันนี้อยู่ไหม?
“ต้นแฮกเบอร์รี่ในย่านโซด็อก เมืองกียอง จังหวัดคยองแฮ ถูกกำหนดให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติแล้วครับ องค์การมรดกทางวัฒนธรรมอธิบายว่าต้นแฮกเบอร์รี่นี้ไม่เพียงแต่โดดเด่นด้านประวัติศาสตร์ ทัศนียภาพ และสุนทรียภาพ แต่ยังเจริญเติบโตได้ดี ควรค่าแก่การเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ”
รายงานข่าวปิดท้าย Extraordinary Attorney Woo EP.8 ซึ่งบทสรุปของเรื่องราวย่านโซด็อกหลังการต่อสู้ยาวนานถึงสองอีพี ระหว่างจังหวัดคยองแฮ กับชาวบ้านย่านโซด็อก ภาพของชาวบ้านที่รวมตัวกันมาร้องรำทำเพลงก็บ่งบอกได้แล้วว่าพวกเขาน่าจะชนะคดี และจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนเส้นทางการก่อสร้างถนนเพื่อให้เกียรติอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติในหมู่บ้านนี้
อนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ คืออะไร?
อนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ (Natural Monuments) คือลักษณะทางธรรมชาติที่มีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะบางอย่าง หรือมีประวัติที่ยาวนาน ซึ่งควรค่าแก่การคุ้มครองและอนุรักษ์
ชอนยอนกี นยอมมุล (천연기념물 ) หรืออนุสรณ์สถานทางธรรมชาติในเกาหลีใต้ จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่ สัตว์ พืช และธรณีสัณฐาน ซึ่งถูกรับรองโดยองค์การมรดกทางวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ (The Cultural Heritage Administration; CHA)
– การตั้งอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติในเกาหลีใต้ เกิดขึ้นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 1916 ซึ่งเป็นช่วงที่เกาหลียังอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามกำหนดอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติในเกาหลีใต้
– เดือนสิงหาคม 1933 ได้มีการประกาศลำดับของอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติครั้งแรกออกมาจำนวน 154 รายการ
– โดยมีอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติจำนวน 146 รายการ ที่ถูกกำหนดขึ้นในช่วงที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม จำนวนของอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อกำหนด เช่น มีลักษณะโดดเด่นและมีเฉพาะที่เกาหลี หรือเป็นสิ่งที่พบได้ยาก
– ในปี 2010 มีอนุสรณ์ทางธรรมชาติจำนวนทั้งสิ้น 576 รายการ
– แต่ในเวลาต่อมามีการปรับลดเหลือเพียง 404 รายการ
– และในปัจจุบัน มีการปรับเพิ่มเป็น 454 รายการ
– สามารถค้นหาอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติและมรดกอื่นของเกาหลีใต้ได้ที่ http://english.cha.go.kr/cha/idx/SubIndex.do?mn=EN
แฮกเบอร์รี่ ต้นไม้คุ้มครองที่มีอยู่จริง
ต้นแฮกเบอร์รี่นี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านดงบู เมืองชางวอน จังหวัดคยองซังนัมโด ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นต้นไม้คุ้มครองเมื่อเดือนกรกฎาคม 2015 เนื่องจากมีอายุประมาณ 500 ปี และยังคงมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนั้นมีเส้นรอบวงอยู่ที่ 6.80 เมตร และสูง 16 เมตร จึงเป็นต้นไม้ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์
“คนในย่านโซด็อกแห่งนี้ ไม่มีใครไม่เคยปีนต้นไม้นี้เล่นสมัยเด็ก ไม่มีใครไม่เคยจัดงานฉลองใต้ต้นไม้นั่นในวันที่น่ายินดี และไม่มีใครไม่เคยไปอธิษฐานในยามที่สิ้นหวัง ถึงจะไม่มียศศักดิ์ แต่ก็เป็นสิ่งที่คุ้มครองเราเหมือนร่มโพธิ์ร่มไทร”
จากคำพูดของผู้ใหญ่บ้าน ต้นไม้นี้คอยปกปักษ์รักษาดูแลชาวบ้าน ตั้งแต่เด็กเล็กที่ชอบเล่นสนุกไปจนถึงผู้ใหญ่ที่กำลังทุกข์ใจ พร้อมกับวิวทิวทัศน์ที่สะท้อนให้เห็นคุณค่าของย่านโซด็อกที่มากไปกว่าตัวเลขประชากรและราคาที่ดินบนกระดาษ จนจุดไฟให้เหล่าทนายฮันบาดาตอบตกลงรับคดีนี้เพื่อรักษาหมู่บ้านนี้เอาไว้ ซึ่งท้ายที่สุดต้นไม้นี้ก็ได้กลายเป็นจึงอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ
ดังนั้นจึงเป็นที่น่าจับตามองว่า หากแฮกเบอร์รี่ของหมู่บ้านโซด็อกสามารถขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติได้ หลังจากนี้ต้นแฮกเบอร์รี่ของหมู่บ้านดงบูเองก็น่าจะสามารถเปลี่ยนสถานะจากต้นไม้คุ้มครองเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติได้ในสักวันหนึ่งด้วยเช่นกัน
แล้วต้นไม้ใหญ่ในไทย ใครคุ้มครอง?
ขณะที่ไทยเองก็มีกฎหมายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วคำว่า ‘การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม’ ดูจะมุ่งให้ความสำคัญไปที่ ‘ป่า’ ไม่ว่าจะเป็น
– พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504
– พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507
– พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
แต่ต่อให้เป็นต้นไม้ใหญ่หรือต้นไม้ที่มีลักษณะโดดเด่นมากเพียงใด แต่ต้นไม้ต้นนั้นก็มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกโค่นลง เพราะขณะนี้ไทยยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองต้นไม้ ทำให้มีหลายหน่วยงานร่วมมือกันผลักดันให้เกิดกฎหมายฉบับนี้มาตั้งแต่ปี 2018 เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับการอนุรักษ์ต้นไม้ยักษ์ หรือการขึ้นทะเบียนต้นไม้มรดกให้ลูกหลานได้สัมผัสและปกป้องต่อไป
นอกจากนี้หากต้นไม้ต้นหนึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติของเกาหลีแล้ว ต้นไม้ต้นนั้นก็จะถูกอนุรักษ์ไว้ และไม่ได้มีนัยยะสำคัญต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดมากนัก
แต่จากการที่ไทยไม่มีกฎหมายคุ้มครองต้นไม้ ทำให้โดยส่วนใหญ่แล้วหากเป็นต้นไม้ยักษ์หรือต้นไม้ที่มีลักษณะพิเศษ ชาวบ้านและจังหวัดก็จะช่วยกันผลักดันให้บริเวณนั้นกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่ออนุรักษ์ต้นไม้ต้นนั้นให้คงอยู่ต่อไป เช่น ต้นจามจุรียักษ์ที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว และยังคงมีการเจริญเติบโตอยู่ จึงมีการสร้างสะพานครอบบริเวณรากไม้เพื่อป้องกันการเดินเหยียบย่ำและทำลายรากไม้
ดังนั้นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความจริงจังของเกาหลีใต้ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญกับธรรมชาติทุกอย่าง แม้จะเป็นต้นไม้เพียงหนึ่งต้น แต่หากต้นไม้นี้มีคุณค่าต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านและสังคมก็พร้อมที่จะอนุรักษ์ไว้ ซึ่งหวังว่าสักวันหนึ่งไทยก็อาจจะมีกฎหมายที่รองรับการอนุรักษ์ต้นไม้และธรรมชาติทุกชนิดที่ควรค่าแก่การดูแลรักษาด้วยเช่นเดียวกัน
FYI
จากการค้นหาพบว่า ในปี 2022 มีต้นแฮกเบอร์รี่จำนวน 3 ต้นถูกขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ ได้แก่ เมืองกูโพดง ปูซาน, เมืองกึมนัมรี เยชอน และเมืองซูดงรี โกชาง เนื่องจากเป็นต้นไม้เก่าแก่ประจำหมู่บ้าน ซึ่งมักถูกใช้เป็นพื้นที่รวมตัวและประกอบพิธีกรรมประจำปี
เรื่องโดย อรณิชา ชูสกุล
อ้างอิง: www.cha.go.kr, en.wikipedia.org, nationalatlas.ngii.go.kr, tja.or.th