นัมโดซาน จากซีรีส์ Start-Up เป็นเด็กอัจฉริยะมันเหนื่อย!
นัมโดซาน ตัวละครอัจฉริยะที่น่าสนใจใน Start-Up ซีรีส์ที่ออกตัวได้งดงาม การปล่อยใจไหลไปกับภาพสวยๆ ฉากบีบคั้นอารมณ์หน่อยๆ บทพูดที่ฟังแล้วมีกำลังใจฮึดสู้ต่อไป ก็เป็นเหมือนหยดน้ำเล็กๆ ที่เราสามารถสวมทับตัวเองกับตัวละครใดๆ ในเรื่องที่ล้วนต้องผ่านช่วงเวลายากลำบากก่อนที่ดอกไม้จะผลิบาน ซึ่งนี่อาจเป็นคีย์เวิร์ดของ Start-Up ที่มอบกำลังใจให้หนุ่มสาว ให้ผ่านพ้นจึงค้นพบ ให้อดทนต่อสู้จึงจะได้มา
แต่มีประเด็นหนึ่งที่ ดูซีรีส์ให้ซีเรียส สนใจ ก็คือการปูพื้นตัวละคร นัมโดซาน ให้เป็นเด็กอัจฉริยะที่โตมาแล้วไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่สังคมคาดคิด เขายังคงใช้คำว่า ‘เด็กอัจฉริยะอายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัลกรังด์ปรีซ์ในการแข่งคณิตศาสตร์โอลิมปิก’ อยู่ในข้อความแนะนำตัวท้ายอีเมล ซึ่งฉากนี้จริงๆ แล้วแทบไม่ได้สำคัญอะไรเลย แต่มันกลายเป็นความเจ็บปวดที่คูณสอง
หนึ่ง – เป็นเด็กอัจฉริยะคณิตศาสตร์โอลิมปิกไม่ได้แปลว่าจะโตมามีชื่อเสียงร่ำรวย
สอง – แม้คำนี้จะกดดันเรามาตลอดชีวิต แต่ก็ยังต้องใช้มันมาเป็นตัวล่อความสนใจนักลงทุน
เราได้พบข้อมูลมาว่าคนที่มีไอคิวสูงที่สุดในโลกและยังมีชีวิตอยู่คือผู้ชายเกาหลีไอคิว 210 ชื่อ คิมอึงยอง เกิดในปี 1962 เขาจำตัวอักษรเกาหลีและจีนมากกว่า 1,000 ตัวได้พร้อมๆ กับหัดเดิน พอ 3 ขวบก็เริ่มแก้โจทย์แคลคูลัส อายุย่าง 5 ขวบเขาพูดได้ 4 ภาษา เกาหลี อังกฤษ เยอรมัน และญี่ปุ่น แก้โจทย์คณิตศาสตร์ยากเทพๆ สมการดิฟเฟอเรนเชียล (Differential Equation) ซึ่งปกติจะเรียนในมหาวิทยาลัยได้อย่างรวดเร็ว จนได้ไปออกทีวีที่ญี่ปุ่น และจบปริญญาเอกด้านฟิสิกส์ที่สหรัฐอเมริกา แต่สุดท้ายเขากลับมาเกาหลี เรียนจบด้านวิศวกรรมศาสตร์จาก Chungbuk National University
ท่ามกลางความคาดหวังว่าคิมอึงยองจะเป็นอัจฉริยะที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เมื่อโตขึ้น หรือเป็นเจ้าของธุรกิจอะไรใหญ่โต เขากลับเลือกเส้นทางการเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัย ซึ่งคิมอึงยองยืนยันว่าความฝันตลอดมาคือการเป็นอาจารย์ “ผมจะอุทิศตัวเองในการสอนหนุ่มสาวรุ่นต่อไป”
สื่อหลายสำนักออกมาเรียกคิมอึงยองว่า ‘อัจฉริยะที่ล้มเหลว’ ซึ่งย้อนไปในช่วงเวลานั้น สังคมยังไม่ได้เรียนรู้ว่าความหวังที่พวกเขาฝากไว้กับเด็กชายคนนี้ เป็นเหมือนดาบสองคมที่พร้อมผลักดันและทำร้ายในเวลาเดียวกัน
ปัจจุบันคิมอึงยองอายุ 58 ปี ยังคงเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย เขาเลือกสิ่งที่มีความสุขกับชีวิต เขาไม่ต้องการเป็นคนมีชื่อเสียงหรือเป็นอัจฉริยะ เขาต้องการเป็นผู้ชายธรรมดา อยู่กับครอบครัวและเพื่อนๆ เหมือนคนอื่นทั่วๆ ไป
กลับมาที่ นัมโดซาน วัย 30 ปี เขายังคงมุ่งมั่นเป็นสตาร์ทอัพ แม้จะใช้เงินพ่อแม่มาลงทุนตั้งบริษัทซัมซานเทคกับเพื่อนที่โตมาด้วยกัน แต่ดูแล้วยังไม่มีแววจะประสบความสำเร็จ พ่อแม่ยังเอาเรื่องการเป็นเด็กอัจฉริยะมาต่อว่าเมื่อเห็นแววล้มเหลวของลูกชาย ประเด็นนี้สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างสังคมเกาหลีที่ค่านิยมเรื่องชื่อเสียงเงินทองและสเตตัสทางสังคมยังคงเป็นสิ่งสำคัญเหลือเกิน
เท่าที่คาดเดา นัมโดซานในซีรีส์จะประสบความสำเร็จแน่ๆ ซึ่งระหว่างทางจะเป็นการฉายภาพให้เห็นว่าเขาต้องต่อสู้กับอุปสรรค เรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อเติบโต แต่ในชีวิตความเป็นจริงล่ะ เราจะประสบความสำเร็จได้แบบนัมโดซานในท้ายที่สุดไหม แม้เราทำทุกอย่างแล้ว มุ่งมั่นตั้งใจมากแล้ว มันเป็นสิ่งการันตีหรือเปล่าว่าคนที่ต่อสู้ทุกวิถีทางแล้วจะต้องประสบความสำเร็จ