Start-Up โอกาสที่ ‘ฮันจีพยอง’ จะสมหวัง วิเคราะห์จากงานเขียนบทของ ‘พัคฮเยรยอน’
ฮันจีพยอง ในซีรีส์ Start-Up ผู้ชายที่เติบโตขึ้นมาด้วยตัวเองและยังประสบความสำเร็จในด้านการงาน ปัจจุบันเป็นนักลงทุนอัจฉริยะที่สถิติการเลือกลงทุนพลาดเป็นศูนย์ ถ้าเขาเลือกที่จะทำงานร่วมกับใครแล้ว แปลว่าบริษัทนั้นอภิมหารวยแน่นอน แต่ยังมีจุดที่น่าสงสัยว่าผู้ชายที่ดูเพอร์เฟ็กต์ทั้งรูปร่างหน้าตาและหน้าที่การงานขนาดนี้ ทำไมตัวซีรีส์ยังไม่เคยพูดถึงเรื่องผู้หญิงของเขาเลยจนกระทั่งเรื่องราวดำเนินมาเกือบครึ่งแล้ว หรือจริงๆ แล้วผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในหัวใจคือซอดัลมี เด็กสาวที่เขาเคยเขียนจดหมายหาเมื่อ 15 ปีที่แล้ว
หลังจากที่ Start-Up ออกอากาศมาแล้ว 6 อีพี กระแสก็ยังดีแบบไม่มีตก เพราะตัวเนื้อเรื่องนั้นพูดถึงวงการสตาร์ทอัพได้ลึกและสนุกสนานครบรส ตัวละครทุกตัวได้รับการเกลี่ยบทบาทอย่างกลมกล่อม ไม่ขาดไม่เกิน และสิ่งที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุดตอนนี้หนีไม่พ้นกระแสเชียร์พระรองที่พลุ่งพล่านสุดขีด ถึงขนาดที่ว่าตัวนักแสดงอย่างคิมซอนโฮเองก็มียอดฟอลโลเวอร์ในอินสตาแกรมทะลุ 1 ล้านคนไปอย่างรวดเร็ว
นอกเหนือจากเรื่องหน้าตาและบทบาทผู้ชายเพอร์เฟกต์แฝงความอบอุ่นสไตล์คุณพ่อขายาวที่ส่งเสริมให้คนดูชื่นชอบได้ไม่ยากแล้ว เราคิดว่านักเขียนบท ‘พัคฮเยรยอน’ และผู้กำกับ ‘โอชุงฮวาน’ ก็มีความตั้งใจให้ตัวละครนี้มีความโดดเด่นเทียบเท่าอีกสองตัวละครหลักเลยก็ว่าได้
ทำความรู้จัก ‘พัคฮเยรยอน’ กันก่อน
พัคฮเยรยอน นักเขียนที่มีผลงานมาแล้วมากกว่า 10 เรื่อง ยกตัวอย่างเรื่องที่หลายคนน่าจะรู้จัก เช่น While You Were Sleeping, Pinocchio, I Can Hear Your Voice, Dream High โดยเฉพาะสองเรื่องหลังที่ใครเคยดูก็จะรู้ว่านักเขียนคนนี้สามารถพลิกบทให้คนที่เราคิดว่าเป็นพระรองกลายมาเป็นคนที่ได้ลงเอยกับนางเอกของเรื่องในท้ายที่สุด!
ยกตัวอย่างเรื่อง Dream High ที่คนดูต่างลุ้นไปกับการสู้เพื่อฝันของ ฮเยมี (รับบทโดย ซูจี) และจินกุก (รับบทโดย แทคยอน 2PM) แต่สุดท้ายกลายเป็นหนุ่มบ้านนา ซองซัมดง (รับบทโดย คิมซูฮยอน) ที่ได้หัวใจนางเอกไปครอบครอง
ส่วนผู้กำกับโอชุงฮวานนั้นเคยร่วมงานกับนักเขียนพัคฮเยรยอนมาแล้วในซีรีส์ While You Were Sleeping และการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในซีรีส์ Start-Up ก็เป็นสิ่งที่ผู้ชมต่างตั้งตารอคอย โดยนอกจากนักแสดงหลักอย่างซอดัลมีและนัมโดซานแล้ว คนที่จะมารับบทฮันจีพยองนั้นได้ผ่านการคัดสรรอย่างมีนัยสำคัญ นั่นแปลว่าตัวละครนี้มีความสำคัญอย่างมากไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ผู้กำกับได้เคยเปิดเผยในงานแถลงข่าวซีรีส์ Start-Up ว่าเขาสนใจในตัวคิมซอนโฮมาก ถึงขนาดแอบตามไปเจอตัวจริงในกองถ่ายรายการวาไรตี้ 2 Days 1 Night ที่คิมซอนโฮเป็นหนึ่งในสมาชิกหลัก “ผมคิดว่าแฟนวาไรตี้ของเขาจะชอบซีรีส์เรื่องนี้นะครับ ผมไปพบกับโปรดิวเซอร์รายการนี้มาด้วยเพื่อที่จะทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น ซึ่งผมก็พบว่าเขาเป็นคนที่น่าสนใจและน่ารักมาก”
วิเคราะห์องค์ประกอบแวดล้อม
นอกจากปัจจัยเบื้องหลังที่เล่าไปแล้ว เรามาดูเหตุผลแวดล้อมในซีรีส์กันบ้างว่าเท่าที่เราได้ดูกันมา 6 อีพี มีแนวโน้มอะไรบ้างที่บ่งบอกว่าฮันจีพยองมีโอกาสจะอัปเกรดจากบทพระรองขึ้นมาเป็นพระเอกได้บ้าง
***โพสต์นี้เป็นความเห็นส่วนตัวของดูซีรีส์ให้ซีเรียสเท่านั้น ไม่ได้เป็นการเปิดเผยเนื้อหาจริงๆ ของซีรีส์ (แต่อาจมีการสปอยล์ซีรีส์เรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องอยู่บ้าง)
1. ฮันจีพยอง ตัวละครที่เป็นคนเปิดเรื่องและได้รับแอร์ไทม์ไปเกินครึ่งในอีพีที่ 1-2
เท่าที่ดูซีรีส์มาแล้วหลายเรื่อง ทำให้พอจะมองเห็นว่าตัวละครแรกที่ได้แอร์ไทม์ในซีรีส์ส่วนใหญ่จะเป็นตัวละครสำคัญของเรื่อง เรื่องนี้ก็เช่นกันที่เปิดเรื่องมาด้วยฉากที่ฮันจีพยองกำลังออกกำลังกายอยู่ในอพาร์ตเมนต์สุดหรูริมแม่น้ำฮันของเขา พร้อมบทสนทนากับอุปกรณ์ AI Assistant ที่ทำให้รู้ว่าเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงในแวดวงสตาร์ทอัพ ก่อนจะเล่าย้อนไปถึงชีวิตวัยเด็กที่ต้องผ่านความทุกข์ยากมามากมายกว่าที่จะได้มายืนอยู่ในจุดนี้
ถ้าจะให้ยกตัวอย่างซีรีส์ที่ต้องให้คนดูคาดเดาว่านักแสดงหลักจะได้ลงเอยกับใคร แล้วบทสรุปตรงกับการคาดเดาในประเด็นนี้ก็อย่างเช่น Itaewon Class ที่หลายคนสงสัยว่านางเอกของเรื่องจะเป็นใครกันแน่ สุดท้ายก็เป็นน้องหมวยโชอีซอ ซึ่งเป็นตัวละครแรกที่คนดูได้เห็นในซีรีส์ หรือถ้าย้อนไปเก่ากว่านั้นอย่าง Reply 1994 ซีรีส์ที่ทำให้เราต้องลุ้นว่าใครกันที่จะได้เป็นสามีในอนาคตของนางเอก ซึ่งก็เป็นผู้ชายคนแรกที่ได้แอร์ไทม์ของเรื่องไปนั่นเอง
2. แบ็กกราวด์ตัวละครที่ถูกเขียนบทไว้อย่างละเอียด
อีกสิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้ นั่นก็คือการที่นักเขียนบทละครได้เล่าแบ็กกราวด์ของฮันจีพยองอย่างละเอียดไม่แพ้กับนางเอกของเรื่อง เริ่มตั้งแต่ชีวิตที่ต้องดิ้นรนในวัยเด็ก ต้องหาเลี้ยงตัวเองเพราะกำพร้าพ่อแม่ การได้มาเจอและผูกพันกับคุณย่า พรสวรรค์ด้านการลงทุนที่มีมาตั้งแต่เด็ก นิสัยส่วนตัวที่เป็นคนปากร้าย ไม่ค่อยเชื่อใจใครง่ายๆ ฯลฯ ในขณะที่เรากลับไม่ได้รู้พื้นเพของนัมโดซานมากนัก นอกจากการเป็นอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์ตั้งแต่วัยเด็ก จบคณะวิศวกรรม และกำลังเริ่มต้นธุรกิจสตาร์ทอัพ
3. เป็นตัวละครสำคัญที่มีความเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วนในเรื่อง
จะบอกว่าเรื่องทุกอย่างล้วนเกี่ยวพันกับฮันจีพยองก็คงไม่ผิดนัก เริ่มตั้งแต่การเป็นเจ้าของจดหมายตัวจริงที่เขียนถึงซอดัลมี รักแรกและรักเดียวของซอดัลมี นักลงทุนที่สามารถพลิกชะตาชีวิตของนัมโดซานได้ แถมยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของ Sandbox ที่มีส่วนในการเลือกผู้ชนะในการแข่งขันเพื่อสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพอีกต่างหาก แสดงให้เห็นว่าฮันจีพยองนั้นเป็นส่วนสำคัญของเรื่องไม่แพ้ตัวละครอื่นๆ เลยทีเดียว
4. บทบาทพระเอกที่เคยได้รับการพิสูจน์ความสามารถมาแล้วในผลงานเรื่องที่ผ่านมา
แม้หลายคนจะเพิ่งมารู้จักคิมซอนโฮในเรื่องนี้ แต่จริงๆ แล้วนักแสดงหนุ่มคนนี้ผ่านผลงานในบทบาทของพระเอกมาแล้วหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น You Drive Me Crazy! (2018), Welcome to Waikiki 2 (2019) และ Catch The Ghost (2019) ซึ่งเราอยากแนะนำให้ไปดูกัน (อ่านได้ที่นี่) ซึ่งนี่อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่พอคาดคะเนได้ว่าถ้าเนื้อเรื่องจะวางให้สถานะพระรองพลิกกลับขึ้นมาเป็นพระเอกในตอนท้าย มันก็น่าจะมีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน
ตลอด 6 อีพีผ่านมา เราอาจจะยังฟันธงไม่ได้ว่าใครกันแน่คือพระเอกตัวจริง ซึ่งแม่ยกทางบ้านอย่างเราคงต้องลุ้นและเอาใจช่วยกันต่อไปให้ฮันจีพยองรู้ใจตัวเองและใช้ศักยภาพที่มีเหนือกว่าในตอนนี้เดินหน้าเข้าสู้ดูสักตั้ง หลังจากได้แต่มองเศร้าๆ ตอนที่เขายิ้มและหัวเราะด้วยกันมาตลอด…
ใครที่อยู่ #ทีมฮันจีพยอง อย่าเพิ่งถอดใจ เพราะคนเรามีชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อและความหวัง แม้ตอนนี้จะยังมีเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้อยู่ไม่มากนักก็ตาม