Hometown Cha-Cha-Cha EP.13-14 Key Messages ของความสัมพันธ์คืออะไร
Hometown Cha-Cha-Cha EP.13-14 กลายเป็นจุดพลิกผันสำคัญของเรื่องที่ทำให้เราเข้าใจอาการหัวใจสลายของหัวหน้าฮง รวมถึงตัวละครรอบข้างที่คอยเป็นกำลังใจให้เขาอย่างคุณกัมรี พี่ฮวาจอง และหมอฟันฮเยจิน
นอกจากประเด็นบาดแผลขนาดใหญ่ในใจที่เจ็บช้ำของหัวหน้าฮง อีพีนี้ยังอึนๆ หน่วงๆ ด้วยพื้นฐานนิสัยใจร้อนของฮเยจิน ความปากหนัก ความเข้าใจผิดของคู่ผู้ใหญ่บ้านจางยองกุก และกระทั่งโจนัมซุก เจ้าของฉายา Dispatch แห่งกงจินที่มีแววว่าจะร้ายในตอนแรกของเรื่องก็ยังเป็นคนที่มองเห็นรอยร้าวความสัมพันธ์ได้ชัดเจน ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะเธอมองปัญหาด้วยสายตาของคนนอก และหาทางแก้ไขมามอบให้คนข้างในวงเชือกนั้น
ความชัดเจน ซื่อตรง และกล้าหา
“เธอชัดเจน ซื่อตรง และกล้าหาญ” หัวหน้าฮงพูดถึงฮเยจินอย่างนั้น ในมุมหนึ่ง เขาอยากจะกล้าหาญให้ได้มากสักครึ่งของเธอ แต่เพราะประสบการณ์ในชีวิตที่ต่างคนต่างมีไม่เท่ากัน ดังนั้นการที่หัวหน้าฮงจะเลือกหนีปัญหาและเดินทางกลับบ้านเกิดที่กงจินก็ไม่ใช่เรื่องของคนขี้ขลาด แต่เพราะมันเป็นทางเดียวที่เขาจะยังพอมีลมหายใจอยู่ต่อไปได้
ความน่าสนใจของซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha คือการบอกกับคนดูว่าเราไม่ควรตัดสินใครจากสิ่งที่ได้เห็นเพียงด้านเดียว เพราะเขาอาจมีมุมมืดหม่น ที่บางครั้งมันมืดมิดและต้องการการรักษาเยียวยาใจ… จริงอยู่ที่ฮเยจินอาจจะเร่งรัดให้เขาเล่าความในใจ เพราะไม่คิดว่าปมปัญหาที่เก็บไว้จะหนักหนา แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเล็ก ขึ้นชื่อว่าปัญหาทางใจแล้วย่อมหนักอึ้งสำหรับคนที่แบกมันเอาไว้ไม่ต่างกัน
การที่ใครสักคนจะชัดเจน ซื่อตรง และกล้าหาญได้ เขาต้องผ่านการต่อสู้เพื่อให้ได้มันมา คนแต่ละคนมีสามสิ่งนี้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสารตั้งต้น ตัวตนที่ประสบการณ์ขัดเกลา หรือกระทั่งริ้วรอยในชีวิตที่ตื้นลึกไม่เหมือนกัน ถ้าในช่วงแรก บทซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha เปรียบเทียบฮเยจินเป็นเม่นที่มีหนามแหลมคมไว้ป้องกันตัวเอง ถึงช่วงท้ายอีพี 13 ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าสำหรับหัวหน้าฮง เขาก็ไม่ต่างจากเม่นที่วิ่งวนอยู่ในวงล้อนั้น และพองหนามแหลมคมเอาไว้ป้องกันภายในที่บอบบาง
เปิดใจและพูดมันออกมา
“กว่าจะรู้ ใช้เวลาตั้ง 15 ปีเนี่ยนะ” ผู้นำชุมชนที่เคยผ่านชีวิตหนักหนามาตั้งแต่วัยรุ่น เธอไม่ต่างจากผู้หญิงทุกคนที่ทุ่มเททำงานหนักเพื่อครอบครัวมาโดยตลอด ทั้งที่ได้รับการมองเห็นและไม่เคยมีใครมองเห็น ถ่ายทอดผ่านการที่ร้านปลาดิบไม่เคยหยุด แม้ว่าจะเป็นวันที่เซ็นใบหย่าหรือวันที่ไร้ซึ่งผู้คน แต่เธอก็ยังยืนยันจะเปิดร้านเต็มเวลาเพื่อหารายได้เพิ่มเพียงเล็กน้อย
Hometown Cha-Cha-Cha สะท้อนปัญหาคลาสสิกของความสัมพันธ์ คือเรื่องของการ ‘ไม่พูดมันออกมา’ เนื่องจากยิ่งเติบโต เรายิ่งคัดเลือกเรื่องที่จะสื่อสารออกมาละเอียดขึ้น จากที่ตอนเป็นเด็ก เคยหิวก็บอกว่าหิว ง่วงก็นอนหลับ เจ็บปวดก็ร้องไห้ แต่ยิ่งโต เรายิ่งมีหน้าที่และบทบาทมากมายสวมทับ เราเรียนรู้ว่าต้องเก็บความรู้สึกไว้ข้างใน เราจึงอาจโตมาเป็นคนที่เหนื่อยเท่าไหร่ก็ยังทำงานเกินเวลา เกลียดเท่าไหร่แต่ก็ยังต้องปั้นหน้าสู้กับสิ่งนั้น และในบางทีต่อให้ ‘รัก’ แค่ไหน เราก็ไม่อาจเอ่ยออกไปได้
ฉากที่ผู้ใหญ่บ้านมองเห็นความเจ็บปวดของอดีตภรรยาหลังหย่าร้างมากว่า 3 ปี การได้ร้องไห้ โอบกอด และลูบหลังให้กันอีกครั้ง จึงทำให้เห็นว่าปัญหาของความสัมพันธ์อาจเกิดจากการไม่เปิดใจและพูดมันออกมา ซึ่งมันจะยังคงเป็นปัญหาคลาสสิกตลอดไป เพราะในความสัมพันธ์แล้ว เมื่อเกิดปัญหาและไม่พูดจากัน การตีความว่าเขาคงคิดแบบนั้น เธอคงเป็นเสียอย่างนี้ ทำให้หลายครั้งที่ชีวิตของคู่รักมากมายต้องแยกทางเดินจากกันเพราะไม่เคยเปิดใจให้อีกคนก้าวเข้าไป
ในชีวิตจริง คู่ของผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชนอาจจะไม่ได้เดินทางมาบรรจบกัน แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็รู้ว่าชีวิตจะยังมีหนทางของมันต่อไป และแม้ผิดพลาด เราก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้ในแบบที่ชีวิตจะพัดพาเราไปเอง
ยอมรับตัวตน
ความชอบกับความรักไม่เหมือนกัน และการที่จะ ‘สารภาพรัก’ กับใครสักคนหนึ่งได้ก็คือการที่เราก้าวผ่านพรมแดนจาก ‘ชอบ’ ไปสู่ ‘รัก’ เพราะในตอนที่ชอบกันเบื้องต้นอาจเกิดจากภาพลักษณ์ภายนอกและความถูกใจบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ อาจจะชอบน้ำเสียง มือ รอยยิ้ม ชอบที่เขาเอาใจใส่ รวมถึงสิ่งอื่นๆ อีกสารพัด แต่ความมั่นใจในการบอกออกไปว่า ‘รัก’ ต้องการอะไรมากกว่านั้น
ว่ากันว่าคนเราจะเข้าใจคำว่า ‘รัก’ ได้ก็ต่อเมื่อผ่านพ้นทุกข์สุขมาด้วยกัน เคยหัวเราะ ร้องไห้ เคยได้มองเห็นมุมที่กล้าหาญที่สุด อ่อนแอที่สุดของกันและกัน ได้รู้จักด้านที่ดำมืดที่สุด นิสัยที่แย่ที่สุด ประสบการณ์-การตัดสินใจในชีวิตที่เลวร้ายที่สุด แต่ก็ยังยอมรับในตัวเขาได้ และพร้อมที่จะเดินก้าวเคียงข้างไป
สำหรับ Hometown Cha-Cha-Cha ปมปัญหาของฮงดูชิกในตอนนี้ยังไม่คลี่คลาย และมันเป็นความลึกซึ้งที่ทุกความสัมพันธ์ต้องพบเจอ เหมือนเป็นคำถามที่ย้อนกลับมาถามคนดูว่า คุณจะยังรับตัวตนของเขาได้ไหม ถ้าเขาเปิดให้เห็นแล้วว่าเคยผ่านความผิดพลาดอย่างที่สุด เคยมีบาดแผลที่ยังต้องใช้เวลารักษาอีกนาน หรือคุณเองจะต้องอยู่ร่วมกับปัญหานั้นไปด้วยอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้
สำหรับฮเยจินและหัวหน้าฮง อย่างน้อยๆ ถ้ายอมรับตัวตนซึ่งกันและกันจนผ่านพ้นมรสุมชีวิตในช่วงนี้ไปได้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะหนักแน่นขึ้น และกลายเป็น ‘ต้นไม้’ ที่ลงหลักปักฐาน มีชีวิตรอด อวดดอกใบสวยงามเบ่งบานในทุกฤดู
ให้อภัยและให้โอกาส
Hometown Cha-Cha-Cha ช่วยเยียวยาจิตใจผ่านตัวละครจนส่งต่อมาถึงคนดู ประเด็นสำคัญหนึ่งคือเรื่องของการ ‘ให้อภัยและให้โอกาส’
การให้อภัยเป็นเรื่องที่พูดง่าย แต่ทำยากที่สุด โดยเฉพาะกับเรื่องของตัวเราเอง ที่หลายครั้งยังเจ็บแค้น เจ็บปวดจนมองไม่เห็นวิธีที่จะ ‘ยอม’ ให้อภัยเขาได้ แต่อย่างน้อยๆ ซีรีส์เรื่องนี้ก็บอกเล่าให้เห็นว่าเราควรให้อภัยกันและกัน อย่างเช่น โจนัมซุก เจ้าของร้านจาจังมยอนที่คนในหมู่บ้านกงจินไม่เคยโกรธการเมาท์มอยของเธอ ไปจนถึงประเด็นละเอียดอ่อนของจีดีพีที่ยอมถอยเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่อยู่ในใจของฮเยจิน ทั้งยังคงเป็นเพื่อนกับหัวหน้าฮงได้ต่อไป
การให้อภัยอาจจะเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ เพื่อที่วันหนึ่งจะพัฒนาไปสู่การให้อภัยที่ใหญ่และสำคัญขึ้น อย่างที่เราได้เห็นว่า เพราะรู้จักให้อภัยและให้โอกาส ในหลายๆ ความสัมพันธ์จึงยังคงอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข
และเหนือสิ่งอื่นใด ในซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha คนที่ต้อง ‘ให้อภัยและให้โอกาส’ ให้ได้เป็นคนแรกก็คือตัวหัวหน้าฮงเอง เพราะการที่ยังไม่ยอมให้อภัยตัวเอง เขาจึงยังคงรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขไม่ได้ และยังตั้งคำถามกับคุณกัมรีว่า “ผมมีความสุขได้จริงเหรอ”
เพราะสุดท้ายแล้ว แม้คนทั้งโลกให้อภัยและให้โอกาสเขาเริ่มต้นใหม่ แต่ถ้ายังติดกับดักอยู่ในวังวนนั้น ก็ยากเหลือเกินที่จะมองเห็นความสวยงามของโลกใบนี้ที่รอเขาอยู่