Thirty-Nine EP.11-12 ทำความรู้จัก ‘ความตาย’ เรื่องธรรมดาที่เราต้องผ่านพบในสักวัน
ภาพรวมซีรีส์ Thirty-Nine โดยเฉพาะใน EP.11-12 โดยเนื้อแท้แล้วคือการค่อยๆ เรียนรู้ และทำความรู้จักกับความตาย ผ่านกลุ่มเพื่อนสนิท 3 สาวในวัย 39 ปี มีโจ ชานยอง และจูฮี ที่บังเอิญรู้จักกันในวัย 18 ปี และเป็นเพื่อนสนิทระดับเดียวกับครอบครัวมานับตั้งแต่วันนั้น
ชานยองตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้าย ที่โอกาสรักษาหายมีเพียง 1% เธอจึงตัดสินใจจะเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ร่าเริงที่สุด เพื่อใช้เวลาราว 6 เดือนที่เหลืออย่างมีคุณค่าที่สุด
Thirty-Nine ในอีพี 11 จึงเป็นเหมือนการเตรียมพร้อม ทั้งชานยอง คนรอบตัวเธอ และคนดู ในการพบกับฉากสุดท้าย นั่นคือการจากลา
EP.11 เราได้เห็นคำขอครั้งท้ายๆ ที่ชานยองต้องการทำเพื่อพ่อแม่ ทั้งการปรับปรุงร้านอาหารใหม่ ได้ขับรถเก๋งครั้งแรกของพ่อแม่ การไปช้อปปิ้งกันในแบบที่พวกเขาเคยปฏิเสธมาตลอด เพราะสำหรับพ่อแม่ ความลำบากเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเก็บเงินไว้ให้ลูกสาวดูจะเป็นสิ่งที่ยอมแลกได้สบาย แต่ในทางกลับกัน ลูกสาวก็อยากเห็นพ่อแม่มีชีวตความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อที่ว่าหากเธอจากไปแล้วจะไม่ต้องห่วงกังวลมากนัก
เช่นเดียวกับ จินซอก ที่ยื้อขอให้ชานยองจดทะเบียนสมรสให้ได้ เพื่อให้เขาได้ทำในสิ่งที่ควรทำตลอด 20 ปีที่ผ่านมา แต่การที่ชานยองปฏิเสธ ก็เพราะความรักที่จับต้องได้ระหว่างกันคือสิ่งที่ทดแทนกระดาษที่ผูกพันคนสองคนไว้ด้วยกฏหมาย
ฉากที่ มีโจ ชานยอง จูฮี พร้อมด้วยหนุ่มๆ ไปช่วยกันปรับปรุงร้านอาหารของบ้านชานยอง พวกเขาพูดคุยกัน สนุกสนาน และได้ยืนมองหิมะแรกของปีด้วยกัน ภาพแบบนี้คือความงดงามที่ต่างอยากเก็บเอาไว้ตลอดกาล
จนมาถึง Thirty-Nine EP.12 ก็ถึงเวลาของการบอกลา
ซีรีส์เปิดฉากมาด้วยเรื่องความสัมพันธ์ของ มีโจ ชานยอง และจูฮี การเปิดเผยให้เห็นวันที่พวกเขากลายมาเป็นเพื่อนกันในวัย 18 ปี ก่อนจะตัดกลับมาที่ปัจจุบัน กลางฤดูหนาวที่ชานยองมาถึงระยะสุดท้าย
เหตุการณ์ทั้งทุกข์สุขเกิดขึ้นสลับกันไป เหมึอนชีวิตของเราในทุกวัน มีวันที่ดี และมีวันที่แสนเศร้า ซึ่งซีรีส์ไม่ได้พยายามขยี้ในส่วนของอาการเจ็บป่วยและความทรุดโทรมที่ชานยองต้องเจอ
ฉากที่ชานยองเดินไปในโถงจัดพิธีศพ มันก็ดูเป็นความอยากรู้ว่า ถ้าถึงเวลานั้น เธอจะมองเห็นมันอย่างไร ใครต่างๆ จะมาร้องไห้ให้เธอแบบไหน นั่นจึงนำมาสู่ลิสต์รายชื่อคนที่เธออยากเจอ คนที่เธออยากให้มาร่วมส่งในการเดินทางครั้งนี้
ซีรีส์ตั้งใจที่จะไม่มีฉากวาระสุดท้ายให้เห็น แต่เลือกใช้วิธีเล่าที่ชาญฉลาดกว่านั้น และการแสดงของซนเยจินนั้นทำให้เราร้องไห้ ทั้งๆ ที่ไม่มีคำบอกถึงข่าวการเสียชีวิตด้วยซ้ำ
และการที่ซีรีส์ไม่หยิบเอาฉากงานศพมาใช้ในอีพีนี้ ก็ยิ่งทำให้เป็นตอนจบที่งดงาม ทุกคนใช้ชีวิตกันต่อไป อย่างดีเท่าที่พอจะทำได้
เหมือนอย่างที่มีโจบอกไว้ ชีวิตดำเนินต่อไปเหมือนปกติ แค่แกไม่อยู่แล้ว และฉันคิดถึงแกมาก มากเหลือเกิน
ข้อเตือนใจหลักจากซีรีส์ Thirty-Nine คงจะหนีไม่พ้นการบอกคนดูว่า ชีวิตคนเรามันแสนสั้นและไม่แน่นอน เราไม่รู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่จะมากหรือน้อยแค่ไหน ดังนั้นแล้ว ถ้าอยากทำอะไรให้รีบทำ อย่าให้คำว่า ‘เอาไว้ก่อน’ มาฉุดรั้งเรา เพราะบางคนก็ไม่ได้โชคดีแบบชานยองที่ยังพอมีเวลาได้จัดแจงสิ่งต่างๆ ให้ตัวเองและคนรอบตัว จนเธอรู้สึกว่าชีวิตนี้คุ้มค่าแล้ว
ดูซีรีส์ให้ซีเรียส อยากจะชวนทุกคนมาทบทวนชีวิตของตัวเองไปพร้อมๆ กัน ผ่านเว็บไซต์ Deadline Always Exists ที่จะพาเราท่องไปในโลกหลังความตาย เพื่อพูดคุยและหยุดคิดถึงสิ่งที่ยังค้างคาในใจ หรืออาจเป็นเป้าหมาย ความฝัน และความต้องการในชีวิตของเราที่ยังไม่ได้ลงมือทำเสียที
ซึ่งเรารู้สึกว่าการได้ทบทวนหรือรีวิวชีวิตของตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะด้วยชีวิตที่เร่งรีบ ภาระหน้าที่ และปัจจัยอีกหลายๆ อย่าง ก็ทำให้บางทีเราอาจหลงลืมตัวตนที่แท้จริง จนเกิดคำถามว่า ‘เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร’
สำหรับใครที่เคยกดเข้าไปในเว็บไซต์นี้แล้ว เราอยากให้คุณได้ลองพูดคุยกับตัวเองอีกสักครั้ง คุณอาจจะได้คำตอบที่ต่างกับตัวคุณในอดีต เพราะเราทุกคนต่างเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน และสำหรับใครที่รู้สึกว่ากำลังหลงทาง เราหวังว่าเว็บไซต์นี้จะเป็นตัวช่วยให้คุณได้เห็นจุดมุ่งหมายในชีวิตชัดเจนยิ่งขึ้น