
The White Lotus 3 คุยกับ Belinda และครอบครัว Ratliff ที่กล้าพูดว่าซีซัน 3 จะสร้างตำนานวายป่วงที่สุด
ดูซีรีส์ให้ซีเรียส ได้รับเชิญไปสัมภาษณ์นักแสดงซีรีส์ The White Lotus 3: Thailand เราจึงสวมบทหญิงสาวจากสยามเมืองยิ้มไปร่วมพูดคุยกับ Belinda และครอบครัว Ratliff ที่ยกบ้านมาเยือนเมืองไทย เพื่อร่วมงานเปิดตัวซีรีส์อย่างยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรี MAX แบบเบิ้มๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
และแน่นอนว่าทุกคนยืนยันตรงกันว่า The White Lotus 3: Thailand คือตำนานความวายป่วงที่สุดของซีรีส์ชุดนี้ ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เราถอดเทปแปลเป็นไทยมาให้ได้อ่านกันแล้ว
อ่านเพิ่มเติม ใครเป็นใครใน The White Lotus 3 ได้ ที่นี่
บทสัมภาษณ์ ดูซีรีส์ให้ซีเรียส x The White Lotus 3 Thailand
- Natasha Rothwell รับบท เบลินดา ผู้จัดการสปาสาขาฮาวาย
- Jason Isaacs รับบท ทิโมธี แรทลิฟฟ์ นักธุรกิจผู้ร่ำรวยที่เดินทางมาพักผ่อนกับครอบครัว
- Parker Posey รับบท วิกตอเรีย แรทลิฟฟ์ ภรรยาของทิโมธี แม่ของลูกสามคน
- Patrick Schwarzenegger รับบท แซกซัน แรทลิฟฟ์ ลูกชายคนโตที่ทำงานในบริษัทของพ่อ
- Sarah Catherine Hook รับบท ไพเพอร์ แรทลิฟฟ์ ลูกคนกลางที่กำลังเรียนด้านศาสนาในมหาวิทยาลัย
- Sam Nivola รับบท ล็อกแลน แรทลิฟฟ์ ลูกคนเล็กที่กำลังเรียนไฮสคูล
บรรยากาศการสัมภาษณ์เต็มไปด้วยความสนุกสนาน และเราได้เห็นว่าเบื้องหลังกล้อง พวกเขาสนิทสนมกันมากๆ เพราะอย่างรู้กันว่าพวกเขาใช้เวลามากกว่า 6 เดือนในโรงแรมโฟร์ซีซัน สมุย รวมถึงโลเคชันต่างๆ เพื่อถ่ายทำ The White Lotus 3: Thailand ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่นักแสดงทั่วโลกต่างฝันถึง

ความรู้สึกแรกตอนที่รู้ว่าได้รับเลือกให้แสดงใน The White Lotus 3: Thailand
Patrick: สิ่งแรกที่ผมทำคือร้องไห้ครับ เพราะรู้สึกขอบคุณมากๆ สำหรับโอกาสนี้ ตอนนั้นผมต้องร้องไห้คนเดียว เพราะต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ จนหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ผมกับคู่หมั้นไปทานข้าวกับครอบครัว พ่อแม่กับครอบครัวผมสังเกตว่าผมมีท่าทีแปลกๆ จนพวกเขาคิดว่าเรากำลังปิดข่าวเรื่องตั้งครรภ์ จนผมบอกความจริง พวกเขาก็ร้องไห้เหมือนกัน มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษและน่าจดจำมาก เพราะครอบครัวเราเป็นแฟนตัวยงของซีรีส์ The White Lotus เลยครับ
Jason: ตอนที่ผมได้คุยกับ Mike White (ผู้กำกับ-ผู้เขียนบท The White Lotus) ครั้งแรก ผมบอกเขาว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นรายการโปรดของผมเลย และเขาเป็นนักเขียนที่ยอดเยี่ยมมากๆ งานมีความเป็นมนุษย์ที่ลึกซึ้งและสมจริงมาก ซึ่งตอนนั้นผมโกหก ผมไม่เคยดูเลย… จนตอนที่เขาเสนอบทมาให้ ผมก็รีบดู The White Lotus สองซีซันรวด แล้วก็โล่งใจมากว่าสิ่งที่ผมบอกเขาไปนั้นเป็นความจริง มันเป็นซีรีส์ที่ดีจริงๆ
Sam: ผมสนใจ The White Lotus ตั้งแต่แรกเลยครับ ทุกคนในฮอลลีวูดอยากออดิชันเรื่องนี้กันหมด ตอนที่ผมได้รับบทมาลองอ่านดูก็ยังรู้สึกได้เลยว่าบทมันดีมาก ทุกอย่างเป็นธรรมชาติและลื่นไหล จนเราแทบไม่ต้องพยายามมากเลย
Sarah: สำหรับฉัน ตอนที่ได้อ่านบท ฉันก็ชอบไพเพอร์เลย เธอมีความสนใจในจิตวิญญาณ ซึ่งตรงกับตัวฉันเอง แล้วฉันยังเป็นลูกสาวคนกลางที่มีพี่น้องผู้ชายสองคนเหมือนกันอีก อีกอย่างฉันมาจากแอลาบามา ซึ่งก็เป็นสาวใต้เหมือนกับครอบครัวแรดทลิฟฟ์ มันเหมือนพรหมลิขิตเลยค่ะ

ก่อนจะมาถ่ายทำที่ประเทศไทยนาน 6-7 เดือน พวกคุณเตรียมพร้อมอะไรกันบ้าง เช่น การเตรียมตัวมาอยู่ที่ไทยนานๆ หรือเตรียมตัวสำหรับบทบาทที่ได้รับ
Natasha: ฉันเป็นคนราศีตุลย์ ซึ่งหมายความว่าฉันเป็นคนตัดสินใจยาก ก็เลยเตรียมของมาเมืองไทยเยอะมาก มีกระเป๋ารวมถึงกล่องเป็นสิบๆ ใบเลย เพราะพอนึกถึงซีซันแรกที่เราไปอยู่ที่โฟร์ซีซัน ฮาวาย นาน 4 เดือน ฉันก็เตรียมของไปพอสมควร
ตอนเตรียมของมาเมืองไทย ฉันเตรียมเอาไว้สำหรับทุกสถานการณ์เลย เอาของใช้ส่วนตัวมาเยอะมาก ทั้งชา น้ำมันหอมระเหย และข้าวของมากมายที่ทำให้ที่พักระหว่างถ่ายทำเป็นเหมือนบ้านของฉันค่ะ
Patrick: จริงๆ ตอนถ่ายทำประมาณต้นปีที่แล้ว ผมย้อนไปดูรูปในโทรศัพท์ก็เจอว่าตอนนั้นผมเซฟรูปแฟชั่นของผู้ชายทางตอนใต้ของอเมริกาเอาไว้ เพราะครอบครัวแรทลิฟฟ์มาจากนอร์ทแคโลไรนา ตอนที่ผมได้บทนี้แล้วทีมคอสตูมติดต่อมาถามถึงตัวละคร ผมก็เลยช่วยทำการบ้านด้วยการมองหาทรงผมและการแต่งตัวที่ดูเป็นคนจากนอร์ทแคโลไรนาน่ะครับ
Jason: ผมเตรียมตัวสำหรับบทนี้ด้วยการไปหาข้อมูลเกี่ยวกับการเสพยาที่จะส่งผลกับตัวละคร ผมไม่เคยเสพยา ก็เลยไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ พอลองไปคุยกับพี่ชายที่เป็นจิตแพทย์ก็ปรากฏว่าคำตอบ-v’เขาน่าเบื่อมาก ผมเลยลองถามเขาไปใหม่ว่า ถ้าผมต้องอยู่ในซีรีส์และแสดงให้สนุกล่ะ หลังจากนั้นก็เริ่มได้ไอเดียดีๆ รวมถึงผมยังกูเกิลหาพฤติกรรมที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาเสพติดด้วยครับ

ขอตัวแทนหมู่บ้านในการเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อ เกาะสมุย หรือประเทศไทย
Sarah: ฉันคิดว่าอ่าวพังงาที่เราไปถ่ายทำมันสวยมากๆ มีเรื่องตลกอยู่หน่อย วันหนึ่งตอนที่กำลังถ่ายทำด้วยโดรนรอบๆ อ่างพังงา แล้ว Mike ที่มองมอนิเตอร์อยู่ก็พูดขึ้นมาว่า “ว้าว ฉันอยากไปประเทศไทย” แล้วก็มีคนบอกเขาว่า “ตอนนี้เราอยู่เมืองไทยอยู่นะ” เขาทำหน้าตกใจมาก เพราะภาพในมอนิเตอร์มันสวยสุดๆ ไปเลย
ความประทับใจอีกฉากก็คือตอนที่เราถ่ายทำบนเรือยอชต์ ตอนที่นั่งเรือไปถ่ายทำที่หมู่เกาะน้ำตาไหล (Teardrop Islands หรือเกาะแตน เกาะเล็กๆ ที่อยู่ใกล้เกาะสมุย มีรูปร่างรีๆ คล้ายหยดน้ำตา) มันน่าทึ่งมาก ตอนวันหยุดที่ไม่ได้ถ่ายทำ เราก็ได้ออกไปล่องเรือเที่ยวหลายครั้งเลยค่ะ ถือเป็นโบนัสพิเศษของการทำงานครั้งนี้
Parker: ฉันชอบความสัมพันธ์ของคนไทยกับอาหารมากๆ ที่นั่นมีตลาดทั้งกลางวันและกลางคืนเยอะแยะไปหมด ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากเอาอาหารบุฟเฟต์ที่โฟร์ซีซันส์มาให้ทุกคนลองชิม มันอร่อยมากๆ แล้วฉันจำได้ว่า คุณศิวะ เจ้าหน้าที่โฟร์ซีซัน สมุย ไปซื้อขนมจากตลาดกลางคืนมาให้ลองด้วย มันเป็นข้าวกับน้ำตาลห่อใบมะพร้าว แล้วเอาไปย่าง อร่อยมาก
Patrick: การมาถ่ายทำ The White Lotus ทำให้ผมได้มาประเทศไทยเป็นครั้งแรก ไม่สิ ผมหมายถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งแรกเลย สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจคือความสวยงามของที่นี่ รวมถึงผู้คน นักแสดงท้องถิ่น และทีมงาน ทุกคนเป็นคนดีและมีน้ำใจมาก มันเป็นประเทศที่งดงามจริงๆ
Jason: คุณรู้ไหม ผมคิดว่าความเรียบง่าย ความสุข และระดับความเป็นอยู่ของผู้คนในประเทศไทยเป็นสิ่งที่ทำให้ผมประทับใจ แน่นอนว่าพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ Mike สำรวจในซีรีส์เรื่องนี้ เขาสนใจเรื่องปรัชญาและจิตวิญญาณตะวันออกมานานแล้ว เขาเคยพูดว่าอยากให้ซีซันนี้เกี่ยวกับการบำบัดและจิตวิญญาณ ซึ่งประเทศไทยมีวัฒนธรรมด้านนี้ที่เข้มแข็ง และมีสีสันให้เขาค้นคว้ามากมาย
ผมสนใจเรื่องจิตวิญญาณและพุทธศาสนา บางครั้งผมได้คุยกับพระสงฆ์ และผู้คนที่พยายามรักษาสมดุลระหว่างการดำเนินชีวิตตามหลักพุทธศาสนาในโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความโหดร้าย การรักษาสมดุลนี้เป็นความท้าทายของใครหลายคน
ผมไม่แน่ใจว่าผมได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับจิตวิญญาณบ้าง แต่สิ่งที่ผมสังเกตเห็นคือความอ่อนน้อมถ่อมตนในบุคลิกของคนไทย ความอ่อนโยน การยอมรับ และความใจกว้างในการปฏิบัติต่อผู้อื่น ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้สามารถนิยามว่าเป็น ‘จิตวิญญาณ’ ได้หรือไม่ แต่เป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจเต็มอิ่มผ่านการยกระดับผู้อื่น ซึ่งผมคิดว่าเป็นหนึ่งในหลักคำสอนของพุทธศาสนา —การลดอัตตาของตัวเองในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

เรารู้มาว่านอกจากความประทับใจเรื่องความงดงาม พวกคุณยังประทับใจกับสัตว์แปลกๆ ที่ได้เจอระหว่างถ่ายทำ ทั้งยังต้องยอมรับเป็นเพื่อนด้วย
Sarah: เยอะมากค่ะ มีทั้งกิ้งก่า ที่พวกมันชอบมาอยู่ในสระว่ายน้ำกับพวกเราเลย! แล้วก็มีงูตัวใหญ่มากที่เลื้อยเข้าไปในท่อระบายน้ำ น่ากลัวสุดๆ ที่นี่สัตว์ป่าไม่กลัวมนุษย์เลย แม้แต่นกในกรุงเทพฯ ก็บินมาใกล้ๆ ตอนที่เรากินอาหารเช้ากัน
Belinda: เรียกว่าเป็นสิ่งที่โดดเด่นค่ะ พวกเราได้เผชิญกับธรรมชาติ มีทั้งจิ้งจก งู จักจั่น บางทีพวกเรากำลังถ่ายทำอยู่ดีๆ ก็ต้องสั่งคัต เพราะมีเสียงช้างร้องลั่น หรือมีลิงวิ่งผ่านกล้อง รู้สึกเหมือนเปลี่ยนจากลอสแอนเจลิสที่เป็นป่าคอนกรีตมาอยู่ในป่าจริงๆ
แล้วตัวฉันเป็นคนกลัวงูกับจิ้งจกมาก แต่มีประโยคหนึ่งที่ดอมพูดในตอนแรกของซีซัน เขาพูดว่า “เดี๋ยวพวกมันจะเป็นเพื่อนของคุณ”
Parker: ฉันคิดถึงหลักปรัชญาพุทธที่บอกว่า “ความอยากเป็นรากเหง้าของความทุกข์” ช่วงแรก ๆ ที่ฉันอยู่ที่นี่ ฉันอยากให้พวกมันออกไปให้พ้น ซึ่งกลายเป็นรากเหง้าของความทุกข์ในใจ แต่พออยู่ไปนานๆ ฉันก็เริ่มคุยกับจิ้งจกแบบ “ฟังนะ ฉันต้องเข้าไปใช้ห้องน้ำนะ นายอยู่ข้างนอกก็แล้วกัน” การคุยกับจิ้งจกมันทำให้ฉันเข้าใจว่า “ฉันไม่ได้อยู่ที่แคนซัสอีกแล้ว”
Belinda: มีอีกเรื่องค่ะ ที่ด้านบนเขาของโฟร์ซีซันส์ สมุย มีศาลาต้อนรับที่ตั้งอยู่เหนือป่ามะพร้าว มองลงไปเห็นทะเลและโรงแรม ตอนพระอาทิตย์ตกดิน จิ้งจกตุ๊กแกจะออกมา และพวกมันเหมือนมีชั่วโมงสังสรรค์ของตัวเอง ทีมงานในกองถ่ายบอกว่า “พวกมันน่ารักมากเลย” แต่ฉันกลับแบบ “โอ๊ย!” แล้วก็แบบ “โอ้ พระเจ้า พวกมันทำแบบนี้ทุกคืนเลยเหรอ? น่ารักจัง”
หลังจากนั้นฉันก็ได้รู้ว่าพนักงานที่นั่นตั้งชื่อให้จิ้งจกบางตัวด้วย ตัวหนึ่งชื่อ เควิน เพราะมันมาที่ศาลาทุกคืน และถูกตั้งชื่อตามผู้จัดการของที่พัก อีกตัวชื่อ แจ็คกี้ มันชอบปีนไปเล่นกับกล้องวงจรปิดจนทำให้พวกเราหัวเราะ ฉันแบบ “โอ้ ฉันไม่อยากเจอเควิน ไม่อยากเจอแจ็คกี้อีกแล้วจ้ะ”

มาที่ครอบครัว Ratliff กันบ้าง อยากให้พูดถึงครอบครัวในตำนานประจำ White Lotus 3 สักหน่อย
Sam: พวกเราไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน แล้วได้เจอกันครบทุกคนครั้งแรกประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อนการถ่ายทำ ตัวผมเองต้องปรับตัวกับเจ็ตแล็กหนักมาก เพราะบินจากนิวยอร์กมาประเทศไทย ซึ่งเวลาต่างกัน 12 ชั่วโมง บางคนบินมาจากแอลเอ ซึ่งก็เจ็ตแล็กเหมือนกัน ตอนที่เจ็ตแล็กอยู่ก็เป็นเวลาที่ได้ทำความรู้จักกันก่อนถ่ายทำ ซึ่งมันสำคัญมากนะครับในการสร้างไดนามิกของครอบครัวได้ดีขึ้น
Sarah: ฉันยังจำวันแรกของการถ่ายทำได้เลย ฉากแรกคือฉากข้างสระน้ำ ฉันตื่นเต้นสุดๆ ไมค์บอกให้แสดงออกมาว่ากำลังประหม่า ในใจฉันคือตะโกนแล้วว่า “ฉันประหม่าอยู่แล้วนะ จะให้มากกว่านี้ได้ไง!”
พวกเราใช้เวลากับตัวละครครอบครัวแรทลิฟฟ์นานถึง 6 เดือน Mike ช่วยนำทางพวกเราได้ดีมาก เขาอยู่กับเราตลอด ทำให้พวกเราเป็นครอบครัวแรทลิฟฟ์ ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตาม
Jason: ผมขอพูดในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรา ในฐานะมนุษย์ เราต่างก็เป็นคนที่แตกต่างกัน และในฐานะนักแสดง เราก็เป็นคนละคนกันทั้งในจอและนอกจอ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้พิเศษคือมันเหมือนหม้ออัดแรงดันที่รวมเอาบุคลิกคนที่แตกต่างกันทั้งหมดมาติดอยู่ในโรงแรมด้วยกัน มันกดดัน อึดอัด ทุกอย่างเป็นความลับ ไม่มีใครนอกจากทีมนักแสดงและทีมงาน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดามากที่คุณจะเริ่มสนิทกับคนที่คุณทำงานด้วย
คุณจะสนิทกับคนที่ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น ตรงจุดนั้นพวกเรากลายเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันจริงๆ ผมกับ Parker รวมทั้ง Sarah, Patrick และ Sam เราสนิทกันมาก และยังคงติดต่อกันหลังจากถ่ายทำเสร็จ
ส่วนตัวผมมีลูกสาว แต่การได้พบ Sarah, Patrick และ Sam มันคือความโชคดีสุดๆ ยังจำได้เลยว่าวันแรกที่พวกเราไปถึงเกาะสมุย ผมได้อยู่ในวิลล่าหลังใหญ่มาก มีบัตเลอร์คอยดูแล ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน แต่พวกเขาก็คอยมาหาผม มาอยู่เป็นเพื่อนกัน มานั่งดูทีวี กินข้าว มาเล่นไพ่ มันทำให้ผมตกหลุมรักพวกเขาทั้งสามคนเลยครับ
สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่ผมมีกับพวกเขา คือสองสัปดาห์ก่อนที่ผมได้ดู The White Lotus ที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ตอนที่ได้เห็นพวกเขาแสดงในซีรีส์ ผมรู้สึกภูมิใจแบบที่อาจจะไม่มีเหตุผลหรือเกินจริงไปหน่อยก็ได้ ชีวิตจริงพวกเขามีพ่อแม่ของตัวเองที่รักและสนิทสนมกันดีอยู่แล้ว แต่ผมแค่ชอบดูพวกเขาเปล่งประกาย ผมภูมิใจเหมือนกับว่าผมเป็นพ่อพวกเขาจริงๆ
สุดท้าย ครอบครัว Ratliff อยากฝากอะไรให้คนดูสักหน่อยไหม
Patrick: ผมคิดว่า Mike ยังคงพัฒนาซีรีส์และกลุ่มตัวละคร รวมถึงแขกที่มาเข้าพักที่โรงแรม ครอบครัวแรทลิฟฟ์เองแตกต่างจากทุกครอบครัวที่เคยอยู่ใน The White Lotus ก่อนหน้านี้ และพูดตามตรง เราแตกต่างจากทุกครอบครัวไปเลยด้วยซ้ำ
Jason: ถ้าคุณคิดว่าตัวละครก่อนหน้านี้มีปัญหาหนักแล้ว รอดูครอบครัวแรทลิฟฟ์ก่อนเถอะ
Sarah: เตรียมตัวให้ดี มันจะบ้าคลั่งสุดๆ
ติดตามเนื้อหาสนุกๆ ของ ‘ดูซีรีส์ให้ซีเรียส’ ได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้
Facebook: TheSeriousSeries.TH
Twitter: TheSeriousSerie
YouTube: The Serious Series
Website: Theseriousseries.com
สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารและสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่ Link นี้