Hospital Playlist ลงลึกฉากการทำงานของ ‘แผนกฉุกเฉิน’ โรงพยาบาลยุลเจ
ซีรีส์ Hospital Playlist 2 EP.9 นำเสนอฉากการช่วยชีวิตคนไข้อุบัติเหตุรถชนใน ‘แผนกฉุกเฉิน’ ที่ทำให้ ดูซีรีส์ให้ซีเรียส เกิดความสนใจว่าแพทย์แผนกนี้ทำงานอย่างไร
สำหรับบทความนี้ เราต้องขอขอบคุณ ‘หมอมด’ ที่นอกจากจะอินบ็อกซ์มาเล่าประสบการณ์การทำงานแล้ว ยังช่วยตอบข้อสงสัยของเรามากมายจนกลายมาเป็นบทความนี้ ที่จะอธิบายรายละเอียดฉากการช่วยชีวิตคนไข้อุบัติเหตุรถชนใน ‘แผนกฉุกเฉิน’ จากซีรีส์ Hospital Playlist 2 EP.9 และทำให้เข้าใจการทำงานของแพทย์หน้างานที่ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว แม่นยำ และประสานทุกภาคส่วนเพื่อให้คนไข้ได้รับการรักษาทันท่วงที
ดูซีรีส์ให้ซีเรียส จะพาย้อนไปดูฉากสำคัญที่แสดงให้เห็นการทำงานของหมอบง และเจ้าหน้าที่แผนกฉุกเฉินอย่างละเอียด ซึ่งในครึ่งแรกของซีรีส์ที่ตัดส่วนแรกรับแผนกฉุกเฉินมาให้เราเห็นก็คือ
– คนไข้เดินทางมาถึง ความดันต่ำ หมอบงขอเลือดกรุ๊ปโอ 2 ไพน์ การใช้เลือดกรุ๊ปโอเลยโดยไม่สั่งเลือดที่ตรงกรุ๊ปกับคนไข้ก็เพื่อความรวดเร็ว เพราะกรุ๊ปโอสามารถให้ได้สำหรับคนไข้ทุกกรุ๊ป
– จากนั้นใช้เครื่องอัลตราซาวด์ในการตรวจของเหลวแปลกปลอมภายใน หาอาการบาดเจ็บ หมอบงใช้อัลตราซาวด์วางกลางลิ้นปี่ ช้อนหัวอัลตราซาวด์ขึ้น พบเลือดออกที่เยื่อหุ้มหัวใจ ภาวะบีบรัดหัวใจ (Cardiac tamponade) ทำให้ความดันตก เป็นไปได้ว่ามีตำแหน่งที่หัวใจฉีกขาด
– จากนั้นหมอบงนำอัลตราซาวด์มาวางข้างท้อง พบว่ามีสารน้ำสะสมในช่องท้อง (Fluid collection) จากการฉีกขาดในช่องท้อง ทำให้เลือดออก และความดันตก
– หมอบงวางอัลตราซาวด์ที่หน้าอกขวา พบว่าเยื่อหุ้มปอดฉีก (Pneumothorax)
– ซึ่งการตรวจด้วยอัลตราซาวด์จะไม่กระทบกระเทือนอวัยวะภายใน ทั้งยังเป็นการตรวจที่ทำได้รวดเร็ว ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ที่เคลื่อนย้ายลำบาก
– จากนั้นหมอบงขอเครื่องเอกซเรย์หน้าอกเคลื่อนที่ เตรียมสายระบายทรวงอก และเตรียมเจาะเยื่อหุ้มหัวใจ
– สั่งทีมงานให้ตามแผนก CS กับศัลยกรรมที่เข้าเวรวันนั้น ซึ่งคืออิกจุนและจุนวาน เพราะมีแนวโน้มว่าม้ามน่าจะแตก มีก้อนเลือดอยู่ตรงหัวใจ มีเยื่อหุ้มปอดแตก ทั้งยังมีเลือดในถุงหุ้มหัวใจ
ความละเอียดของบทและการกำกับซีรีส์ที่ว่าถูกต้องแล้ว ยังสะท้อนผ่านฉากการผ่าตัดเปิดหน้าอกและช่องท้องที่ผ่าตัดต่อเนื่องกัน ซึ่งจำลองสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องผ่าตัดจริงได้ใกล้เคียง ทั้งเจ้าหน้าที่คอยดูเครื่องหัวใจ ECMO เครื่องปอดเทียม หรือการที่จุนวานขึ้นไปยืนบนเก้าอี้เล็กๆ เพื่อมองอิกจุนที่กำลังผ่าตัด
เรื่องราวในซีรีส์ดำเนินไป และสุดท้ายคนไข้ก็ผ่าตัดรักษาได้อย่างดี เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็เห็นแพทย์สองคนยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้ในไอซียู ทำให้เขารู้ทันทีว่ารอดจากความเป็นความตายมาได้
ภรรยาของแจฮัก ซึ่งบังเอิญรู้จักกับคนไข้ ได้ถามจุนวานว่าขั้นตอนไหนของเคสนี้ที่ยากที่สุด เป็นการผ่าตัดหัวใจหรือช่องท้อง ซึ่งแจฮักเองก็ยังไม่มีคำตอบ แต่จุนวานเอ่ยขึ้นมาว่า “ถ้าการรักษาห้องฉุกเฉินไม่ดีพอตั้งแต่แรก คนไข้อาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ครับ เจ้าหน้าที่จากแผนกฉุกเฉินทำหน้าที่อย่างดีจนคนไข้เข้าห้องผ่าตัดได้ เพราะแบบนั้นเราถึงสามารถผ่าตัดทั้งหัวใจและลำไส้ให้คนไข้ได้อย่างราบรื่น”
เรื่องราวช่วง 20 นาทีสุดท้ายของ Hospital Playlist 2 EP.9 จึงกลับมาเล่าต่อถึงการทำงานของหมอบงและทีมแพทย์ห้องฉุกเฉิน ในการดูแลเคสคนไข้อุบัติเหตุอย่างดี เพื่ออธิบายสิ่งที่จุนวานบอกเอาไว้
– หมอบงกำลังทำการเจาะระบายน้ำเยื่อหุ้มหัวใจ (Pericardiocentesis) โหลดสายตัวนำเข้าไป
– จากนั้นใส่สายระบายที่เยื่อหุ้มปอด (ICD) ซึ่งพีดีชินวอนโฮงานละเอียดมากถึงขนาดหนีบสายก่อนตัดแล้วต่อลงขวด ไม่อย่างนั้นมันจะดึงกลับ ซึ่งตรงตามตำราเป๊ะ
– น่าจะมีการใส่ Central Line เอาไว้ให้ยา หรือมอนิเตอร์บริเวณเหนือหัวใจห้องบนขวา (คุณหมอคนไหนรู้ชัดๆ ให้ความเห็นเพิ่มเติมได้นะ)
ซึ่งในชีวิตจริง เหตุการณ์ในห้องฉุกเฉินจะวุ่นวายกว่านี้ มีทีมช่วยหมอบงเยอะกว่านี้ แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ในแง่ของประสบการณ์ที่ผ่านมาของหมอบง ที่ทำให้เขายืนหนึ่งในการทำหน้าที่หลักได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของความสงสัยว่าทำไมหมอบงถึงไม่เคยมีความรู้สึกน้อยใจหรือบ่นอะไรเลย ทั้งที่อยู่ในหน้าที่ความรับผิดชอบที่สำคัญที่สุด แต่คนไข้และญาติอาจมองไม่เห็น นั่นก็เพราะส่วนใหญ่แล้วหมอฉุกเฉินจะเป็นคนที่ปรับตัวเก่ง ไม่ค่อยเก็บอะไรเล็กน้อยไปคิด จบเวรก็หยุดคิด เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมกลับบ้าน ใช้ชีวิตของตัวเอง
หมอมดยังทำให้เข้าใจได้ว่านอกจาก Hospital Playlist จะเยียวยาแฟนซีรีส์ทั่วไปแล้ว สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นวงในตัวจริงก็ยังได้รับการเยียวยาจากซีรีส์เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ทั้งทำให้ย้อนคิดถึงตอนเป็นแพทย์ประจำบ้านที่ต้องผ่านทั้งทุกข์สุขกับเพื่อนร่วมรุ่น การได้พักผ่อนจากเรื่องหนักหนาที่ต่อสู้กับโควิดอยู่ทุกวันมาเป็นปี และการทำงานซ้ำๆ เป็นเวลานานๆ ในฐานะแพทย์ การได้มองจากมุมคนนอก ในฐานะคนไข้ ญาติคนไข้ หรือแพทย์รุ่นใหม่ในซีรีส์บ้าง ก็ทำให้เปลี่ยนมุมมองความคิดได้ด้วยเหมือนกัน
หมอมดทิ้งท้ายถึงประสบการณ์ปัจจุบันที่ได้พบเจอ เมื่อเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้วแจ้งมาว่าคุณแม่ติดโควิด จะทำอย่างไรดี ซึ่งหมอมดก็ให้คำแนะนำและให้เพื่อนปล่อยวาง เพราะด้วยอาการที่รับรู้ การปล่อยมือคุณแม่น่าจะเป็นการช่วยให้ท่านไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไป สุดท้ายเมื่อคุณแม่เพื่อนเสียชีวิต คุณหมอก็รู้สึกเหมือนคนธรรมดาที่เสียใจ ร้องไห้ได้ เพียงแค่ว่าจากภายนอกอาจจะดูเฉยๆ และก้าวเดินต่อไปอีกครั้ง