start-up-ep.12

Start-Up EP.12 เมื่อชีวิตจริงอาจไม่มี Sandbox รองรับไว้เวลาร่วงหล่น

หลังจากดู Start-Up EP.12 จบแล้ว ดูซีรีส์ให้ซีเรียส ต้องตั้งสติอยู่ 2 วันก่อนจะตกตะกอนความรู้สึก เมื่อเรื่องราวในซีรีส์เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญของแทบทุกตัวละคร ซึ่งเราต้องยกความดีความชอบให้นักเขียนพัคฮเยรยอนที่ยังคงพาขึ้นรถไฟเหาะในการดึงอารมณ์ขึ้นสูงลงสุดอย่างต่อเนื่อง ที่เรียกได้ว่านักเขียนพัคพาคนดูลงจอดได้แบบเจ็บปวดไม่ทันตั้งตัวกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะอยู่ทีมไหนก็ตาม 

Start-Up EP.12 เปิดเรื่องมาด้วยชื่อตอน Ackhire (รูปแบบการซื้อกิจการเพื่อที่จะว่าจ้างบุคลากรมีฝีมือ) ที่พอจะเดาทางกันได้ตั้งแต่ท้าย EP.11 ว่าซัมซานเทคที่เป็นน้องใหม่วงการสตาร์ทอัพจะต้องเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายของโลกธุรกิจ แต่ใครจะคิดว่านอกจากเหตุการณ์การยุบทีมซัมซานเทคแล้วมันยังมีเรื่องราวมากมายกว่านั้น

ต้องบอกว่านักเขียนพัคใช้เวลาทำรีเสิร์ชไปพร้อมกับการเขียนบทซีรีส์เรื่องนี้ถึง 2 ปีเต็มๆ ซึ่งนี่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คาแรกเตอร์ตัวละครมีมิติและปมอดีตครบถ้วน เรื่องราวที่ดำเนินไปอย่างชาญฉลาด ผสานเลิฟไลน์ที่คนดูสายแมสชื่นชอบไปพร้อมกับการสอดแทรกความรู้ในแวดวงสตาร์ทอัพได้อย่างลงตัว โดยไม่จำเป็นต้องแคร์ขนบซีรีส์ที่มักจะลงเอยแบบแฮปปี้เอนดิ้งเสมอไป

เล่าให้เห็นภาพโดยเทียบจากซีรีส์ที่เราเคยดูๆ กันมา เมื่อซัมซานเทคต้องเจอกับพายุลูกใหญ่แบบนั้น ต้องมีใครสักคนที่มาโอบอุ้มและช่วยแก้ปัญหา อาจจะเป็นเจ้าของ Sandbox อย่างยุนซอนฮักที่มาช่วยเป็นตัวกลางแก้ไขปัญหา หัวหน้าทีมฮันจีพยองช่วยออกค่าปรับยกเลิกสัญญาให้ หรือจะมีบริษัทพ่อพระสักแห่งมาช้อนซื้อต่อก็ยังเป็นไปได้ แต่นักเขียนพัคเลือกที่จะให้ซัมซานเทคต้องพบกับความจริงที่เจ็บปวด ซึ่งในแง่หนึ่งมันคือการสอนให้ตัวละครเติบโตและก้าวเดินต่อ แต่ในอีกทางหนึ่งมันก็สะท้อนโลกแห่งชีวิตจริงให้กับคนดูอย่างเราได้มากทีเดียว

start-up-ep.12

ทุกคนย่อมมีบาดแผลในชีวิต แต่จงก้าวข้ามผ่านให้ได้

สิ่งหนึ่งที่นักเขียนพัคแอบสอดแทรกเอาไว้คือการสร้างตัวละคนที่แตกต่าง ด้านหนึ่งคือตัวละครที่ชีวิตเพิ่งเริ่มต้น (ซอดัลมี – ซัมซานเทค) อีกด้านคือตัวละครที่ผ่านประสบการณ์มาแล้ว (วอนอินแจ – ฮันจีพยอง) แน่นอนว่าคนที่เพิ่งเริ่มต้นย่อมต้องพบอุปสรรคนานา ฝ่าฟันปัญหา ทำผิดพลาด แก้ไข ผ่านประสบการณ์ทั้งดีและเลว ก่อนจะเจอกับความสำเร็จ

ขณะเดียวกัน ประสบการณ์ที่ฮันจีพยองและวอนอินแจได้ผ่านมา ซีรีส์ไม่ได้ย้อนไปเล่าเรื่องราวเหล่านั้นว่าพวกเขาผ่านเส้นทางอย่างไรมาบ้าง มีเพียงปมในอดีตที่บอกชัดเจนว่าต่างต่อสู้ชีวิตมาตั้งแต่ยังเล็ก ฝ่ายหนึ่งกำพร้าและต้องเอาชีวิตตัวคนเดียวให้รอด อีกฝ่ายครอบครัวหย่าร้าง การเลือกตามแม่ไปมีชีวิตใหม่อาจเป็นทางเลือกที่ทะเยอทะยานกว่าย่ำอยู่กับที่

สองตัวละครนี้ก้าวข้ามบาดแผลในอดีตและมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน แม้จะดูเป็นพวกพูดจาไม่รักษาน้ำใจ คิดแต่กำไรผลลัพธ์ในหัว จริงๆ แล้วพวกเขาต่างเคยล้มลุกคลุกคลานบนเส้นทางที่ซอดัลมีและซัมซานเทคกำลังเดินมาแล้วเช่นกัน

หากเป็นศัตรูที่เอาชนะไม่ได้ จงเป็นฝ่ายเดียวกัน

“หากเป็นศัตรูที่เอาชนะไม่ได้ จงเป็นฝ่ายเดียวกัน มันมีคำกล่าวแบบนั้นอยู่นะครับ” ฮันจีพยองให้คำแนะนำกับซอดัลมี เมื่อเธอหมดสิ้นหนทาง และอยากฟังคำแนะนำแบบตรงไปตรงมาจากเขา

ประโยคที่ว่านี้ทำให้ซอดัลมีมองเห็นแสงสว่างขึ้นมาทันที มันทำให้เธอเลิกจมอยู่กับความเศร้าและตัดสินใจแก้ปัญหาตรงหน้า แม้จะเจ็บปวด แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อ ซอดัลมีเลือกที่จะสมัครงานในบริษัทของพี่สาว มองข้ามปัญหาส่วนตัวระหว่างพี่น้อง เลือกที่จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ช่วยพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น เพื่อที่วันหนึ่งเมื่อสั่งสมประสบการณ์ได้มากพอ เธออาจมีโอกาสเป็นเจ้าของธุรกิจได้อย่างที่เคยฝัน

มีคำกล่าวอยู่อีกเช่นกันว่า ‘ทุกปัญหามีทางแก้ไข’ ซึ่งเอาจริงๆ บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ หรือถ้าจะแก้ไขไม่ได้จริงๆ การลองคิดในมุมกลับ กระโดดออกจากกรอบปกติ มันอาจมีทางออกที่ไม่น่าเชื่อรอคอยอยู่เสมอ

อย่ายึดติดกับภาพลวงตา ขอให้ยอมรับความเป็นจริง

ไม่ใช่ทุกคนที่มีฝันแล้วจะคว้ามันเอาไว้ได้ อย่าคิดว่าตัวเองเก่งไปซะทุกเรื่อง แม้แต่อัจฉริยะอย่างนัมโดซานก็ยังพลาด อดีตทนายความอย่างจองซาฮาก็ยังปล่อยให้สัญญาผิดพลาด คิมยงซานที่ยึดติดกับการเสียชีวิตของพี่ชายจนตัดสินฮันจีพยองผิดไป ซีรีส์ Start-Up บอกเราว่าไม่ว่าใครต่างก็เคยทำผิดพลาด เมื่อชีวิตต้องเดินต่อ และเราย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ ก็แค่ยอมรับความผิดพลาดนั้น และจำไว้เป็นบทเรียน

start-up-ep.12

จะคอยรองรับไว้เวลาที่ร่วงหล่น

เมื่อชีวิตถึงคราวร่วงหล่น เวลานั้นเราแค่ต้องการใครสักคนมาคอยรับเอาไว้ นักเขียนพัคจึงสร้างให้ทุกตัวละครหลักแวดล้อมไปด้วยบุคคลที่พร้อมจะเป็นที่พักใจให้เสมอ เริ่มตั้งแต่คอนเซปต์ Sandbox ที่พ่อเททรายเพื่อเพื่อไม่ให้ลูกเจ็บเมื่อหล่นจากชิงช้า, ซอดัลมีกับเพื่อนทางจดหมายที่แม้จะเพ้อฝัน แต่มันก็ทำให้ทั้งคู่ผ่านชีวิตที่ยากที่สุดมาได้, คุณย่าผู้เป็นทุกอย่างของซอดัลมีและฮันจีพยอง หรือนัมโดซานที่มีเพื่อนสนิทอีกสองคนคอยปลอบใจให้สู้อยู่เสมอ

สำหรับซอดัลมี ตัวละครที่ร่วงหล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่พ่อแม่หย่าร้าง แม่กับพี่สาวออกจากบ้าน พ่อเสียชีวิต ตัวเธอเองไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย ซ้ำร้ายโดนบริษัทที่ทำพาร์ตไทม์หลอกใช้งานไปวันๆ เอาจริงๆ ถ้าเป็นคนปกติธรรมดา โดนมรสุมชีวิตขนาดนี้ก็ไม่แน่ว่าจะยังลอยลำเรืออยู่ได้ไหม โชคยังดีที่ซอดัลมีเป็นคนที่มองโลกแง่บวก ตั้งแต่ไก่ทอดที่พี่สาวเธอเบื่อเหลือเกินก็ยังมองว่าเป็นอาหารมื้อพิเศษ การไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็ได้เรียนวิชาจากการทำงานพาร์ตไทม์มากมาย

เธอไม่เคยดูถูกตัวเองหรือพื้นฐานชีวิตที่ย่ำแย่ แต่กลับมองไปยังจุดที่สูงกว่า และรอคอยวันที่จะพาตัวเองไปสู่จุดนั้น โดยที่มีคุณย่าคอยเป็นกระบะทรายให้เธอ เช่นเดียวกับจดหมายนับสิบนับร้อยฉบับที่เขียนส่งหาเพื่อนทางจดหมายชื่อนัมโดซาน มันเป็นคล้ายกระบะทรายตลอดหนึ่งปีที่เธอต้องแบกรับความสูญเสียจนหัวใจแตกสลาย

นักธุรกิจยุคใหม่ไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่ทำเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนในสังคม

แน่นอนว่าเป้าหมายของนักลงทุนคือผลกำไร แต่ในยุคนี้ไม่ใช่แล้ว ชีวิตที่ดีขึ้นของคนในสังคมอย่างยั่งยืนต่างหากที่สำคัญเท่าๆ กัน

ยุนซอนฮัก ซีอีโอของ Sandbox มักจะถามผู้เข้าแข่งขันอยู่เสมอว่าสร้างโปรเจกต์นั้นเพื่ออะไร แม้กระทั่งวอนอินแจ ลูกทีมของเธอเอง ในช่วงแรกก็ยังเชื่อว่าธุรกิจที่ทำเงินคือธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่ในที่สุดวอนอินแจก็ได้เรียนรู้เช่นกันว่าหน้าที่ของนักธุรกิจคือการสร้างสรรค์อนาคตของโลกใบนี้ ที่เงินไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุด

ติดตามเนื้อหาสนุกๆ ของ ‘ดูซีรีส์ให้ซีเรียส’ ได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้
Facebook: TheSeriousSeries.TH
Twitter: TheSeriousSerie
YouTube: The Serious Series
Website: Theseriousseries.com
สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารและสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่ Link นี้