hanjipyeong-start-up

ฮันจีพยอง Start-Up พระรองแห่งชาติที่คนดูพากันหลงรัก

ฮันจีพยอง พระรองแห่งชาติจากซีรีส์ Start-Up เป็นที่พูดถึงในทุกหย่อมหญ้าไม่แพ้พระเอกนางเอก ดูซีรีส์ให้ซีเรียส จึงลองวิเคราะห์เกี่ยวกับตัวละครนี้ว่าเพราะอะไรคนดูถึงพากันหลงรักในทุกพื้นที่ที่ซีรีส์เดินทางไปถึง, นักเขียนวางคาแรกเตอร์นี้ไว้ละเอียดแค่ไหน, 3 ปีที่ความสัมพันธ์ไม่พัฒนามันเกิดจากอะไร และอีก 2 ตอนที่เหลือ ทีมฮันจีพยองยังพอจะมีความหวังอยู่ไหม

หลายเหตุผลที่ทำให้ตัวละครฮันจีพยองเป็นที่รักของผู้ชม

ตั้งแต่ซีรีส์เริ่มออกอากาศ คนเขียนบทบิลด์ตัวละครนี้หนักมาก เรื่องราวในสองอีพีแรกคือมาเต็ม แถมยังเลือก นัมดารึม ที่มีภาพลักษณ์เป็นพระเอกวัยเด็กมาตลอดมารับบทนี้ ฮันจีพยองที่มีภูมิหลังเป็นเด็กกำพร้า ชีวิตลำบาก ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน เป็นคาแรกเตอร์ที่ทำให้คนดูให้ใจและเกิดความรู้สึกสงสาร (และความสงสารคือบ่อเกิดของความรัก)

พอเติบโตขึ้นมา ซีรีส์เลือกที่จะข้ามผ่านช่วงชีวิต 15 ปีที่หายไป หลังจากแยกกับคุณย่าที่สถานีขนส่งคืนนั้นเขาต้องดิ้นรนกับอะไรมาบ้าง เด็กผู้ชายคนเดียวในโซล ชีวิตโหดร้ายแค่ไหน ไหนจะเรียนหนังสือ ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ทำธุรกรรมต่างๆ ก็ยังไม่ได้ เพราะอายุยังไม่ถึง มันคงมีซีนยากลำบากในชีวิตเยอะมาก แต่พอซีรีส์ไม่ได้เล่าส่วนนั้น คนดูบางคนอาจจะรู้สึกว่าเขาก็ดูเป็นผู้ชายที่พร้อมทุกอย่าง สมบูรณ์แบบ บ้านรวย หน้าตาดี มีงานการมั่นคง

ฮันจีพยองเป็นตัวละครที่ข้างนอกเพอร์เฟกต์ แข็งแกร่ง แต่ข้างในเป็นคนอ่อนโยน ซอฟต์ๆ อาจจะเก่งการเรียน การเงิน การทำงาน แต่ในแง่ความสัมพันธ์ถือว่าสอบตก เพื่อนสนิทที่จะไปแฮงเอาต์ก็ไม่มี ชีวิตแต่ละวันคือไปทำงานแล้วกลับบ้าน แถมบ้านก็ใกล้ที่ทำงานอีก

เรื่องความสัมพันธ์ ซีรีส์ก็ไม่มีการกล่าวถึงแฟนที่คบหาจริงจัง อาจจะเพราะด้วยไลฟ์สไตล์ไม่เอื้อกับการมีใครเลย ด้วยความเป็นคนพูดจาขวานผ่าซากแบบนี้ โอกาสจะมีแฟนคงยาก ฉะนั้นถ้ามีคนสงสัยว่า 3 ปีแล้วทำไมไม่มีอะไรคืบหน้า บอกได้เลยว่าเป็นเพราะพื้นเพตัวละครที่นักเขียนบทปูมาคือปัจจัยที่เข้าใจได้

สายซัพที่แท้จริง

ฮันจีพยองเป็นตัวละครที่คอยซัพพอร์ต เขามักจะเฝ้ามองคนจากข้างหลังอย่างเงียบๆ จนกระทั่งคุณย่าขอร้องให้เป็นเพื่อนทางจดหมายของซอดัลมี เขาก็ยอมทำตาม ทั้งๆ ที่จริงๆ ก็ดูไม่น่าจะเป็นคนที่ทำตามคำขอของใครง่ายๆ ด้วยความเป็นคนไม่มีเพื่อน พอคุณย่าให้เขียนก็คงรู้สึกว่าก็ดีเหมือนกัน เพราะมีเพื่อน และทั้งสองคนยังมีความเข้าใจในกันและกันสูง เป็นเหตุผลให้ซอดัลมียึดติดกับเพื่อนทางจดหมายคนนี้ ไม่คบคนอื่นที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่ตัวเองตั้งไว้

การเป็นผู้ชายเขียนจดหมาย 15 ปีที่แล้วถือว่าเป็นเรื่องโรแมนติก ทั้งที่ยุคนั้นมีเว็บไซต์แล้วด้วยซ้ำ แต่การยังเขียนจดหมายหากันอยู่ก็มีความนิทานอยู่ประมาณหนึ่ง แล้วยังไปหย่อนไว้ในบ้านนกอีก ซึ่งมันไม่ใช่ที่ส่งจดหมายแบบปกติ พูดง่ายๆ คือมันมีเป็นสถานที่ที่มีเพียงทั้งสองคนเท่านั้นที่รู้ (ไม่รวมคุณย่า)

ถ้าซอดัลมีคิดว่านัมโดซานในจดหมายเป็นแฟนคนแรก เราคิดว่าฮันจีพยองก็คิดเหมือนกัน เพราะเขาเองก็ไม่ได้มีเพื่อนคนอื่นเลย มีแค่ซอดัลมีเพียงคนเดียวเท่านั้น

hanjipyeong-start-up

สุภาพบุรุษสุดเนี้ยบ

และนี่คือฉากที่ทำให้คนดูอย่างเราเริ่มเปิดใจ การเอามือป้องหัวให้ก่อนจะขึ้นรถนั้นมันยิ่งกว่าการเปิดประดูให้ซะอีก ซึ่งนั่นทำให้เราหลงรักเขาได้ไม่ยาก เพราะคนดูได้เห็นสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ที่เขาทำ ในขณะที่ซอดัลมีคงไม่ทันได้เห็น

ก่อนหน้านี้ที่ซีรีส์ปูมา เราจะรู้ว่าเขาเป็นคนเนี้ยบ ประณีต ละเอียด ทั้งเรื่องเสื้อผ้าที่แขวนในบ้าน บ้านสะอาดกริ๊บ การแมตช์ชุดที่เป๊ะตลอด ตรงนี้มันเป็นการบ่งบอกว่าเขาใส่ใจกระทั่งดีเทลอย่างการที่ผู้หญิงจะขึ้นรถแล้วหัวจะกระแทกหรือเปล่า มันเป็นวิธีเล่าที่เราต้องขอชื่นชมผู้กำกับเลย เพราะเขาเลือกที่จะเล่าโดยไม่จำเป็นต้องพูด ถ้าเป็นละครไทยอาจจะต้องเอาบทพูดนี้เข้าปากใครสักคนเพื่อให้คนดูเข้าใจชัดๆ แต่อันนี้เป็นวิธีเล่าแบบถ่ายให้เห็นแล้วผ่านไปเลย คนดูจะเห็นก็เห็น ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร

ด้ายเส้นนั้นที่หยิบออกมาไม่ได้

คนเนี้ยบอย่างฮันจีพยอง แค่ด้ายเส้นเล็กๆ นั่น ทำไมจะมองไม่เห็น แต่ที่ไม่กล้าหยิบออกเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ควรทำแบบนั้น ด้วยความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ในฐานะหัวหน้า จะมาทำรุ่มร่ามคงไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าฮันจีพยองเป็นผู้ชายที่เลือกจะรักษาระยะห่างกับผู้หญิงที่ยังไม่ได้สนิทสนมถึงขนาดนั้น

ฮันจีพยอง VS. โกกิลดง

ดูเหมือนจะเป็นเพียงฉากสร้างสีสันน่ารักๆ ฉากหนึ่ง แต่จุดนี้เราคิดว่านักเขียนบทตั้งใจให้เสื้อยืดลายโกกิลดงตัวนี้มีความเชื่อมโยงบางอย่างกับฮันจีพยอง

โกกิลดงเป็นตัวละครจากการ์ตูนชื่อดังของเกาหลีที่ชื่อ Dooly the Little Dinosaur คาแรกเตอร์เป็นชายปากร้าย วัย 30 ปี มีบ้านอยู่ใกล้แม่น้ำฮัน เป็นเจ้าของบ้านที่ต้องดูแลเหล่าสัตว์ประหลาดที่สร้างปัญหาให้ไม่หยุดหย่อน ซึ่งเหมือนกับชีวิตของฮันจีพยองที่ต้องคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ทีมซัมซานเทค แม้ปากจะบ่นว่าสร้างแต่เรื่อง แต่ก็ไม่วายที่จะคอยช่วยแก้ปัญหาอยู่ตลอด

hanjipyeong-start-up

โกกิลดง VS. ดูลี่

บทสนทนาที่ว่าฮันจีพยองยอมแลกอพาร์ตเมนต์กับนาฬิกาที่แพงกว่ารถกับสิ่งที่เขาต้องการ (นั่นคือซอดัลมี) เป็นการบอกว่าเขาเองสามารถสละได้ทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนนี้ มันไม่ใช่คำพูดเพื่อเอาชนะนัมโดซาน แต่เขาสามารถแลกได้จริงๆ เพราะรู้ว่าตัวเองมีความสามารถมากพอที่จะหาของนอกกายเหล่านี้กลับมาได้ไม่ยาก

hanjipyeong-start-up

ซีนบอกรักที่ทำให้คนดูใจฟู

การบอกรักแบบผู้ใหญ่ที่มีความเป็นธรรมชาติ มันคือการพูดความจริงที่อยู่ในใจแบบเรียบง่าย ไม่ได้บีบบังคับหรือร้องขอให้ซอดัลมีรับรักในทันที ก็เหมือนกับตอนที่ช่วยคอมเมนต์งาน หรือแนะนำบริษัทที่จะมาลงทุนโปรเจกต์นุนกิลให้ ฮันจีพยองยังคงเป็นในแบบที่ตัวเองเป็น ยังทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้เหมือนเดิม หยิบทิชชู่ จัดช้อนตะเกียบ รินน้ำใส่แก้ว คลุกบะหมี่ให้ ซึ่งนี่คงเป็นครั้งแรกที่ซอดัลมีได้เห็นตรงหน้าว่าหัวหน้าฮันทำอะไรให้ตัวเองบ้าง (ที่ผ่านมาเอาแต่แอบดูแลอยู่เบื้องหลังมาตลอด)

หากเป็นศัตรูที่เอาชนะไม่ได้ จงเป็นฝ่ายเดียวกัน

ชายผู้ซัพพอร์ตตลอดมาและตลอดไป แม้ซัมซานเทคต้องแยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเอง ฮันจีพยองยังแนะนำให้ซอดัลมีเดินหน้าต่อ ลดทิฐิของตัวเองลง แล้วเลือกที่จะเดินหน้าหาประสบการณ์ในที่ที่ดีและเหมาะสมกับตัวเอง ด้วยคำพูดที่ว่า “หากเป็นศัตรูที่เอาชนะไม่ได้ จงเป็นฝ่ายเดียวกัน”

3 ปีผ่านไป ฮันจีพยองทำอะไรอยู่

อย่างที่บอกว่าเรารู้สึกว่าฮันจีพยองมีปัญหากับเรื่องความสัมพันธ์ ซึ่งอาจมีต้นเหตุมาจากพื้นฐานความสัมพันธ์ที่ไม่ดีในวัยเด็ก กลัวความร้าวฉาน ใช้ชีวิตคนเดียวมาตลอด พอรู้สึกชอบคนคนหนึ่งมากๆ แต่มีตัวแปรหลายๆ อย่างในชีวิต ความมั่นคงทางจิตใจในการมีชีวิตคู่มันคนละแบบกับนัมโดซานที่ยังเป็นวัยรุ่น วัยรุ่มร้อน ทำให้จังหวะที่เขาเข้าไปมันช้ากว่าที่ควรจะเป็น

เหตุผลต่อมา ด้วยความจิตใจอ่อนโยนและเป็นคนแฟร์ พอเห็นซอดัลมีร้องไห้ที่นัมโดซานไปอเมริกา อาจจะทำให้รู้สึกว่าเข้าไปช่วงนี้คงไม่ได้ ในใจก็รู้อยู่ว่าซอดัลมีชอบนัมโดซานมาตลอด ก็เลยเลือกที่จะรอให้ทุกอย่างดีขึ้นก่อน แต่ความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ 3 ปีผ่านไป ไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ไม่พัฒนา แต่มันมีจุดเล็กๆ ที่ทำให้รู้ว่าซอดัลมีเองก็เริ่มหวั่นไหว ในตอนที่คุยกันในบ้านว่าอยากเป็นคนที่เธอนึกถึงเป็นคนแรกยามลำบาก ตอนนั้นซอดัลมีได้แต่กินแครอตแก้เก้อ ไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้าไปมองฮันจีพยองด้วยซ้ำ

ช่วยกลับมามองดัลมีอีกครั้งเถอะ

ทิ้งท้ายด้วยตัวอย่างอีพี 15 มีช่วงหนึ่งที่ฮันจีพยองพูดกับนัมโดซานว่า “ช่วยกลับมามองดัลมีอีกครั้งเถอะ”

หลังจากที่อีพีนี้ก่อนหน้านี้ ซีรีส์ทำให้เรามีความหวังมาตลอด จนเริ่มลดลงมาเรื่อยๆ ในอีพีหลัง แต่ที่จะบอกก็คือเรื่องราว ณ ปัจจุบันดำเนินอยู่ในปี 2019 ลองมาลุ้นกันว่าเวลา 1 ปีก่อนจะที่เรื่องบรรจบกับปีปัจจุบัน ทีมฮันจีพยองต้องสูดลมหายใจ แล้วมาเอาใจช่วยให้ความหวังอีก 1% ที่ยังเหลือดำเนินไปอย่างราบรื่น เรื่องคดีพลิกเราคงไม่หวัง แค่ไม่อยากให้นักเขียนใจร้ายกับตัวละครนี้มากเกินไป แค่นี้ก็พอใจแล้ว

ติดตามเนื้อหาสนุกๆ ของ ‘ดูซีรีส์ให้ซีเรียส’ ได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้
Facebook: TheSeriousSeries.TH
Twitter: TheSeriousSerie
YouTube: The Serious Series
Website: Theseriousseries.com
สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารและสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่ Link นี้