The Raincoat Killer สารคดีฆาตกรต่อเนื่อง เมื่อโลกสร้างปีศาจชื่อ ยูยองชอล
The Raincoat Killer คือสารคดีออริจินัลคอนเทนต์ของ Netflix เรื่องล่าสุดที่เราเพิ่งดู และต้องบอกว่าเศร้า หลอน หดหู่ เจ็บปวด แต่อย่างน้อยๆ ก็ทำให้เข้าใจซีรีส์เกาหลีสายฆาตกรรมต่อเนื่องหลายเรื่องที่เกี่ยวข้อง และพื้นฐานจิตใจคนเกาหลีกับคดีสะเทือนขวัญที่โด่งดังคดีนี้
ยูยองชอล เป็นฆาตกรต่อเนื่องในคดีสะเทือนขวัญที่สุดอีกคดีหนึ่งของเกาหลีใต้ในยุคปี 2000 ผู้ก่อเหตุสะเทือนขวัญ 21 ศพ และตำรวจแทบจะตามจับเพื่อปิดคดีไม่ได้ แต่สุดท้ายยูยองชอลก็ถูกจับกุม และเปิดเผยการฆาตกรรมที่สุดแสนสะเทือนใจทั้งหมดด้วยตัวเอง
The Raincoat Killer
Netflix ตั้งชื่อสารคดีเรื่องนี้ตามภาพจำที่ชาวเกาหลีเห็นฆาตกรในเสื้อกันฝนสีเหลือง ระหว่างการนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในสถานที่เกิดเหตุต่างๆ นี่คือคดีฆาตกรรมต่อเนื่องระหว่างปี 2003-2004 ที่ทำให้คนเกาหลีหวาดผวา และรับรู้การมีอยู่ของ ‘ไซโคพาธ’ เป็นครั้งแรก ทั้งยังกลายเป็นแผลในใจให้ผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องจนถึงทุกวันนี้
สารคดีเรื่องนี้เล่าถึง ยูยองชอล ฆาตกรต่อเนื่องที่คร่าชีวิตผู้คนกว่า 20 รายภายในเวลา 1 ปี ผ่านเรื่องราวจากปากของผู้คนที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีครอบคลุมครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัวของเหยื่อ, เจ้าหน้าที่สืบสวน, นักสืบ, เจ้าหน้าที่นิติเวช, ทนายความ, อัยการ ไปจนถึง ควอนอิลยง โปรไฟเลอร์คนแรกของเกาหลีและเป็นผู้ที่เคราะห์พฤติกรรมของฆาตกรในขณะนั้น กำกับโดย ร็อบ ซิกซ์สมิธ ผู้กำกับสารคดีชาวอเมริกัน ที่เคยฝากผลงานไว้กับทีวีซีรีส์และสารคดีอย่าง Stupid Man, Smart Phone (2016), From Russia to Iran: Crossing Wild Frontier (2017) และ Ed Stafford: First Man Out (2019)
ตัวสารคดีแบ่งเป็น 3 ตอนจบ ใช้ระยะเวลาราวตอนละ 50-60 นาที มีวิธีการเล่าเรื่องที่ทำให้คนดูค่อยๆ เดินทางตามเรื่องราวไปได้ ตัดสลับกับการสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง ฟุตเทจจริงในอดีต ภาพข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ การถ่ายทำเพิ่มเติมเพื่อให้เห็นภาพ และการบอกเล่าอีกมุมมองของตัวฆาตกรเอง ซึ่งนับว่าการดูสารคดีเรื่องนี้ทำให้เรามองเห็นความมืดมิดที่ซุกซ่อนปีศาจร้ายในร่างของชายคนหนึ่ง
เหตุการณ์จริงที่นำไปสู่ซีรีส์เรื่องอื่นๆ
สุดท้ายแล้ว ยูยองชอลได้กลายเป็นต้นทางของซีรีส์หลายเรื่องที่เลือกหยิบเอาบางส่วนหรือหลายๆ ส่วนไปใช้ประกอบ
The Chaser ภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนที่สร้างจากเรื่องจริงของฆาตกรต่อเนื่อง ยูยองชอล กำกับโดย นาฮงจิน (The Wailing, The Yellow Sea) โดยเล่าผ่านตัวละคร จุงโฮ อดีตตำรวจที่ผันตัวมาเป็นนายหน้าส่งหญิงบริการ ที่เรื่องราวค่อยๆ นำพาเขาไปพัวพันกับลูกค้าประจำที่น่าสงสัย ซึ่งคาดเดาว่าจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของเด็กในสังกัดหลายๆ คน และนำไปสู่การไล่ล่าและเหตุการณ์ระทึกขวัญที่น่าตกใจ
นอกเหนือจากภาพยนตร์แล้ว ซีรีส์เกาหลีแนวสืบสวนสอบสวนหลายๆ เรื่องก็นำสัญญะบางอย่างจากคดีของยูยองชอลมาใส่เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น Mouse ที่มีการนำตู้ปลามาเป็นส่วนหนึ่งในฉากฆาตกรรม การฆ่ายกครัว และการที่ฆาตกรคิดว่าตัวเองคือพระเจ้า
Beyond Evil ที่มีฉากการซ่อนศพไว้ใต้ดินพร้อมกับกิมจิหมักข้ามปี เพื่อเป็นการกลบกลิ่นที่รุนแรงของศพ, Flower of Evil ที่วางคาแรกเตอร์ฆาตกรในช่วงแรกให้มาพร้อมเสื้อกันฝน, Voice Season 1 ที่ฆาตกรใช้อาวุธทื่ออย่างลูกตุ้มเหล็กในการทำร้ายเหยื่อ
Taxi Driver ที่ในช่วงท้ายของซีรีส์เป็นการเผยปมการเสียชีวิตของพ่อแม่ของประธานจาง ซึ่งเป็นการนำเค้าโครงจากคดีจริงๆ ของยูยองชอลมาเล่าผ่านความทรงจำที่เจ็บปวดในการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และคนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือคนในครอบครัว ซึ่งต้องทนทุกข์กับความเศร้าและความแค้นที่ลืมไม่ลงไปชั่วชีวิต
ปี 1970
ยูยองชอลเกิดในปี 1970 ช่วงนั้นเป็นยุคที่เกาหลีอยู่ใต้ระบบการปกครองเผด็จการ หลังจากสงครามเกาหลีที่สร้างความบอบช้ำอย่างหนัก ความยากจนเป็นปัญหาไปทุกหย่อมหญ้า ไล่ตั้งแต่รัฐบาลไปจนถึงปากท้องประชาชน เป็นช่วงเวลาตั้งต้นของเกาหลีใต้กับการเปลี่ยนแปลงจากเกษตรกรรมไปสู่อุตสาหกรรม ก่อนที่ในปี 1987 เกาหลีใต้จะเกิดการประท้วงทางการเมืองครั้งใหญ่ อันนำไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย
การเกิดขึ้นของเด็กผู้ชายคนหนึ่งในปี 1970 กับครอบครัวที่ยากจน เต็มไปด้วยปัญหาแตกร้าวในครอบครัว จึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นแรกของปีศาจยูยองชอล
พ่อแม่ของเขาแยกทางกันหลังเขาเกิดได้ไม่นาน ย่าเป็นคนเลี้ยงดูยูยองชอลพร้อมๆ กับญาติคนอื่นๆ หลายปีต่อมาเขาย้ายไปอยู่กับพ่อที่มาโป กรุงโซล ด้วยความยากจนทำให้ตัวยูยองชอลโดนเพื่อนที่โรงเรียนล้อ โดนบูลลี่สารพัด แต่ที่โรงเรียนนี่เองที่ทำให้เขาค้นพบความสามารถด้านศิลปะของตัวเอง เขาเล่นกีตาร์ได้ ร้องเพลงเก่ง วาดรูป และอ่านบทกวีในช่วงชีวิตวัยเด็ก ซึ่งความสามารถด้านศิลปะนี้เองที่ส่งให้เขาเข้าเรียนต่อมัธยมปลายทางด้านศิลปะ
รอยแตกแรกเกิดขึ้นระหว่างชั้นเรียนมัธยมปลาย เขาก่อคดีลักทรัพย์จนได้รับโทษในสถานพินิจ และเข้าๆ ออกๆ สถานพินิจมาตลอดช่วง 10 ปีนับจากนั้นด้วยคดีชิงทรัพย์ ลักเล็กขโมยน้อย ก่อนที่รอยแตกจะเริ่มลุกลามเป็นรอยแผลใหญ่ จากคดีเล็กๆ ไปสู่คดีที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนในปี 2000 ภรรยาของเขาขอหย่าจากการที่ยูยองชอลก่อคดีข่มขืนหญิงวัย 15 ปีคนหนึ่ง
ปีศาจร้ายที่เติบโตอยู่ในตัวเขา เริ่มหาวิธีสร้างรายได้ด้วยการปลอมบัตรตำรวจเพื่อขู่รีดเงินจากเหล่าแมงดาและโสเภณี ก่อนที่จะก้าวไปสู่การเป็นอาชญากรและฆาตรกรเลือดเย็นที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 20 ราย
The Raincoat Killer เล่าถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เกี่ยวข้องช่วงปี 2003-2004 ระหว่างเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้นจนจับกุมตัวยูยองชอลได้สำเร็จ และแม้จะมีคดีร้ายแรงติดตัว พยาน หลักฐานชัดเจน แต่ยูยองชอลที่ได้รับคำตัดสินประหารชีวิตก็ยังคงมีลมหายใจอยู่ในคุก เป็นความเคียดแค้นของสังคมที่แม้จะโกรธเกลียดเขามากเพียงใด แต่ประเทศเกาหลีใต้ได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตในทางปฏิบัติ แม้ว่ายังคงโทษสูงสุดนี้เอาไว้
สังคมจะดีขึ้นได้อย่างไร
ยูยองชอลตั้งเป้าหมายจะเป็นฆาตรกรต่อเนื่องที่สร้างผลงาน 100 คน และอยากเห็นชื่อตัวเองเป็นที่หนึ่งในรายชื่อฆาตกรคนสำคัญของโลก
มองในมุมหนึ่ง เขาอาจเป็นฆาตกรเลือดเย็นที่สุด ขณะเดียวกันอาจมองเป็นสิ่งชำรุดที่สังคมอันบิดเบี้ยวสร้างขึ้น จากการที่เขาเติบโตและถูกหล่อหลอมด้วยสิ่งแวดล้อมแปดเปื้อนต่างๆ รวมถึงอะไรบางอย่างที่สร้างความเชื่อว่าเขาคือพระเจ้าที่พร้อมพิพากษาความผิดมนุษย์โลก
การฆาตกรรมคนร่ำรวย ผู้หญิงขายบริการ และคนที่เข้ามาล่วงรู้ความลับของเขา ทั้งการสารภาพความผิดทั้งหมด เพราะอยากให้โลกได้รับรู้เรื่องราวของเขา การเป็นราชาแห่งการฆ่าที่เขาทำเพื่อให้คนชั่วๆ หมดไปจากโลกนี้
The Raincoat Killer และยูยองชอล ทำให้เรานึกถึงสารคดี Don’t F**k with Cats: Hunting an Internet Killer สารคดีการตามล่าฆาตกรฆ่าแมวของ Netflix ในปี 2019 ความหยิ่งผยองของฆาตกรที่สร้างคดีสะเทือนขวัญเพื่อให้โลกได้รู้จัก สายตาของผู้ชนะที่มองว่าสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมดคือการเล่นเกม ความฉลาดที่ตำรวจตามจับไม่ได้ และมันคือความถูกต้องเขาเองเป็นผู้ตัดสิน
ตัวอย่างสารคดี The Raincoat Killer
อ้างอิง: murderpedia.org, www.absolutecrime.com, www.amnesty.or.th