Twenty-Five Twenty-One EP.9-10 แด่วัยยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด ช่วงเวลานี้ที่จะคงอยู่ตลอดไป
Twenty-Five Twenty-One EP.9-10 สื่อความหมายโดยตรงกับช่วงวัยยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด ความสุขความทรงจำที่งดงามและจะคงอยู่ตลอดไป
เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างโกยูริมและนาฮีโดแตกหัก ทั้งคู่โดนสั่งพักการแข่งขัน 3 เดือนเป็นการลงโทษจากทางสมาคม และกลายเป็น 3 เดือนที่ทำให้พวกเขาได้พบกับความทรงจำที่ดี การได้รู้เสียทีว่าเพื่อนในแชทที่คุยกันมาหลายปีเป็นใคร การได้ไปทัศนศึกษาครั้งแรกกับเพื่อน การได้เขินอายกับความรักครั้งแรก และอีกหลายสิ่งที่เป็นของขวัญสำหรับวัยเยาว์
เคยมีผู้ใหญ่คนหนึ่งบอกว่า สำหรับวัยเด็ก วัยรุ่น วัยที่อายุยังน้อย ความสุข ความดีใจของพวกเขาคือสิ่งที่บริสุทธิ์มากๆ และการที่ได้เห็นรอยยิ้มจนตาหยี เสียงหัวเราะและความใจฟูเหล่านั้นคือสิ่งที่ไม่อาจทำได้อีกแล้วเมื่อเราเติบโตขึ้น นั่นล่ะมั้งถึงเป็นสาเหตุที่แม่ของโกยูริมซื้อโทรศัพท์มือถือให้ ส่วนพ่อก็ซื้อเครื่องเล่นซีดี เพียงเพราะเขาอยากเห็นลูกสาวมีความสุขแบบเดียวกับเพื่อนวัยเดียวกัน โดยไม่ต้องมาธุระกับการหาเลี้ยงปากท้องที่ควรเป็นหน้าที่ของผู้ปกครอง
หรือตัวแพคอีจินเองที่ต้องเริ่มทำงานด้วยวุฒิ ม.6 แม้เขาจะต้องเร่งตัวเองให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่การที่เขาได้ใช้เวลากับนาฮีโดและเพื่อนๆ ก็เหมือนเป็นไทม์แมชชีนบางอย่างที่ทำให้ได้อาศัยย้อนกลับไปสนุกกับช่วงวัยรุ่นได้อีกครั้ง ปล่อยวางภาระบนบ่า และมองท้องฟ้าอย่างมีความสุข กล้ามีความรักเหมือนหนุ่มสาวคนอื่นได้บ้าง
เราไม่รู้ว่าคุณเคยเป็นกันไหม ของบางอย่างที่อยากได้อยากมีมากตอนเด็กๆ พอได้เป็นเจ้าของในตอนที่โตแล้ว ความรู้สึกมันไม่เต็มร้อยอย่างนั้น นั่นก็เป็นเพราะเราผ่านพ้นช่วงเวลาแบบนั้นไปแล้ว และยากที่จะเรียกคืนมันกลับมา Twenty-Five, Twenty-One ก็เป็นเหมือนการบอกเล่าประเด็นนี้ผ่านเรื่องราว และอยากให้เราออกตามหาความสุขที่เคยเกิดขึ้นมาเป็นสายรุ้งในชีวิตของคนแต่ละคน
Twenty-Five, Twenty-One หรือความรักจะเป็นเช่นรุ้งกินน้ำ
ฉากหนึ่งในซีรีส์ Twenty-Five, Twenty-One EP.10 ตอนที่พ่อของแพคอีจินโทรศัพท์มาหาเพื่อสอบถามความเป็นอยู่ของลูกชาย แทนที่จะร้องไห้โวยวายกับโชคชะตา ทั้งคู่ยังคงให้กำลังใจกันด้วยการเลือกมองด้านดีของบาดแผลที่เกิดขึ้น
“ถ้าเราพยายามมาตลอดแล้วล้มเหลว กำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และความรักที่มีอยู่มากมายจะเป็นสิ่งที่ช่วยพยุงให้เราเดินหน้าต่อไปได้” คือสิ่งที่พ่อของแพคอีจินพูดถึงลูกชายคนโตของเขา ในขณะที่แพคอีจินเองก็พูดขำๆ ว่าพวกเราโชคดีที่เคยสุขสบายมาตั้งนาน ถ้าเทียบกับความลำบากในตอนนี้ก็ไม่ได้ลำบากอะไรเท่าไหร่เลย
ในเวลาที่ยากลำบากกับการต้องรีบโต รีบเป็นคนหาเงินเพื่อให้ครอบครัวกลับมาอยู่ร่วมกันได้ แพคอีจินที่ไม่เคยระเบิดอะไรออกมาก็ยังคงเลือกเก็บความรู้สึก แล้วมองหาสิ่งดีๆ ที่ซ่อนอยู่ จนสุดท้ายเขาตอบพ่อกลับไปว่า “ขอบคุณที่เลี้ยงให้ผมเป็นคนแบบนี้”
เช่นเดียวกับสายรุ้ง เรามองว่ามันคือความงดงามที่เป็นปรากฏการณ์ที่เห็นได้ไม่บ่อยนัก หรือจะมองว่าเป็นความงามที่ไม่จีรังยั่งยืน อยู่เพียงชั่วคราว แล้วจางหายไปก็ได้
กับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเราก็มีมุมมองที่แตกต่าง แล้วแต่เราจะเลือกมองหา ในวัยรุ่น เราอาจตื่นเต้นกับรุ้ง แต่พอเติบโตไป ได้เห็นบ่อยๆ ก็ไม่ได้ดีใจในแบบนั้น และมองว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ และหายไปได้เช่นกัน
อาจเป็นมิติเดียวกับที่แม่ของคิมมินแชตอบลูกสาวว่าไม่เคยไปทัศนศึกษา อาจเป็นไปได้ว่าลืมการไปทัศนศึกษาครั้งนั้นไปแล้วจริงๆ หรือเลือกตัดบท ไม่อยากเอ่ยถึงความทรงจำที่ไม่อาจคงอยู่ไปตลอดกาล
“ในวันนั้น ทะเลช่างแสนอ่อนโยนและอบอุ่น
ฉันยังรู้สึกราวกับว่าเธอกุมมือฉันไว้อยู่เลย
มีเธอและฉันท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่อง
ฉันมีความฝันอันแสนสุขที่ทำให้ใจแทบแตกสลาย
โอ… บทเพลงในวันนั้นล่องลอยมากับสายลม
โอ… ฉันเคยคิดว่ามันจะอยู่ตลอดกาล เธอกับฉัน ในวันที่ผ่านพ้นไปแล้ว”
เพลง Twenty-Five, Twenty-One
เพลง Twenty-Five, Twenty-One แด่วัยยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด
ซีรีส์ Twenty-Five, Twenty-One เริ่มต้นเรื่องด้วยเพลงชื่อเดียวกันกับซีรีส์ของนักแต่งเพลงคิมยุนอา ที่ได้เขียนเพลงนี้ขึ้นเพื่อมอบให้กับคนรักที่พบกันในวัย 25 และ 21 ซึ่งเป็นยุควิกฤตเศรษฐกิจ IMF และกลายเป็นเพลงแสนเศร้า เพราะก่อนการแต่งงาน อีกฝ่ายประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต
เรื่องย่อของซีรีส์บอกว่าเรื่องราวนับตั้งแต่ปี 1998-2021 เริ่มต้นในปี 1998 แพคอีจินวัย 22 และนาฮีโดในวัย 18 พบกันเป็นครั้งแรก ปีที่ทั้งโลกกำลังช็อกกับวิกฤตเศรษฐกิจจนล้มระเนระนาด และในปีที่คนหนึ่งอายุ 24 และ 20 พวกเขาเชื่อใจและรักในกันและกัน และพวกเขารักกันจนถึงวัย 25 และ 21
การเลือกใช้เพลงนี้มาประกอบซีรีส์ ทั้งยังชื่อเรื่องเดียวกัน ฉากหลังและเรื่องราวตรงกันหลายส่วน ก็อดคิดไม่ได้ว่าความหมายในเนื้อเพลงอาจจะบ่งบอกเรื่องราวตอนท้ายของซีรีส์ไปในทิศทางที่ไม่ใช่แฮปปี้เอนดิ้ง แต่ก็อีกเช่นกัน นาฮีโดในวัย 41 ปีก็ได้บอกไว้แล้วใน EP.10
“แม่ถ่ายรูปไว้หมด เหมือนกับว่ามันจะยังคงอยู่ตลอดไปอย่างนั้นแหละ”
“ตลอดไปมีจริงที่ไหนล่ะ ทุกสิ่งก็แค่ประเดี๋ยวประด๋าว ทั้งหมดก็แค่ผ่านเลยไป แต่ก็ไม่ได้หมายความเป็นเรื่องแย่เสมอไปนะ”
바람에 날려 꽃이 지는 계절엔
아직도 너의 손을 잡은 듯 그런 듯 해.
그때는 아직 꽃이 아름다운 걸
지금처럼 사무치게 알지 못했어.
우 너의 향기가 바람에 실려 오네.
우 영원할 줄 알았던 스물다섯, 스물하나.
ในฤดูที่ดอกไม้ร่วงโรยและปลิวไปตามสายลม
ฉันรู้สึกราวกับว่ายังคงจับมือเธออยู่
ในตอนนั้น ดอกไม้ช่างสวยงาม
แต่ฉันกลับไม่ได้รู้ซึ้งถึงมันเหมือนในตอนนี้เลย
โอ… กลิ่นของเธอล่องลอยมากับสายลม
โอ… วัยยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด ที่ฉันเคยคิดว่ามันจะคงอยู่ตลอดกาล
그 날의 바다는 퍽 다정했었지.
아직도 나의 손에 잡힐 듯 그런 듯 해.
부서지는 햇살 속에 너와 내가 있어
가슴 시리도록 행복한 꿈을 꾸었지.
우 그날의 노래가 바람에 실려 오네.
우 영원할 줄 알았던 지난날의 너와 나.
ในวันนั้น ทะเลช่างแสนอ่อนโยนและอบอุ่น
ฉันยังรู้สึกราวกับว่า เธอกุมมือฉันไว้อยู่เลย
มีเธอและฉันท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่อง
ฉันมีความฝันอันแสนสุข ที่ทำให้ใจแทบแตกสลาย
โอ…บทเพลงในวันนั้นล่องลอยมากับสายลม
โอ…ฉันเคยคิดว่ามันจะอยู่ตลอดกาล เธอกับฉัน ในวันที่ผ่านพ้นไปแล้ว
너의 목소리도 너의 눈동자도
애틋하던 너의 체온마저도
기억해내면 할수록 멀어져 가는데
흩어지는 널 붙잡을 수 없어.
바람에 날려 꽃이 지는 계절엔
아직도 너의 손을 잡은 듯 그런 듯 해.
그때는 아직 네가 아름다운 걸
지금처럼 사무치게 알지 못했어.
우 너의 향기가 바람에 실려 오네.
우 영원할 줄 알았던 스물다섯, 스물하나.
우 그날의 노래가 바람에 실려 오네.
우 영원할 줄 알았던 지난날의 너와 나.
เสียงของเธอ ดวงตาของเธอ
แม้แต่ความอบอุ่นจากตัวเธอ
ยิ่งฉันพยายามจำมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไกลออกไปทุกที
ฉันไม่สามารถไขว่คว้าแม้สักเสี้ยวหนึ่งของเธอได้เลย
ในฤดูที่ดอกไม้ร่วงโรยและปลิวไปตามสายลม
ฉันรู้สึกราวกับว่าฉันยังคงจับมือเธออยู่
ในตอนนั้น ดอกไม้ช่างสวยงาม
แต่ฉันกลับไม่ได้รู้ซึ้งถึงมันเหมือนในตอนนี้เลย
โอ…กลิ่นของเธอล่องลอยมากับสายลม
โอ…วัยยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด ที่ฉันเคยคิดว่ามันจะอยู่ตลอดกาล
โอ…บทเพลงในวันนั้นล่องลอยมากับสายลม
โอ…ฉันเคยคิดว่ามันจะอยู่ตลอดกาล เธอกับฉัน ในวันที่ผ่านพ้นไปแล้ว
우 우 우 우 우 우
우우 우 영원할 줄 알았던 스물다섯, 스물하나.
우 우 우 스물다섯, 스물하나.
โอ…
โอ…วัยยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด ที่ฉันเคยคิดว่ามันจะอยู่ตลอดกาล
โอ…วัยยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด