ถอดรหัส Vincenzo ตอนจบ ‘กยอนอู-จิกนยอ’ คู่รักที่ได้พบพานเพียงปีละหนึ่งครั้ง
นอกจากความดุเดือดเลือดพล่านและคำคมต่างๆ มากมายใน Vincenzo ตอนจบ ซีนที่วินเชนโซ่และฮงชายองพูดคุยถึงนิทานพื้นบ้านของเกาหลีเรื่องหนึ่ง สำหรับ ดูซีรีส์ให้ซีเรียส ซีนนั้นไม่ใช่เพียงแค่การเล่าเรื่องหรือการให้คำมั่นสัญญาของทั้งคู่ แต่เป็นการ ‘บอกรัก’ โดยไม่มีคำว่ารัก ที่เขาสองคนต่างรับรู้ได้จากนิทานพื้นบ้านเรื่องนี้
เพราะหลังจากที่ได้ลองอ่านนิทานพื้นบ้านเรื่อง ‘กยอนอูกับจิกนยอ’ (견우와 직녀) จึงพบว่านิทานดังกล่าวเล่าเรื่องราวความรักระหว่างองค์หญิง ‘จิกนยอ’ ที่อาศัยอยู่บนสวรรค์ ซึ่งเธอได้พบรักกับชาวนาคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘กยอนอู’ ทว่าเรื่องราวความรักของคนทั้งสองไม่ได้ราบรื่นมากนัก เพราะพระราชาไม่ค่อยชอบความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ และพยายามจัดการแยกพวกเขาออกจากกัน โดยพระราชาได้ส่งกยอนอูไปอยู่ทิศตะวันออก ในขณะที่ส่งจิกนยอไปอยู่ทิศตะวันตก จึงทำให้พวกเขาไม่สามารถพบเจอกันได้
การแยกจากกันทำให้ทั้งกยอนอูและจิกนยอต่างโศกเศร้าและร้องไห้ทุกวัน จนพระราชารู้สึกผิดและยอมอนุญาตให้ทั้งสองเจอกันปีละ 1 ครั้ง แต่ด้วยระยะทางที่ห่างไกลระหว่างพวกเขา จึงทำให้เหล่าอีกาและนกกางเขนช่วยกันก่อตัวเป็นสะพานเชื่อมให้คนทั้งสองได้พบกัน กยอนอูและจิกนยอร้องไห้บนสะพานนั้นในวันที่พบกันปีแล้วปีเล่า… โดยที่น้ำตาของพวกเขาหยดลงมาเป็นเม็ดฝนที่ตกลงบนพื้นดิน
“ถ้าอย่างนั้นของพวกเราก็ไม่ใช่อีกา ให้อินซากีและผองเพื่อนสร้างสินะคะ” – ฮงชายอง
“นั่นสิครับ อินซากี อินซากีและผองเพื่อนแรงดีมากเลยนะครับ” – วินเชนโซ่
“ถ้าอย่างนั้นก็จะไม่ใช่สะพานนกกางเขน แต่เป็นสะพานนกพิราบสินะ” – ฮงชายอง
ที่บอกว่าซีนนี้เป็นซีนบอกรักที่ไม่มีคำบอกรักของคนทั้งสองนั้น เพราะเรื่องราวของนิทานพื้นบ้านดังกล่าวทำให้พวกเขาแทบจะไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำว่า ‘รัก’ ออกมาต่อกันแล้ว เพียงแค่คำว่า ‘สะพานนกพิราบ’ และคอนเซปต์ของนิทานที่คนรักทั้งสองจะได้เจอกันเพียงปีละ 1 ครั้ง ก็น่าจะทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สิ่งที่อยู่ในใจของพวกเขาอย่างชัดเจนว่ามันตรงกันหรือไม่
เพราะหลังจากที่ฮงชายองพูดคำว่า ‘สะพานนกพิราบ’ และหัวเราะออกมา วินเชนโซ่ก็ปรับสีหน้าจริงจังขึ้นระดับหนึ่ง และพูดว่า “บอกว่าไม่ได้ล้อเล่นไงครับ ผมจะกลับมาเหมือนกยอนอูครับ” ที่ทำให้ฮงชายองตอบรับและอมยิ้มเดินออกมา เพราะเธอคงเข้าใจชัดเจนดีเช่นกันว่าความรู้สึกของอีกฝ่ายนั้นจริงจังเช่นกัน
และที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น การกลับมาเจอกันอีกครั้งของพวกเขาในงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเกาหลีและอิตาลี ที่วินเชนโซ่เล่าว่าตัวเขาอาศัยอยู่ในมอลตา (ซึ่งจริงๆ เขาก็บอกมาตั้งแต่ EP.1 แล้วว่าเมื่อจบภารกิจจะไปที่นั่น และในโปสการ์ดที่ส่งมาที่สำนักงานฟางข้าวก็บอกชัดเจนมาตลอด)
เมื่อลองเสิร์ชใน Google Maps ว่าระยะทางระหว่างสองคนนี้ห่างไกลกันเหมือนกับเรื่องราวของกยอนอูกับจิกนยอหรือไม่ ซึ่งเมื่อเสิร์ชแล้วก็ได้คำตอบที่ทำให้แอดมินยิ้มแก้มปริกับดีเทลเล็กๆ น้อยๆ นี้ไม่ไหว เพราะเรื่องราวความรักของวินเชนโซ่และฮงชายองนั้นคล้ายกับกยอนอูและจิกนยอจริง แตกต่างกันเพียงว่าระยะทางที่ห่างไกลไม่ใช่อุปสรรคของคนทั้งสอง และองค์หญิงจิกนยอก็ไม่ต้องรอให้กยอนอูมาหาปีละครั้งก็ได้ ในเมื่อเธอสามารถไปหาเขาได้ตลอดเวลา
“ตัวร้ายไม่มีทางเลิกราครับ เพราะพวกเขาหนักแน่นแม้แต่ความรัก” – วินเชนโซ่
หมายเหตุ: นอกจากนี้วินเชนโซ่ยังพูดว่าวันดังกล่าวคือวันที่ 7 กรกฎาคม หรือวันที่ 7 เดือน 7 ที่ถ้าเทียบกับประเทศใกล้เคียงแล้ว ที่ญี่ปุ่นจะเรียกวันนี้ว่าวันทานาบาตะ, ในขณะที่จีนจะเรียกว่าวันชีซี (วันแห่งความรักของจีน) และเกาหลีเรียกว่าวันชิลซอก (칠석) ที่ทั้งสามประเทศต่างมีเรื่องเล่าที่คล้ายคลึงกัน