Lovestruck in the City ซีรีส์ดีๆ ที่คุณอาจจะยังไม่ได้ดู

Lovestruck in the City หรือชื่อไทยที่แสนจะตรงตัว ‘ความรักในเมืองใหญ่’ เป็นซีรีส์ที่มีให้ชมกันทาง Netflix มาสักพักใหญ่ๆ แต่กลับไม่ค่อยมีใครพูดถึงสักเท่าไร ซึ่งเอาจริงๆ เชื่อว่าน่าจะมีหลายคนที่แอบตามเรื่องนี้อยู่แบบเงียบๆ (ดูซีรีส์ให้ซีเรียสคือหนึ่งในนั้น)

ที่จะมาเล่าให้ฟังกันในโพสต์นี้ก็เพราะอยากจะแนะนำให้คนที่ถอดใจไปแล้วใน 2-3 อีพีแรกกลับมาเปิดใจใหม่ เพราะอย่างเราเองที่ตอนแรกก็มีความเอ๊ะอยู่นิดหน่อย แต่พอดูไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเห็นความมีอะไรของซีรีส์เรื่องนี้มากขึ้น และไม่อยากให้ใครพลาดซีรีส์ดีๆ เรื่องนี้ไป และที่สำคัญคือเว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์และซีรีส์อย่าง Rotten Tomatoes เทคะแนนให้มากถึง 91%!

ซีรีส์เล่าถึงประเด็นอะไรบ้าง
– ความรักของหนุ่มสาวในเมืองใหญ่
– บทเรียนที่ว่า…ความรักไม่มีวันสมบูรณ์แบบ
– และแม้จะเกลียดคนรักที่จากไป แต่ก็ยังอยากให้เธอคนนั้นกลับมาอยู่ดี

ซีรีส์เรื่องนี้ดียังไง ขอป้ายยา!

Lovestruck in the City เลือกใช้รูปแบบการถ่ายทอดที่ค่อนข้างแปลกใหม่ เป็นการตามติดชีวิตของตัวละคร 6 คนผ่านการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวเกี่ยวกับมุมมองความรักในชีวิตจริงและประสบการณ์ออกเดตของพวกเขา ตัดสลับไปกับภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงตามเนื้อเรื่องที่ดำเนินไป ซึ่งในมุมของคนดูแล้ว การที่ตัวละครพูดคุยโดยมองมาที่กล้องตลอดเวลา มันคือเทคนิคแบบซิทคอม ให้ความรู้สึกพิเศษเหมือนกับว่าเราเป็นเพื่อน และรู้สึกมีส่วนร่วมไปกับซีรีส์มากขึ้น

ซีรีส์แนวใหม่ คล้ายดูซิทคอมฝรั่ง + รายการเรียลลิตี้

การเริ่มต้นดู Lovestruck in the City ในช่วงแรกทำให้เรารู้สึกเหมือนมีเครื่องหมายคำถามอยู่ในใจ ด้วยการตัดต่อที่สลับฉากไปมาแบบรวดเร็วแต่ก็ลื่นไหล แต่ละคนพูดใส่กล้องกันแบบรัวๆ โดยยังไม่ได้เล่าไปถึงต้นสายปลายเหตุหรือภูมิหลังของแต่ละคนมากนัก แต่พอดูไปดูมาก็เริ่มพบว่าตัวเองค่อยๆ ถูกดึงดูดไปเรื่อยๆ หรือจริงๆ มันอาจจะเป็นความอยากรู้อยากเห็นของคนดูเองก็ได้ คล้ายๆ กับความรู้สึกเวลาที่เราดูรายการ Terrace House ก็อาจจะเทียบเคียงได้

บอกตรงๆ ว่าการดูในช่วงประมาณ 6 อีพีแรกอาจจะต้องอดทนอยู่สักหน่อย อย่างที่บอกว่าเรายังไม่รู้ภูมิหลังตัวละครมากมายนัก (อย่าเพิ่งคิดว่าต้องอดทนนานเกินไป เพราะอีพีละประมาณ 30 นาทีเท่านั้น) แต่ถ้าทุกคนสามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ก็จะพบว่าในช่วงแรกๆ ที่เหมือนจะน่าเบื่อนั้น ซีรีส์ได้ทิ้งคำใบ้ต่างๆ เอาไว้หลายจุด และเมื่อนำมาประกอบร่างกับอีพีหลังๆ มันเหมือนเราได้ค้นพบอะไรบางอย่างไปพร้อมๆ กับตัวละครทีละนิดๆ ซึ่งนั่นแหละคือความสนุกของซีรีส์เรื่องนี้ (และมันเหมาะกับการดูซ้ำเพื่อเก็บรายละเอียดมากๆ)

ตัวละคร 6 คน 3 คู่ในซีรีส์เป็นตัวแทนถ่ายทอดความรักในรูปแบบที่แตกต่างกัน นอกจากเรื่องของความรักแล้ว ยังพูดถึงความสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างเพื่อน แทรกเนียนๆ ไปกับมุมความเหงาเศร้าของการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่

ทำความรู้จัก 6 ตัวละครหลัก

– พัคแจวอน อายุ 32 ปี สถาปนิก – หล่อ รวย ฉลาด โรแมนติก
– อีอึนโอ อายุ 29 ปี นักการตลาด – คนมีแผลใจ อ่อนไหว ซับซ้อน รักอิสระ
– ชเวคยองจุน อายุ 29 ปี พนักงานบริษัทสถาปนิก – จิตใจดี ขี้เล่น สายเปย์ รักเดียวใจเดียว
– ซอรินอี อายุ 29 ปี พนักงานพาร์ตไทม์ – น่ารัก มัธยัสถ์ คิดบวก รักเพื่อน
– โอซอนยอง อายุ 30 ปี ครูพละของโรงเรียน ม.ปลาย – เกิร์ลครัช เร่าร้อน ขี้วีน ไม่เคยโสด
– คังกอน อายุ 29 ปี นักเขียนนิยาย – สมัครใจโสด พูดหวานๆ ไม่เป็น เข้าอกเข้าใจผู้หญิง

พัคแจวอน & อีอึนโอ ความรักอายุสองเดือนที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ท่ามกลางบรรยากาศเป็นใจของท้องฟ้าและทะเลสวยๆ แต่ชีวิตคู่ที่คิดว่าใช่กลับกลายเป็นอดีต เมื่อมีฝ่ายหนึ่งหายไปโดยไม่มีแม้คำบอกลา คนที่เลือกจากไปทำตัวเหมือนมูฟออนไปแล้ว แต่อีกคนยังคงเฝ้ารอ หวังว่าสักวันจะบังเอิญเดินสวนกันบนถนนสักครั้ง

ชเวคยองจุน & ซอรินอี ตัวแทนความรักที่มั่นคง เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนร่วมชั้นตั้งแต่สมัย ป.2 หลังจากนั้นทั้งคู่ก็บังเอิญ (?) เจอกันเรื่อยมา และลงเอยด้วยการคบกันในที่สุด ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูไม่มีอุปสรรคมาตลอด แต่ในอีพีหลังๆ ก็เริ่มมีการเผยให้เห็นความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ของทั้งสองคนมากขึ้น ซึ่งคงต้องลุ้นกันต่อว่าความรักจะสามารถชนะทุกอย่างได้จริงหรือไม่

คังกอน & โอซอนยอง ว่ากันว่าการออกเดต (และเซ็กซ์) ในเมืองใหญ่ก็เหมือนกับอาหารจานด่วน คู่นี้ก็เช่นกันที่เริ่มต้น Day 1 ด้วย One Night Stand ผู้หญิงแซ่บกับผู้ชายสายซึนเป็นการจับคู่ที่ดูเหมือนประหลาด แต่กลายเป็นว่าทั้งสองมีบางอย่างเชื่อมถึงกัน แม้โอซอนยองจะบอกเลิกด้วยความเกรี้ยวกราดแค่ไหน แต่คังกอนก็ไม่เคยตอบโต้ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเข้าใจภาษารักของโอซอนยองว่าจริงๆ แล้วเธอไม่ได้อยากเลิก แต่แค่ต้องการคำยืนยันว่าตัวเองคือคนที่ถูกรัก

“ถ้าฉันได้เจอเขาอีกครั้ง ฉันก็คงรักเขาอีก” – อีอึนโอ

Lovestruck in the City บอกกับคนดูว่า…ต่างคนก็ต่างคิดว่าเรื่องราวความรักของตัวเองมันพิเศษ แต่บางครั้งคนเราก็มีเรื่องในใจที่บอกใครไม่ได้ ถ้าอยากให้ความสัมพันธ์เดินหน้าต่อไปก็ต้องยอมมองข้ามเรื่องเล็กน้อยหรือความผิดพลาดในอดีตไปบ้าง เพื่อจะได้ไม่เสียใจกับการกระทำของตัวเองในภายหลัง และสุดท้ายแล้วความเข้าใจจะช่วยประกอบร่างให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง