hometown-cha-cha-cha-ep-15-16

Hometown Cha-Cha-Cha EP.15-16 รองเท้าและร่องรอยการเดินทางของชีวิต

Hometown Cha-Cha-Cha EP.15-16 ที่กลายเป็นจุดอวสานของเรื่องราวอย่างงดงาม เรียกน้ำตาจนลืมไปแล้วว่านี่คือซีรีส์โรแมนติกคอเมดี้ เพราะด้วยการขยี้ประเด็นความสัมพันธ์ของมนุษย์เสียจนคนดูที่ใจแข็งแค่ไหนก็ต้องเสียน้ำตา ผ่านการเติบโต การพบปัญหาที่ไม่อาจข้ามผ่าน ความเจ็บปวดทุกข์ใจ ความผิดหวังกับตัวเอง การแบกรับความผิดเอาไว้บนบ่า การมองไม่เห็นความห่วงใยของคนอื่น เพราะติดอยู่ในความรู้สึกผิดที่หนักหนาเกินที่จะให้อภัยตัวเองด้วยซ้ำ

ถ้าช่วงต้นของ EP.15-16 เป็นคลื่นลมที่ถาโถมเข้ามา ครึ่งหลังของ EP.16 จึงเป็นเวลาคลื่นลมสงบที่เราได้เห็นฟ้าหลังฝนและรุ้งงามอีกครั้ง เหมือนชีวิตคนเราที่วนเวียนอยู่กับสุขทุกข์ที่พัดผ่านเข้ามาอย่างไม่อาจคาดเดาในแต่ละวัน

hometown-cha-cha-cha-ep-15-16

รองเท้าและร่องรอยที่เดินผ่าน

“ฉันอยากให้รองเท้าของเรา…
วางอยู่ข้างกันที่หน้าประตูบ้านไปตลอดโดยไม่โดดเดี่ยว”

รองเท้า เป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่ซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha เน้นย้ำอยู่หลายครั้งผ่านตัวละครหลักและรองของเรื่อง เริ่มตั้งแต่รองเท้าส้นสูงของฮเยจินที่ลอยน้ำไปและหัวหน้าฮงเก็บเอาไว้ได้ รองเท้าแตะห้องน้ำที่เขาให้ฮเยจินยืมใส่ และการได้รองเท้ากลับมาวางอยู่คู่กันอีกครั้ง

รองเท้าสตั๊ดสีน้ำเงินของหัวหน้าฮงที่กลายเป็นสิ่งของต้องห้าม รองเท้าสวยๆ ของหมอฟันที่ไม่เหมาะกับการเดินบนโขดหินริมทะเล รองเท้าสองคู่ที่ฮเยจินอยากจะเห็นมันวางข้างๆ กันหน้าประตูบ้านทุกๆ วัน รวมไปถึงรองเท้าสีเลือดหมูของคุณกัมรีที่ใช้เป็นข้าวของประดับในงานศพ ปลูกด้วยต้นไม้เล็กๆ ที่เปรียบเหมือนชีวิตคนเราที่ต้องเติบโตและหยั่งรากลึกลงในดิน

สำหรับรองเท้าแล้ว บางคนไม่อยากให้มันสกปรก แต่สำหรับนักเดินทางที่เชี่ยวกรำมาไม่น้อย แม้ว่าเราจะเช็ดถูให้สะอาดอยู่เสมอเพียงใด ก็ย่อมมีร่องรอยเล็กๆ น้อยๆ ให้เห็นว่าผ่านการเดินทางอะไรมาบ้าง และเราคงไม่อาจบอกได้ว่าเดินทางมามากน้อยเท่าใด ถ้ามองไม่เห็นริ้วรอยต่างๆ บนรองเท้าคู่นั้น

และเช่นกัน… ความสัมพันธ์ก็เหมือนรองเท้าที่เราอาจเห็นขณะเดินผ่านไปมา แต่ไม่แน่ว่าในวันหนึ่งก็อาจเป็นรองเท้าคู่ที่เดินเคียงข้างไปข้างหน้ากับเราก็ได้




เราพร้อมยอมรับเรื่องธรรมดาของโลกหรือยัง

ในตอนแรกที่ซีรีส์แถลงข่าวก่อนออกอากาศ Hometown Cha-Cha-Cha จัดอยู่ในหมวดซีรีส์เยียวยาจิตใจ นอกเหนือจากการเป็นซีรีส์โรแมนติกคอเมดี้ มีหลายครั้งที่ผู้กำกับและนักแสดงพูดถึงซีรีส์เรื่องนี้ในแบบที่มันจะช่วยบำบัดจิตใจผู้คนได้ด้วย

ซึ่งเราพบว่าการได้ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ไปกับซีรีส์เรื่องนี้คือการระบายออกทางจิตใจอย่างหนึ่ง เพราะตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมา เราทุกคนต่างจมอยู่กับความเครียด ความทุกข์ ความไม่สบายใจจากเหตุการณ์โควิดที่อาจคร่าชีวิตคนใกล้ตัวที่เรารัก ซึ่งน่าเชื่อเหลือเกินว่าถึงตอนนี้มีผู้คนมากมายที่ยังไม่สามารถก้าวออกจากความเศร้าเมื่อสูญเสียคนที่รัก และยังยอมรับความผิดไว้ที่ตัวเอง กระทั่งจะมีความสุขก็ยังไม่อาจอนุญาตตัวเองได้

“ว่ากันว่าเวลาสูญเสียคนที่รักไป เราต้องเจ็บปวดให้พอประมาณ ไม่อย่างนั้นความเศร้าจะไหลเวียนไปหมดทั้งตัว  และจะระเบิดปะทุออกมาในภายหลัง”

ตัวละครฮงดูชิกเป็นคนหนึ่งที่ยังไม่อาจก้าวออกจากเงามืด เพราะทุกครั้งที่เขาเหมือนจะพอมีแรงก้าวออกไปได้ ก็จะมีความรู้สึกผิดหนักหนาดึงเขากลับไปตรงนั้น

ซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha สะท้อนให้เห็นหลายครั้งว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตาย คือความจริงในชีวิตมนุษย์ที่หลีกหนีไม่พ้น เมื่อเรารู้แล้วว่ามันคือเรื่องธรรมดาโลก การโอบกอดมันไว้ด้วยความยินดีที่จะเติบโต เรียนรู้จังหวะในแต่ละช่วงชีวิตต่างหาก จึงจะเป็นการผ่านวันเวลาต่างๆ ไปได้อย่างที่ไม่ทุกข์ร้อนใจจนเกินไปนัก

ว่ากันว่าน้ำหนักของเป้หลังที่อยู่บนบ่าจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเราเติบโตขึ้น สิ่งที่ง่ายที่สุดคือการปลดเป้นั้นวางเอาไว้ หรือหยิบข้าวของไม่จำเป็นออกไปจากเป้บนหลัง เพื่อที่เราจะเดินไปข้างหน้าได้สะดวกขึ้น ฮงดูชิกที่แบกกระเป๋าเป้ไปไหนมาไหนด้วยตลอด มีข้าวของสารพัดในนั้น ก็คงไม่ต่างอะไรกับชีวิตจริงที่เขาแบกน้ำหนักของความรู้สึกผิดเอาไว้ ไม่ยอมวาง ไม่ยอมให้อภัยตัวเอง




ความตายที่งดงาม

ฉากที่เป็นที่สุดของ EP.16 สายขาวเรายกให้กับฉากการถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง ที่ทำให้อบอุ่นประทับใจไปกับความผูกพันของชาวกงจินและคู่รักข้าวใหม่ปลามันประจำหมู่บ้าน เพราะในวัยหนุ่มสาวคือช่วงที่งดงามที่สุดของชีวิต เวลาทองที่เราอยู่ในร่างกายที่แข็งแรงที่สุด สมองและหัวใจเต็มไปด้วยพลังไฟแห่งความฝัน ได้เรียนรู้ชีวิตมาพอประมาณ ยังไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจ ขณะเดียวกันก็อยากรู้ อยากลอง กล้าที่จะวิ่งตามความฝัน ถ้าเปรียบกับดอกไม้ก็คือจังหวะที่ผลิบานอย่างงดงามที่สุด

ฉากความรักในซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha จึงเต็มไปด้วยความรู้สึกสีชมพู ขณะที่อีกฟากฝั่งคือวัยชราที่ผ่านโลกมามากมาย แม้หัวใจยังหนุ่มสาว แต่ก็ต้องยอมรับว่าข้างนอกอยู่ในร่างกายที่ร่วงโรย เมื่อเดินทางมาถึงวันที่มองเห็นและเข้าใจทุกอย่างได้ง่ายขึ้น ในวัยนี้ก็อาจหมายถึงดอกไม้ที่ผลิบานเต็มที่แล้ว และกำลังรอเวลาร่วงโรย

ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่มีใครจะขัดขืน ที่ผ่านมาเราอาจมองความตายหรือการจากโลกใบนี้ไปด้วยสายตาของความเศร้า ความเจ็บปวด เราจึงมองไม่เห็นความงดงามบางอย่างของการจากลาที่มีอยู่ ซึ่งซีรีส์ได้บอกเล่าสิ่งนั้นผ่านความตายที่งดงามของคุณกัมรี

ฉากที่เรายกให้เป็นที่สุดคือก็คืองานศพที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและการใช้เวลาร่วมกันของคนในหมู่บ้าน การมารวมตัวส่งคุณกัมรีด้วยรอยยิ้มอย่างที่ท่านต้องการ และฉากขบวนแห่ศพที่ตกแต่งเรียบง่ายแต่งดงาม หรือการได้พาคุณกัมรีออกเดินทางครั้งสุดท้าย

ขบวนเดินออกจากบ้านริมทะเลกงจิน ผ่านทุ่งหญ้า เนินเขา ใต้ท้องฟ้าผืนใหญ่ ขบวนคนที่รักใคร่เดินเรียงเป็นแนวยาว จับมือกันเงียบๆ นึกถึงและบอกลาคุณกัมรีในแบบของตัวเอง ก็คือการเดินมาส่งคนสำคัญในชีวิต จดจำช่วงเวลาดีๆ ที่เคยมีร่วมกันเอาไว้ และหวังว่าเมื่อวันใดวันหนึ่งเราจะได้พบกันใหม่

“วันนั้นเราบอกลาคุณยายกัมรีย้อนหลัง แม้จะพบเจอการสูญเสียมาหลายครั้งในชีวิต เขาก็ได้แต่อดกลั้นไว้ ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาได้โศกเศร้าอย่างเต็มที่ นับเป็นครั้งแรกที่เขาร้องไห้อย่างยาวนาน

“ส่วนคนอื่นๆ ก็เสียใจต่อการจากไปของคุณยายในแบบฉบับของตัวเอง และเราต่างก็ได้เข้าใจว่า… ตราบใดที่ความทรงจำอันมีค่ายังคงอยู่ การมีอยู่ของสิ่งนั้นก็จะไม่จางหายไป”

ติดตามเนื้อหาสนุกๆ ของ ‘ดูซีรีส์ให้ซีเรียส’ ได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้
Facebook: TheSeriousSeries.TH
Twitter: TheSeriousSerie
YouTube: The Serious Series
Website: Theseriousseries.com
สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารและสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่ Link นี้