
ทำไมยิ่งรวย ยิ่งเศร้า และเว้าแหว่ง? วิเคราะห์ตัวละคร The White Lotus ที่เงินล้นเหลือ แต่หาความสุขไม่เจอ
“เงินซื้อความสุขได้ไหม” เป็นคำถามสำคัญที่ซีรีส์ The White Lotus ทุกๆ ซีซันพยายามพาเราไปหาคำตอบ สะท้อนผ่านทริปท่องเที่ยวของเหล่าเศรษฐีอเมริกันที่จ่ายหนักสุดๆ เพื่อการพักผ่อนสุดเอ็กซ์คลูซีฟ หวังว่ามันจะเป็นความสุขที่สุด แต่มันไม่ใช่แบบนั้น เพราะหลายตัวละครที่รวยแล้วรวยอีก แต่กลับยังวิตกกังวล ไม่มั่นคง แหว่งเว้าภายใน ราวกับว่าอะไรขาดหายไปสักอย่าง และแม้ใช้เงินไปแค่ไหน แต่กลับยังคงตามหาความสุขที่แท้จริงของชีวิตไม่เจอ
เป็นไปได้หรือเปล่าที่ซีรีส์ชุดนี้พยายามบอกเราว่า เงินอย่างเดียวอาจมอบความสะดวกสบาย แต่ไม่ได้เติมเต็มความอิ่มเอมในหัวใจ และแม้จะนอนโรงแรมสุดหรู คนคอยบริการราวกับเจ้าชาย-เจ้าหญิง ได้รับประสบการณ์สุดแฟนตาซี ทั้งหมดนั้นก็เทียบไม่ได้กับ ‘ความสุข’ จากข้างในจิตใจ

“ฉันลองบำบัดมาแล้วทุกอย่างๆ ตลอดหลายปีมานี้ ความตายน่าจะเป็นประสบการณ์สุดท้ายแล้วล่ะที่ฉันยังไม่เคยลอง” – Tanya McQuoid
ทันยา เป็นเศรษฐีนีที่ร่ำรวยสุดๆ แต่ก็ยังคงตามหาใคร หรืออะไรบางอย่างเพื่อทำให้เธอรู้สึกรัก รู้สึกสุขสงบทางจิตวิญญาณ และสร้างความกระชุ่มกระชวยให้ชีวิต ถึงแม้ว่าจะมีเงินทองมาตอบสนองไลฟ์สไตล์สุดหรู แต่เธอยังคงโดดเดี่ยวและหลงทาง ไม่รู้ต้องทุ่มเงินอีกเท่าไหร่ เดินทางอีกไกลแค่ไหน เพื่อที่จะซ่อมแซมความรู้สึกแหว่งเว้านั้นให้หาย
The White Lotus 1 เราได้เห็นทันยาหลงรักงานบริการของ เบลินดา ผู้จัดการสปามากๆ และเบลินดาก็กลายเป็นคนคอยซัพพอร์ตจิตใจให้แบบอารี แต่พอเริ่มลงลึกถึงเรื่องเงินทองไปจนถึงการลงทุน ทันยากลับเลือกทิ้งเธอไว้กลางทาง
หรือในซีซัน 2 เธอหลงเสน่ห์เควนติน พลาดคิดว่าเป็นความรักความเสน่หา โดยไม่ทันคิดว่าเขากำลังหลอกใช้เธอเพราะเงินตัวเดียว
ใครได้ดูครบสองซีซันก็จะรู้ว่าทันยามีภูมิหลังชีวิตที่ประกอบสร้างให้เธอเป็นแบบนี้ ทั้งบาดแผลในชีวิต ความร่ำรวยที่กลายเป็นดาบสองคม เพราะเธอไม่สามารถเข้าใจได้ว่าคนที่เข้ามาหานั้น ต้องการเป็นเพื่อนจริงๆ หรือเพียงแค่ผลประโยชน์
ทันยาเป็นตัวละครที่น่าสงสารมากๆ ผู้หญิงที่ต้องการความรัก แต่กลับไม่รู้ว่าความรักที่แท้คือคืออะไร และทำอย่างไรเพื่อจะได้พบเจอ

“เราจ่ายเงินไปมหาศาลเพื่อจะมาพักที่นี่ เราควรจะเป็นคนที่ได้พักห้องสวีท Pineapple” – Shane Patton
จำความป่วนของเชนได้ไหม สามีของคู่ฮันนีมูนที่จองห้องสวีทสับปะรด aka ห้องที่ดีที่สุดของรีสอร์ตเอาไว้ แต่หน้างานเกิดข้อผิดพลาดจนเขาโดนดาวน์เกรดไปพักห้องสวีทอีกห้อง ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่
ต่างกับฝั่งภรรยาที่โอเคกับห้องใหม่ แล้วมูฟออนไปมีความสุขกับวิวดีๆ แดดอุ่นๆ เหลือแต่เชนนั่นล่ะที่เจ้ากี้เจ้าการจะพักห้องสวีทสับปะรดให้ได้ เพราะมันคือห้องที่ดีที่สุดของโรงแรม และเขาระบุมาชัดเจนว่าจองห้องนี้ สุดท้ายไม่ยอมมูฟออน และมองว่าเป็นความผิดของทางโรงแรมที่ต้องเอาห้องนั้นมาให้ได้
เราคนดูก็คิดเหมือนภรรยาเขาว่า “เอาน่า มันก็ไม่ได้ต่างกันมาก ห้องนี้ก็สวยดี” แต่สำหรับเชนแม้จะร่ำรวยมหาศาล เขากลับไม่พอใจอะไรเลย เขาต้องการความเป๊ะกว่านี้ สตาฟโรงแรมควรใส่ใจดูแลเขาให้มากกว่านี้ ห้องสวีทสับปะรดที่ผังห้องดีกว่านี้ ฮันนีมูนของเขาคือความสมบูรณ์แบบ ความผิดพลาดเดียวที่ยอมคือมันออกมาดีกว่าที่คิด
เช่นกัน เชนเกิดและโตมาแบบนี้ ร่ำรวย ทุกอย่างในชีวิตเฟอร์เฟกต์มาตลอด แต่ทำไมในทริปฮันนีมูน เขาจะต้องยอมรับสิ่งที่ด้อยกว่า?
“ฉันแค่คิดว่า คุณไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับใครสักคนเพื่อที่จะรักเขา เข้าใจไหม? บางเรื่องปล่อยไป อย่าพูดถึงมันจะดีกว่า”

“ฉันแค่คิดว่า คุณไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับใครสักคนเพื่อที่จะรักเขา เข้าใจไหม? บางเรื่องปล่อยไป อย่าพูดถึงมันจะดีกว่า” – Daphne Sullivan
ดาฟนี่ ผู้หญิงที่หลอกตัวเองว่ามีความสุข ในซีรีส์ The White Lotus เธอคือผู้หญิงสวย ดูมีความสุข แต่งงานกับ คาเมรอน ผู้ชายเจ้าชู้ เอาแต่ใจ และชอบควบคุมทุกอย่าง จริงอยู่ว่าชีวิตแต่งงานไม่ได้แฮปปี้เอนดิ้งแบบนั้น แต่เดฟนี่ก็เลือกที่จะสุขสบายแบบที่ผู้หญิงฝันถึง
เธอเลือกใช้ชีวิตไปกับการช้อปปิ้ง ดื่มไวน์ และเที่ยวในรีสอร์ตหรู ทำตัวร่าเริงและขี้เล่นเหมือนไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
เธอบอกว่า ไม่ชอบดูข่าว เพราะมันมีแต่เรื่องเครียด แต่ถ้ามองลึกลงไป ดาฟนี่รู้ทุกอย่าง แต่เลือกที่จะมองข้ามมันไป เพื่อปกป้องบับเบิ้ลแห่งความสุขเอาไว้ ความร่ำรวยทำให้เธอหลบหนีปัญหาบางอย่างไปได้ แต่การจะมีใครที่ซื่อสัตย์กับเราจริงๆ มีความสุขกับเราจริงๆ นั่นต่างหากที่เงินไม่อาจซื้อได้
ดาฟนี่เคยพูดถึงสามีเจ้าชู้ไว้ว่า “ฉันก็แค่พยายามสนุกกับชีวิต ไม่คิดมากกับเรื่องที่มันไม่มีประโยชน์” ซึ่งแปลไทยเป็นไทยได้ว่า “ฉันรู้ทุกอย่าง… แต่จะไม่ปล่อยให้มันมาทำลายฉัน” แน่นอนว่าดาฟนี่รู้ว่าสามีกำลังมีกิ๊ก เธอเลือกจะไม่เผชิญหน้า แต่กลับหลอกตัวเอง เพื่อทำให้ชีวิตแต่งงานยังคงอยู่ได้ และเลือกแก้แค้นสามีในแบบของเธอเอง

“คนพวกนี้เขาไม่อยากให้ความเป็นจริงของใครมารบกวน พวกเขาแค่อยากได้ความแฟนตาซีเท่านั้น” – Armond ผู้จัดการรีสอร์ต
อาร์มอนด์ ผู้จัดการรีสอร์ต The White Lotus จากซีซันแรก เขาเป็นคนที่เข้าใจแขกสุดไฮโซแต่ละคน ที่ต่างมองพนักงานโรงแรมเป็นแค่หนึ่งในประสบการณ์การท่องเที่ยว มากกว่าจะมองว่าเป็นมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน เพราะในเมื่อเงินทองซื้อความสะดวกสบาย ความลักชัวรีของการพักผ่อนท่องเที่ยวได้ เงินเหล่านั้นที่ใช้จ่ายไป ก็เหมือนกับการได้อำนาจอยู่เหนือคนอื่น
ขยายความในประเด็นนี้ที่แสนเจ็บแสบก็คือ ขณะที่เราเห็นเหล่าพนักงานต่างต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด อดทนอดกลั้นกับงานบริการ พยายามเอ็นเตอร์เทนแขกที่มาพักแบบทำให้ได้ทุกอย่าง (ภายใต้รอยยิ้ม) เหล่าคนรวยที่ใช้เงินจับจ่ายทุกอย่างก็มองว่านี่คือราคาที่รวมมาแล้ว เพื่อให้มันสมบูรณ์แบบเหมือนลอยละล่องอยู่บนโลกแฟนตาซี
ในซีรีส์ ขณะที่เหล่าเศรษฐีกำลังสนุกสนานกับการท่องเที่ยว เหล่าพนักงานก็ดูเหมือนต้องดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อทำงานให้ลูกค้าพึงพอใจอย่างที่สุด มันจึงกลายเป็นคอนฟลิกต์สุดเจ็บแสบของเรื่องราว
สำหรับอาร์มอนด์เอง บางทีเขาก็เลือกทางไปสู่โลกแฟนตาซีด้วยสารเสพติด ที่แม้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม จะพาเขาหลบหนีโลกแห่งความเป็นจริงไปได้

“เงินคืออิสระ เงินคือความสงบสุขของจิตใจ” – Cameron Sullivan
คาเมรอน พาภรรยา (ดาฟนี่) มาเที่ยวพักผ่อนที่รีสอร์ตพร้อมคู่ของอีธาน เพื่อนเก่าแก่ สำหรับคาเมรอน เขาคือตัวแทนอภิสิทธิ์ชนที่เต็มไปด้วยแรงขับทางอำนาจและความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด เขาเป็นหนุ่มหล่อ เสน่ห์แน่น ร่ำรวย และรู้วิธีควบคุมคนอื่น แต่ภายใต้บุคลิกที่ดูมั่นใจและไร้กังวล เขาคือนักล่าที่ยึดติดกับการเอาชนะทุกคนรอบตัว ถ้ายังจำได้ ภายใต้ท่าทางสบายๆ ชิลๆ คาเมรอนเหมือนจะคอยขิงเพื่อนอยู่เสมอ เพื่อให้รู้ได้ว่าเขาเหนือกว่า
วิเคราะห์ลึกลงไป คาเมรอนเติบโตมาในโลกที่เงินซื้อได้ทุกอย่าง ทุกการกระทำคือการพิสูจน์ว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น ทั้งชีวิตที่ประสบความสำเร็จ เงินทองมากมาย ภรรยาสวยแซ่บ และลูกน่ารักสุดๆ สำหรับคาเมรอน เขาไม่ต้องการมีมากกว่าคนอื่น แต่เขาต้องการให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขามีไม่เท่าที่คนอื่นมี
เขาใช้เงินในการควบคุมคนให้อยู่ในบังคับบัญชา และเงินเหล่านั้นก็ช่วยในการสร้างความสุขลวงตาได้ตราบที่เงินยังทำงานของมันต่อ และถึงแม้ว่าจะประสบความสำเร็จในด้านการเงิน แต่ในแง่ของอารมณ์และความรู้สึก เขายังห่างไกลนัก
โดยเฉพาะกับอีธาน ที่แม้ว่าจะเป็นเพื่อนเก่า แต่การที่เพื่อนเริ่มรวยขึ้น กำลังประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดด นั่นทำให้คาเมรอนมองว่าเพื่อนคนนี้คือคู่แข่ง แม้ว่าตัวอีธานเองไม่เคยคิดแบบนั้นก็ตาม ตั้งแต่ต้นเรื่องเราจะเห็นว่าคาเมรอนพยายามปั่นให้อีธานลงทุนกับเขา และใช้จิตวิทยาเล่นเกมให้รู้สึกว่าตกเป็นรอง ประเด็นที่คาเมรอนพยายามเข้าหาแฟนของอีธานนั่นก็เกี่ยว นี่คือตัวละครที่คิดว่าตัวเองเหนือคนอื่น ไม่เว้นแม้แต่เพื่อน ภรรยา หรือใครก็ตาม
ติดตามเนื้อหาสนุกๆ ของ ‘ดูซีรีส์ให้ซีเรียส’ ได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้
Facebook: TheSeriousSeries.TH
Twitter: TheSeriousSerie
YouTube: The Serious Series
Website: Theseriousseries.com
สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารและสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่ Link นี้