twenty-five-twenty-one-ep11-12

Twenty-Five Twenty-One EP.11-12 มากกว่าซีรีส์ คือเป็นพลังใจที่ช่วยให้คนในยุคสมัยนี้อยากอยู่สู้ต่อ

หลังจากดูซีรีส์ Twenty-Five Twenty-One EP.11-12 จบในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มันคือความรู้สึกที่เชื่อได้ว่าชีวิตเรายังมีหวัง และมีรุ้งงามรอคอยอยู่ที่ไหนสักแห่ง

ดูซีรีส์ให้ซีเรียส รวบรวมหลากหลายประเด็นที่ทำให้ Twenty-Five Twenty-One กลายเป็นซีรีส์เพิ่มพลังใจสำหรับวัยเยาว์ เพื่อผ่านพ้น เรียนรู้ และค้นพบความหมายของชีวิต ผ่านชีวิตของเด็กมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งที่มีฝัน มีความหลังในชีวิต และยังต้องผ่านประสบการณ์อีกมากมายในการเติบโต

twenty-five-twenty-one-ep11-12

ความหมายของความฝัน

“ผมว่าการไม่ได้ทำตามความฝัน ไม่ได้แปลว่าชีวิตล้มเหลว
และการได้ทำตามความฝัน ก็ไม่ได้แปลว่าชีวิตไปได้สวย

ผมแค่อยากทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ออกมาดีก็พอ
นั่นคือความฝันของผมตอนนี้ครับ”

Twenty-Five Twenty-One EP.11 แพคอีจินเริ่มทำงานเป็นนักข่าวกีฬาเต็มตัวในสถานีโทรทัศน์ เย็นวันหนึ่งเขาได้คุยกับ ชินแจกยอง แม่ของนาฮีโด และผู้ประกาศข่าวรุ่นพี่ที่เป็นต้นแบบในวงการ เธอถามแพคอีจินว่าฝันอยากเป็นนักข่าวอยู่แล้วหรือเปล่า?

อย่างที่เรารู้กันดีว่าแพคอีจินฝันอยากไปทำงานที่นาซ่า แต่ด้วยปัญหาเศรษฐกิจและครอบครัวล้มละลาย ทำให้ความฝันทั้งหมดที่มีพังทลายลงในพริบตา อะไรที่มีให้ไขว่คว้าอยู่ตรงหน้า แม้จะไม่เคยคิดฝัน เขาก็ยอมทำมันทั้งหมด

‘ความฝัน’ สำหรับหลายคนอาจเกิดขึ้นจริง สำหรับอีกหลายคนอาจยังคงเป็นฝันอยู่อย่างนั้น แต่สำหรับแพคอีจิน ความฝันคือความจริงที่อยู่ตรงหน้า ที่เขาจะทำมันออกมาให้ดีที่สุด ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม

ประเด็นความฝันใน Twenty-Five Twenty-One สอดคล้องกับเทปพิเศษที่รุ่นพี่แพคอีจินมาจัดรายการให้รุ่นน้องฟัง มันคือการสื่อสารไปยังวัยรุ่นที่กำลังเคร่งเครียดกับการอ่านหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัย รวมถึงวัยรุ่นที่กำลังวิ่งวนค้นหาความหมายบางอย่าง ชีวิตนี้ต้องประสบความสำเร็จ ต้องเข้ามหาวิทยาลัย ต้องมีอุดมการณ์ ต้องรีบโต ต้องรีบเก่ง ซึ่งเอาเข้าจริงอาจจะยังไม่มีใครมาบอกเราด้วยซ้ำว่า ล้มเหลวบ้างก็ได้ พ่ายแพ้ก็ไม่เป็นไร และทำอย่างไรที่เราล้มและจะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง

“การสอบเอนทรานซ์ใกล้เข้ามาแล้ว สู้ๆ นะ เธอทำได้
แต่สุดท้ายแล้ว เราจะทำได้จริงๆ หรือเปล่า 
บางครั้งคำพูดให้กำลังใจอย่างคำว่า “เธอทำได้ สู้ๆ นะ” กลับบั่นทอนกำลังใจเรา
ผมว่าถ้าเรายังไม่เคยรู้จักโลกที่ทำไม่ได้หรือล้มเหลวก็ไม่เป็นไีร 
ยังไงก็ทำให้เต็มที่เท่าที่ไหวกันเถอะ มาทำให้ดีที่สุดกันนะ
แต่ผมหวังว่าต่อให้เราล้มเหลว 
เราก็จะมีจิตใจที่เข้มแข็งมากพอที่จะลุกขึ้นมาใหม่”




twenty-five-twenty-one-ep11-12

Starlight บทเพลงแสงของดวงดาว

ช่วงเวลาหนึ่งที่เกิดขึ้น ถึงวันหนึ่งมันจะกลายเป็นความทรงจำ และช่วงเวลาของวัยรุ่นคือที่สุดแล้วของความเจิดจ้า มันเป็นความทรงจำที่จะติดอยู่กับตัวเราไปนานแสนนาน เป็นชิ้นส่วนของความเป็นตัวเราที่ลบเลือนไม่ได้และไม่เคยจางหาย

ฉากหนึ่งใน Twenty-Five, Twenty-One EP.11 เล่าถึงเทศกาลดนตรีประจำปีของโรงเรียน การขึ้นไปร้องเพลง Starlight ของวงเจ้าชายแห่งผืนป่า จึงเป็นการสร้างความทรงจำร่วมกันของนักเรียนมัธยมที่ขณะกำลังคร่ำเคร่งกับการเรียน เราก็ยังพอมีเวลาได้ทำในสิ่งที่ชอบ ได้เล่นกีฬา เล่นดนตรี จัดรายการวิทยุ แต่งตัวแหกกฎมาโรงเรียน เพราะมันเท่ และเป็นแสดงความขบถบางอย่าง 

นั่นแหละคือวัยเยาว์ คือสายรุ้งในฤดูร้อน คือดอกไม้ไฟในคืนที่หมดกำลังใจ คือความหวังที่จะเติบโตและมีอนาคตที่ดี 

ช่วงเวลาเหล่านี้คือร่องรอยอย่างหนึ่งในชีวิตของเราที่จะถูกจดจำเอาไว้ และถึงวันใดวันหนึ่งในอนาคต มันจะกลายเป็นความทรงจำดีๆ ที่ทำให้เรารับรู้ได้ว่า แม้จะมีชีวิตที่ยากลำบากแค่ไหน ครั้งหนึ่งเราก็เคยผ่านความสุขที่สุดมาแล้ว

“…จนกว่าจะเอื้อมถึงตรงนั้น ที่ที่เต็มไปด้วยแสงอันเจิดจ้า
ชิ้นส่วนที่เคยเฉียดผ่านฉันไปเมื่อวาน กลายเป็นฝุ่นผงและปลิวว่อนไปในวันนี้
ท่ามกลางสายลมเย็นสบาย ฉันกำลังเดินทางไป ไปตามแสงของทางช้างเผือกอันลี้ลับ
โลกใบนั้นที่อัดแน่นด้วยความฝันอันพร่างพราว 
ไปต่อกันอีกสักนิดเถอะ โลกใบที่เคยได้รอคอย กำลังแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ…”
– เพลง Starlight




ความอดทนต่อรอยแผลในชีวิตที่ต่างกัน 

นอกเหนือจากความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่เด่นชัดมากในซีรีส์ Twenty-Five Twenty-One ประเด็นครอบครัวและชีวิตการทำงานก็เชื่อมโยงอยู่กับตัวละครและเรื่องราวอย่างน่าสนใจ

ชินแจกยอง ที่ต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในเกาหลีใต้ยุค 90 ห้วงเวลาที่เศรษฐกิจวิกฤต สามีมาป่วยด้วยโรคร้ายจนเสียชีวิต หน้าที่ผู้ประกาศข่าวที่เพิ่งเริ่มต้นได้ดี และลูกสาววัย 13 ปีที่กำลังต้องการเวลาและความรักความเอาใจใส่จากแม่ ซึ่งเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว 

แม่ของนาฮีโดมองเห็นว่าวันพรุ่งนี้ที่เธอและลูกจะฝ่าฟันต่อไปไม่ใช่เรื่องง่าย การที่เธอเลือกกลืนน้ำตาแล้วรายงานข่าวด่วนในวันที่สามีเสียชีวิต คือการเลือกแล้วว่าจะยอมไร้หัวใจเพื่อให้ชีวิตไปต่อได้ ซึ่งทางเลือกนี้ส่งผลเสียโดยตรงกับลูกสาวเพียงคนเดียว ที่นับจากนั้นจะมีชีวิตที่เคยชินกับการอยู่คนเดียว 

ระหว่างแม่ลูก นับจากวันนั้นไม่มีการเอ่ยถึงพ่ออีกเลย ทำให้มันหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ไม่เคยเจ็บปวด แต่การปกปิดบาดแผลก็เหมือนปล่อยให้มันเรื้อรัง นาฮีโดคิดว่าแม่ไม่เสียใจ ลุกลามไปจนถึงคิดว่าแม่ไม่ได้รักเธออย่างที่ควรจะเป็น และถ้าไม่มีแพคอีจิน เธอคงไม่รู้ได้เลยว่าแม่มีอีกหน้าที่สำคัญในฐานะบุคคลสาธารณะที่ต้องถอดวางความรู้สึกส่วนตัวเอาไว้ และหวังเพียงว่าลูกสาวจะเติบโตมา เข้าใจเธอบ้างในท้ายที่สุด

twenty-five-twenty-one-ep11-12

มีความเห็นหนึ่งของ ชาววัง ริมน้ำน่าน ที่มาคอมเมนต์ในเพจดูซีรีส์ให้ซีเรียสถึงประเด็นความทรงจำที่เกิดขึ้นแตกต่างระหว่างสองมุมมอง

“ฉากมื้ออาหารฉลองตำแหน่งนักข่าวกีฬา ตอนที่ฮีโดกับอีจินคุยกันเรื่องครอบครัวในอดีต พอถึงตอนที่ฮีโดบอกให้อีจินตั้งสติแล้วจำใหม่ให้แม่น เธอเอานามบัตรมาแปะหน้าผาก ฉากนี้มันควรจะขำ แต่ผมเศร้า เพราะไม่มีใครเปลี่ยนความทรงจำในอดีตได้หรอก ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ มันย้อนกลับไปอีกไม่ได้แล้ว

“ตอนฮีโดทะเลาะกับแม่เรื่องพ่อ ฮีโดเจ็บปวดกับการแสดงออกของแม่ ส่วนแม่ฮีโดบอกว่าฉันหลบหลีกเพื่อให้รอดชีวิต ลืมเพื่อให้มีชีวิตอยู่ นี่คือวิธีอดทนของฉัน แกอย่ามาดูถูก

“ตอนฮีโดปรับทุกข์กับอีจินหลังทะเลาะกับแม่ ความทรงจำของฮีโดเรื่องนี้คือบาดแผล แต่สำหรับอีจิน กลับรู้สึกว่าแม่ของฮีโดเท่ ความมุ่งมั่นในหน้าที่ของเธอจุดประกายความฝันให้เขา

“Twenty-Five Twenty-One อีพีนี้แสดงความทรงจำ เหมือนเหรียญสองด้าน เหตุการณ์ที่มีสองมุมมอง อยู่ที่เราจะมองจากด้านไหน แม้คนในครอบครัวเดียวกันเจอเรื่องเดียวกัน ก็ยังคิดจากมุมมองของตัวเอง”




ไม่มีอะไรความท้าทายยิ่งกว่าการยอมแพ้

ขึ้นชื่อว่าการเดินทาง ไม่ว่าเราจะเดินในเส้นทางไหน ก็ย่อมต้องพบเจออุปสรรคที่พร้อมทำให้เราถอดใจกันทั้งนั้น แต่การยอมแพ้ก็ไม่ได้ง่ายเสมอไป 

ยิ่งสำหรับนักกีฬาแล้ว พวกเขาอุทิศกายใจให้กับการซ้อมและการแข่งขันมาทั้งชีวิต เป้าหมายเดียวที่เคยมีและเคยคิดว่าจะมีอยู่ตลอดไปก็คือการเล่นกีฬา แต่ถ้าหากวันใดวันหนึ่ง พวกเขาเกิดค้นพบว่าความรู้สึกหลงใหลในแบบเดียวกับในวันแรกที่เริ่มต้นได้จางหายไป มันคงจะน่าใจหายอย่างบอกไม่ถูก 

ดังนั้นการยอมแพ้ไม่ใช่เรื่องผิด การยอมแพ้คือความท้าทาย ท้าทายต่อความฝันที่อาจจะไม่เหมือนเดิม ท้าทายต่อเส้นทางในอนาคตที่ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และท้าทายต่อความรู้สึกของตัวเองที่ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต

“สำหรับพวกเรา ไม่มีอะไรท้าทายยิ่งกว่าการยอมแพ้แล้วค่ะ” นาฮีโดพูดแทนอีเยจีที่ยอมถอดใจกับการเป็นนักกีฬาฟันดาบ เพราะมันไม่ใช่เส้นทางที่เธออยากไปต่อ ซึ่งโค้ชรู้ดีว่าอีเยจีอาจกำลังเจอเข้ากับอุปสรรคบางอย่างที่ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนไป

การที่โค้ชยื่นเงื่อนไขให้อีเยจีต้องผ่านเข้ารอบรองระดับประเทศจึงจะขอลาออกจากทีมฟันดาบได้ เป็นเงื่อนไขที่ทำให้เราได้เห็นอีเยจีใช้ใจทั้งหมดที่มีเข้าสู้ ทั้งในการฝึกซ้อมและเข้าร่วมการแข่งขัน และสำหรับโค้ชเอง นี่ก็เป็นแบบฝึกหัดที่เธอมอบให้อีเยจี ในการเรียนรู้ว่าถ้าทุ่มเทที่สุดแล้วผลจะเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันการยอมแพ้ก็จะตามมาด้วยการเริ่มต้นใหม่ ซึ่งมันยากมาก และถ้าเพียงอีเยจีจดจำช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้ ในอนาคตเธอก็จะยอมรับความพ่ายแพ้และลุกขึ้นเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

เมื่ออีเยจีผ่านเข้ารอบรองระดับประเทศได้ ท่ามกลางความดีใจของทีมฟันดาบ เธอยังคงเลือกที่จะเลิกฟันดาบ เลือกที่จะยอมแพ้ และเป็นการยอมแพ้ที่มาจากความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกที่สุดแล้ว 




twenty-five-twenty-one-ep11-12

การใช้ความรุนแรงในโรงเรียนที่ไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าในยุคไหนก็ตาม

“เพื่อนฉันถูกทำร้ายอีกแล้ว
ครูทั้งตบหน้า และตบหัวเพื่อนฉัน จนสุดท้ายริมฝีปากเขาก็เลือดออก
นักเรียนที่มองอยู่ ไม่ได้ตกใจใหญ่โตด้วยซ้ำ เพราะครูไม่ได้ทำแบบนี้แค่ครั้งสองครั้ง
เหตุการณ์ทั้งหมดผ่านพ้นไปราวกับเป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว
และฉันอยากยุติไอ้ความสมควรที่ว่านี้ ฉันก็เลยแจ้งตำรวจ
แต่ตำรวจก็ไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย รู้ไหมว่าฉันคิดยังไง
“นึกแล้วเชียว” มันดูปกติเหลือเกินสำหรับโลกใบนี้ที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนได้
ฉันอยากจะพูดออกมา อย่างน้อยก็ในรายการนี้ 
ว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ นี่คือสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น”

ความในใจของดีเจวานซึงที่ปลดปล่อยออกมาผ่านรายการวิทยุ และกลายเป็นจุดพลิกผันของชีวิตที่ทำให้อนาคตที่สดใสของนักเรียนอันดับหนึ่งต้องหยุดลงชั่วคราว

ลองมาคิดดูดีๆ จะรู้ว่าเรื่องความรุนแรงในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นการกระทำต่อร่างกายหรือการบูลลี่ด้วยคำพูด มีมานานแล้วทุกยุคทุกสมัย และเป็นเรื่องน่าเศร้าที่หลายๆ คนยอมก้มหน้ารับสิ่งเหล่านั้นโดยไม่ปริปาก เพียงเพราะผู้กระทำเป็นคนที่มีอำนาจเหนือกว่า และบางทีกฎหมายก็ไม่ได้ช่วยเหลือผู้ถูกกระทำได้อย่างที่ควรจะเป็น

จีซึงวาน ตัวละครในซีรีส์ Twenty-Five Twenty-One คือภาพสะท้อนของคนที่ลุกขึ้นสู้เพื่อสิทธิของตัวเอง และมีความหวังอย่างแรงกล้าจะเปลี่ยนแปลงสิ่งแย่ๆ ที่เป็นอยู่ โดยไม่เกรงกลัวผลลัพธ์ที่จะเกิดตามมา ซึ่งความกล้าหาญแบบนี้มันไม่ได้มีอยู่ในตัวของทุกคน และเราเชื่อว่าซีรีส์ต้องการสื่อสารไปถึงกลุ่มคนเหล่านั้นให้ลุกขึ้นสู้กับปัญหา อย่ายอมแพ้ เพราะหากไม่มีใครสักคนที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงความเชื่อผิดๆ ปัญหามันก็คงจะไม่ถูกแก้ไข

twenty-five-twenty-one-ep11-12

แต่ระบบการศึกษายังคงให้อำนาจกับผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก จึงไม่ได้เปิดโอกาสรับฟังเด็กนักเรียน และมองว่าการกระทำเหล่านี้คือปัญหา นั่นทำให้จีซึงวานเลือกทางที่สุดโต่ง ยอมหักไม่ยอมงอ และตัดสินใจเขียนใบลาออกจากโรงเรียนแทนที่จะเขียนจดหมายขอโทษ ทั้งๆ ที่อีกเพียง 1 เดือนก็จะถึงวันสอบเอนทรานซ์แล้ว

แม้ว่าจีซึงวานจะยึดมั่นในความคิดของตัวเองแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังแอบเสียใจกับการกระทำของตัวเองอยู่ดี เธอร้องไห้ขอโทษแม่ที่เป็นลูกที่ไม่ดีนัก แต่แม่ที่ผ่านชีวิตมาแล้ว เมื่อมองเห็นลูกสาวยึดมั่นในความถูกต้อง ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง เธอจึงทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนอยู่ข้างหลัง แม้จะไม่เห็นด้วยทั้งหมด แต่ก็เคารพในการตัดสินใจที่เกิดขึ้น 

และถึงอย่างนั้น เธอยังคงปลอบลูกสาวคนเดียว พร้อมสอนให้เข้าใจโลกแห่งความจริง “ลูกต้องเรียนรู้ที่จะโก่งงอบ้างนะซึงวาน ถ้าเอาแต่แตกหักอย่างเดียว ลูกจะอยู่บนโลกนี้ไม่ได้นะ”




บทสรุป Twenty-Five Twenty-One EP.11-12

Twenty-Five Twenty-One เป็นครั้งสำคัญของซีรีส์เกาหลีที่ทำให้เห็นชัดเจนในการเป็น Soft Power เป็นพลังใจในการช่วยขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้า ช่วยโอบกอดผู้คนแห่งยุคสมัยให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไปนัก และอย่างน้อยๆ ทำให้เรามีหวังพอจะอยู่สู้ต่อ ในวันที่เต็มไปด้วยปัญหานานา

ฉากหนึ่งที่เราชอบมาก และน่าจะสะท้อนความหมายของชีวิตผู้คนในช่วงเวลานี้ ฉากที่อีเยจีและจีซึงวานเดินออกจากโรงเรียนและพบว่าประตูรั้วคล้องกุญแจเอาไว้ สำหรับพวกเราก็ไม่ต่างอะไรกับชีวิตที่มีขอบเขตกำหนด แม้ว่าพยายามหลุดออกมาได้ก็ยังเจอประตูที่ล็อกเอาไว้ เจอกรอบของสังคมที่ปิดกั้น 

ซึ่งคำถามก็คือ ถ้าไม่มีคนอย่างจีซึงวาน ไม่มีใครสักคนลุกขึ้นมาต่อสู้ให้ เราควรโก่งงอหรือแตกหัก?

“แสงสว่างกระจ่างจ้ากว่าแสงใด ฉันพบในมุมอับมืดลับตา” – จีซึงวานไม่ได้กล่าว

twenty-five-twenty-one-ep11-12

ติดตามเนื้อหาสนุกๆ ของ ‘ดูซีรีส์ให้ซีเรียส’ ได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้
Facebook: TheSeriousSeries.TH
Twitter: TheSeriousSerie
YouTube: The Serious Series
Website: Theseriousseries.com
สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารและสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่ Link นี้