Thirty-Nine EP.5-6 เราจะละทิ้งศักดิ์ศรีและความเชื่อมั่นเพื่อเพื่อนได้หรือไม่
Thirty-Nine EP.5-6 เดินมาถึงครึ่งทางพอดีสำหรับเรื่องราวเพื่อนหญิงพลังหญิงระหว่าง มีโจ ชานยอง และจูฮี ที่จะออกอากาศให้ได้ชมกันทั้งหมด 12 อีพี
ซึ่งนับถึงตอนนี้ ต้องบอกตามตรงว่าเนื้อหาในซีรีส์ค่อนข้างหม่นเศร้า แม้ว่าจะมีความกุ๊กกิ๊ก โรแมนติก และเรื่องอมยิ้มแทรกอยู่เป็นระยะ แต่โทนโดยรวมมันทำให้เราเศร้า เสียน้ำตา หวนคิดถึงตัวเอง คนรอบข้าง โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีประสบการณ์ร่วมกับตัวละครใน Thirty-Nine ไม่ว่าแง่มุมไหนก็ตาม น่าเชื่อว่าซีรีส์เรื่องนี้จะไปนั่งอยู่กลางใจของคุณ คอยเป็นเพื่อนปลอบประโลม โอบไหล่ไม่ให้เหว่ว้า และรู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไปนัก
การบอกลาคนที่รัก
มีโจ ชานยอง จูฮี ตกลงกันว่าจะทำให้เพื่อนเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ร่าเริงที่สุด พวกเธอลิสต์รายการที่อยากจะทำร่วมกันไว้มากมาย แต่สุดท้ายชานยองก็เลือกเพียงแค่ 4 ข้อที่เป็นความตั้งใจของเธอเองจริงๆ
1. บอกความจริงพ่อกับแม่
2. จับคู่จูฮีกับเชฟให้ได้
3. ตามหาแม่ที่แท้จริงของมีโจ
และ 4. ส่งพี่จินซอกกลับบ้าน!
ใครที่ดูซีรีส์ Thirty-Nine มาโดยตลอด อาจจะรู้สึกว่าชานยองเลือกทำเรื่องให้คนอื่นทุกๆ ข้อ โดยที่ไม่ได้มีความต้องการของตัวเอง หรือสิ่งที่อยากได้ อยากมี อยากเป็นเลย
การที่ได้เห็นตัวอย่างในอีพีต่อไปว่าชานยองจะไปแคสต์บทการแสดงหนึ่ง นั่นก็เป็นการให้โอกาสตัวเองอีกครั้ง ซึ่งจะได้หรือพลาด ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนใดๆ ให้คนอื่นที่เธอรักอยู่แล้ว มันอาจเป็นคำตอบอีกครั้งว่าชีวิตเราไม่จำเป็นต้องได้ทำในสิ่งที่ฝันและตั้งใจแทบตาย สุดท้ายแล้วชีวิตเราอาจมีทางเลือกอื่นที่ไม่เลวนัก และทำมันได้อย่างดี
ทำไมชานยองถึงได้นึกถึงคนอื่นจนลืมนึกถึงตัวเอง?
เราเองก็ตั้งคำถามนี้ระหว่างที่ดูซีรีส์อยู่เหมือนกัน และยิ่งเรื่องราวดำเนินไป ยิ่งได้เห็นความรักใคร่ผูกพันของเหล่าตัวละคร ช่วงปลาย EP.5 เราก็ได้คำตอบว่าทุกความต้องการก่อนตายที่ชานยองเขียนไว้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เธออยากทำจริงๆ เพราะเราอยากเห็นคนที่รักมีความสุข มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แม้ว่าเราจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ตาม
และการบอกลาคนที่รักที่ดีที่สุดคือการได้เห็นว่าพวกเขาเหล่านั้นมีอนาคตที่ดีรออยู่ ไม่ต้องมาเศร้าเสียใจกับการจากไปของเธอจนทำให้เกิดรอยแผลที่ยากจะรักษา สิ่งที่ยืนยันความคิดนี้คือตอนที่ชานยองพยายามจะบอกทุกคนให้ทำตัวกับเธอตามธรรมดา เช่นเดียวกับที่เธอยังคงไปทำงาน ใช้ชีวิตตามปกติ ทั้งหมดก็เพราะตัวเธอเองคงรับมือกับทุกอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าชีวิตปกติธรรมดาของเธอหายไป
การได้เห็นฉากที่ชานยองพลิกปฏิทินดูวันเวลาที่เหลืออยู่ และพูดออกมาว่า ขอแค่ 3 เดือนเท่านั้น ขอแค่ถึงวันคริสต์มาสก็พอ ก็คงเป็นนัยที่เข้าใจได้ดีว่าเธอยังอยากเป็นชานยองคนเดิม ทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ก่อนที่โรคร้ายจะเดินทางมาถึง
เรื่องของศักดิ์ศรีและความเชื่อมั่น
ประเด็นใน Thirty-Nine EP.5-6 แหลมคมมาก การนำเรื่องของศักดิ์ศรีไปผูกกับตัวจูฮี ที่แม้ในวัยปลาย 30 ก็ยังต้องทำงานรองรับอารมณ์ลูกค้า ซึ่งไม่แน่ว่าสำหรับคนที่ทำงานมานานแสนนาน การถูกกระทำในลักษณะนี้จะกลายเป็นเรื่องคุ้นเคยและชินชา แต่จีฮูก็ทำให้เห็นว่า ยิ่งเติบโต เรายิ่งไม่ควรให้ใครมาหมิ่นเกียรติและลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของตัวเราเอง
ขณะเดียวกัน มีโจที่มีความเชื่อมั่นในความถูกต้องและซื่อสัตย์มาโดยตลอด กลับยอมละทิ้งความเชื่อเหล่านั้นเพียงเพราะต้องการปกป้องเพื่อนรัก ซึ่งนอกจากจะละทิ้งความเชื่อ เธอยังยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้เพื่อนยังคงยิ้มได้ในคืนนั้น ยอมแม้กระทั่งว่าตัวเองจะแตกสลายก็ตาม
ยกรางวัลการแสดงให้ ซนเยจิน ชอนมีโด ไปหมดแล้ว
การแสดงในซีรีส์ Thirty-Nine เป็นธรรมชาติมากๆ เราได้เห็นนักแสดงร้องไห้ในแบบรีแอ็กจริง เอาหลังมือป้ายน้ำตาป้อยๆ หรือขอบตาแดงๆ หัวคิ้วขมวดย่นๆ ในแบบที่ละเอียด และในบางครั้งที่เพียงสายตาเปลี่ยนไปนิดเดียว ก็กลายเป็นส่งอารมณ์ที่ระเบิดออกมาในแบบน้อยแต่มาก ไม่ได้ต้องร้องไห้โฮยิ่งใหญ่ แต่เข้าใจได้ว่าภายใต้สีหน้าท่าทางแบบนั้น พวกเขาแตกสลายกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
Thirty-Nine ทำให้เราได้เข้าใจความหมายของ ‘เพื่อนแท้’ และทำให้เรามองไปรอบๆ ตัวว่าคนเหล่านั้นคือใครกันบ้าง พวกเขามีความสุขดีหรือยัง เราได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกันพอจะเป็นความทรงจำไปตลอดกาลหรือเปล่า เราเคยได้ปกป้องพวกเขาไหม และให้ความจริงใจแก่กันในแบบที่ไม่ต้องมาถามเรื่องความเชื่อใจกันอีกแล้ว