Snowdrop เหตุผลที่ต้องตามดูให้ทัน ก่อนจะคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่อง
Snowdrop ซีรีส์ที่ร้อนที่สุดแห่งฤดูหนาวปลายปี 2021 เดินทางมาถึง EP.10-11 ไปเป็นที่เรียบร้อยในสัปดาห์นี้ และเรื่องราวเริ่มเทิร์นมาสู่ความสนุกในแบบที่ลุ้นไม่ถูกว่าปลายทางจะจบอย่างไร
เพราะอย่าลืมว่านี่คือซีรีส์โรแมนติกดราม่า ที่ถึงจะมีทรงละครหลังข่าวอยู่สักหน่อย แต่ด้วยรูปแบบแล้ว การจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ ด้วยพล็อตที่วางให้เป็นความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาวจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ พ่วงด้วยตำแหน่งลูกของผู้นำในคณะความมั่นคงของทั้งสองฝั่ง ก็ต้องติดตามกันไปจนสุดทาง ว่าซูโฮและยองโรจะล่องเรือไปจบลงอย่างงดงามอย่างไร
ทำไมต้องตามดูเรื่องนี้
ต้องสารภาพว่าเราเองก็เป็นคนที่ดูไป 1 ตอนแล้วไม่ค่อยถูกทางกับซีรีส์เล่นใหญ่ มีทรงละครหลังข่าวที่รู้ชัดๆ ว่าใครดีใครชั่ว การกระทำหลายอย่างที่ไม่เมกเซนส์ จึงยังไม่ได้ดูต่อ บวกกับปัญหาว่าซีรีส์อาจจะโดนถอดเนื่องจากประเด็นการบิดเบือนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ด้อยค่ากลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตย เนื่องจากในช่วงเวลานั้นมีผู้คนมากมายที่ถูกทรมานและสังหารโหด ด้วยข้อหาว่าเป็นสายลับคอมมิวนิสต์ ทั้งที่พวกเขาเป็นเพียงผู้เรียกร้องประชาธิปไตยเท่านั้น
และเมื่อทีมผู้สร้างและ JTBC ตัดสินใจปล่อยซีรีส์ให้ดูยาวๆ 5 ตอน เรื่องราวที่คลี่คลายมากขึ้นว่าซีรีส์เรื่องนี้มีหลักใหญ่ใจความเกี่ยวกับความรักข้ามพรมแดน และไม่มีประเด็นการด้อยค่าผู้เรียกร้องประชาธิปไตย เราจึงเริ่มกลับมาดูต่ออีกครั้ง เพราะจริงๆ แล้วนี่คือหนึ่งในซีรีส์ที่สนใจมากๆ ในปี 2021 และรอคอยการออกอากาศมาตลอด
นอกเหนือจากงานแสดงครั้งแรกของ จีซู BLACKPINK ประกบคู่กับ จองแฮอิน ที่เหมาะกับบทสายทหารมากๆ (D.P. และ Prison Playbook) ความย้อนยุคในซีรีส์เรื่องนี้ยังเป็นผลงานของผู้กำกับและนักเขียนที่เรารอคอย
จากทีมผู้สร้าง Sky Castle สู่การร่วงหล่นของหิมะ
Snowdrop เป็นผลงานกำกับของ โจฮยอนแทก ที่มีผลงานซีรีส์หลายเรื่องกับทาง JTBC โดยเฉพาะ Sky Castle ซีรีส์ดราม่าครอบครัวบีบจิตที่ดังเป็นพลุแตก ส่วนผู้เขียนบทคือ ยูฮยอนมี ที่เป็นนักเขียนคู่บุญกันมาตั้งแต่ Sky Castle เช่นกัน
นั่นทำให้เป็นที่สนใจว่าซีรีส์เรื่องนี้จะสร้างปรากฏการณ์ระเบิดเรตติ้งได้อีกครั้ง แต่ด้วยปัญหาหลายอย่างที่กล่าวไปในช่วงต้น ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไปได้ไม่สุดทางอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่หากดูอย่างเป็นกลางแล้ว ตัวซีรีส์เองก็สนุก มีการเสียดสีการเมืองภาพรวม ความโรแมนติกก็จัดมาเต็ม นักแสดงฝีมือดี โปรดักชั่นสวยสมจริง เพลงประกอบเพราะลึกซึ้ง ดูได้เรื่อยๆ และทิ้งปมค้างคาให้ติดตามอยู่ตลอด
แต่ที่ทำให้ไปต่อแบบเรียลไทม์ไม่ได้ก็เพราะไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าเรื่องราวกว่า 70% จะอยู่ในหอพักมหาวิทยาลัย และตัวละครที่มีปมเบื้องหลังทั้งหมดจะมารวมอยู่ในสถานที่นี้เพียงที่เดียว เรื่องราวในแต่ละอีพีก็ไม่ได้เดินหน้าไปไหนเท่าไหร่ วนเวียนอยู่กับการต่อรอง หลบหนี ต่อสู้ การวางแผนและผิดแผน จึงทำให้รู้สึกเนือยพอสมควร
จนมาถึง EP.9 ที่สถานการณ์เปลี่ยนในตอนท้าย มีตัวละครใจเด็ด ทำการใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นก็คาดเดาได้ว่าเรื่องราวจะยังคงอยู่ในหอพักมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปจนเกือบจบเรื่องอยู่ดี
ประกอบกับเส้นเรื่องเหล่าคุณหญิงคุณนาย หลังบ้านนักการเมืองที่ค่อนข้างซ้ำเดิมและเล่นใหญ่ชัดเจน ความไม่เอาไหนของนักการเมืองที่มองเห็นผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าอย่างอื่น และปม ‘ความรัก’ ที่ผูกอยู่กับหลายตัวละคร ทำให้เนื้อเรื่องดูเหมือนจะไปได้ไม่สุดทาง และวนเวียนอยู่กับความรัก ความโลภ ความจอมปลอมของผู้คน
หรือเป็นไปได้ว่าซีรีส์ Snowdrop คือการสะท้อนให้เห็นเรื่องน้ำเน่าที่ในสังคมไหนๆ ก็ต่างย่ำอยู่กับที่แบบนี้
สรุป: ถ้าพอจะรู้เรื่องอยู่บ้างจากการอ่านตามนิวส์ฟีดมาตลอด ลองเริ่มดูที่ EP.9 ได้เลย หรือใครอยากซึมซับความงามของโปรดักชั่น ก็ไล่ดูตั้งแต่ EP.1 เพลินๆ ได้