The 8 Show เกมโชว์หรือชีวิตจริง ซีรีส์ชวนตั้งคำถามว่าชีวิตนี้เรามีอยู่เพื่ออะไร?

The 8 Show งานซีรีส์เกาหลีที่มาในเส้นเรื่องสุดท้าทาย ‘เกมโชว์ที่ใช้เวลาแลกเงิน’ นับเป็นงานที่หลายคนรอคอย เพราะสร้างจากต้นฉบับเว็บตูนที่ฮิตสุดๆ ของ แบจินซู เรื่อง Money Game และ Pie Game ทั้งยังได้ ผู้กำกับฮันแจริม จาก The King ที่มาเดบิวต์งานกำกับซีรีส์ครั้งแรก พร้อมด้วยนักแสดงอย่าง รยูจุนยอล, ชอนอูฮี, อียอลอึม, อีจูยอง, มุนจองฮี, แบซองอู ถ้ามองเชิงองค์ประกอบแล้วก็เรียกได้ว่าครบเครื่องของซีรีส์ที่อยาก Add to list

ดูซีรีส์ให้ซีเรียส ชวนอ่านเรื่องเบื้องหลังงานสร้าง และสัมภาษณ์ผู้กำกับ นักแสดง The 8 Show ก่อนดูซีรีส์พร้อมกันวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ ทาง Netflix

ผู้กำกับฮันแจริม เริ่มต้นเล่าถึงคอนเซปต์ซีรีส์ให้ฟังว่า “เรื่องราวในซีรีส์เริ่มจากการส่งคำเชิญไปยังคน 8 คนที่เผชิญกับมรสุมชีวิต กำลังสิ้นหวัง และต้องการที่จะยอมแพ้ โดยในบัตรเชิญเสนอว่าทางรายการเกมโชว์จะขอซื้อเวลาที่พวกเขาตัดสินใจว่าจะโยนทิ้งไป และถ้าพวกเขาตอบรับ เงินรางวัลของเขาในรายการก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ในเกมโชว์ได้นานขึ้น ทั้ง 8 คนตอบรับเข้าร่วมรายการ จากนั้นก็เกิดทั้งการร่วมมือระหว่างกันและการทรยศหักหลังกันไปมา เพื่อสะสมเวลาให้อยู่ในรายการได้นานขึ้น เพราะยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เงินรางวัลของพวกเขาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น ดังนั้นซีรีส์จึงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้ง 8 คน ซึ่งมีทั้งความระทึกขวัญและตลกร้ายครับ”

เบื้องหลังการนำผลงานเว็บตูนมาสร้างเป็นซีรีส์ The 8 Show

ผู้กำกับฮันแจริม: ผมชอบเว็บตูน Money Game มากๆ ซึ่งเรื่องนี้จริงๆ เป็นแนวเอาชีวิตรอด แต่ก็มีความแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ในแนวเดียวกัน เพราะปกติแล้วในเกมเอาชีวิตรอด ตัวละครหลักมักจะเป็นผู้ชนะ และมักจะทำให้ผู้ชมได้รู้สึกถึงความพึงพอใจบางอย่าง แต่ Money Game มีกลิ่นอายของดาร์กคอเมดี้ (ตลกร้าย) ยิ่งพยายามเอาชนะ ปัญหาก็จะยิ่งตามมา 

นอกจากนี้ประเด็นเรื่องความเห็นของคนหมู่มากก็เป็นปัจจัยสำคัญในเว็บตูนเรื่องนี้ด้วยครับ ผมคิดว่ามันคงน่าสนใจดีถ้าซีรีส์ได้พูดถึงประเด็นพวกนี้ด้วย แต่โดยธรรมชาติแล้ว เกมเอาชีวิตรอดจะมีข้อจำกัดทางโครงสร้างของมันอยู่ คือผู้ชนะจะต้องอยู่เหนือสุดเมื่อคนอื่นตายจากไป ผมพยายามคิดว่าจะเปลี่ยนกระบวนทัศน์นี้อย่างไรตอนที่ Pie Game ภาคต่ออันสร้างสรรค์ของแบจินซูออกมา มันเป็นเกมเอาตัวรอดอีกแบบ แต่มีกฎเหมือนกันคือ ‘ทุกคนต้องมีชีวิตรอด’ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดต้องร่วมฟันฝ่าด้วยกันไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก ผมชอบไอเดียนี้มาก จึงรวมทั้งสองไอเดียเข้าไปในซีรีส์เรื่องนี้ครับ

คุยกับนักแสดงที่มารับบทตัวละครในซีรีส์เรื่องนี้ 

รยูจุนยอล: ผมจำได้ว่าชอบงานภาพยนตร์ของผู้กำกับฮันแจริมมาก และการถ่ายทอดเรื่องราวก็น่าประทับใจมากครับ ผมทั้งอยากรู้และตื่นเต้นว่าซีรีส์เรื่องนี้จะออกมาเป็นอย่างไร ผมเองชื่นชมผลงานที่ผ่านมาของผู้กำกับฮันแจริมอยู่แล้ว และตอนที่ได้ร่วมงานกับเขาในเรื่อง The King ก็สนุกมาก ดังนั้นผมจึงไม่ลังเลและตอบตกลงทันทีที่เขาชวนผมมารับบทใน The 8 Show ครับ

ชอนอูฮี: ฉันประทับใจกับโครงสร้างเรื่องมากที่สุดค่ะ คล้ายกับการย่อส่วนสังคมของเราให้ออกมาในเวอร์ชันที่ไม่ซับซ้อน แต่มีสองขั้วที่สุดโต่ง คือทุกคนมีเวลาเท่ากัน แต่มีจำนวนเงินต่างกันโดยสิ้นเชิง ครั้งแรกที่ได้อ่านบท ฉันประทับใจตัวละคร ‘ชั้น 8’ มากเลยค่ะ เธอแตกต่างจากตัวละครทั้งหมดที่ฉันเคยแสดง เธอดึงดูดและทำให้ฉันตั้งคำถามว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ 

อียอลอึม: ‘ชั้น 4’ เป็นตัวละครที่ต้องการทำสิ่งที่ถูกต้องค่ะ ฉันรู้สึกเชื่อมโยงกับเธอได้ เพราะฉันเองก็คิดแบบเดียวกันตลอดกับอาชีพของฉันในฐานะนักแสดง โดยเฉพาะเวลาที่ฉันเจอเรื่องท้าทาย นั่นเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันเข้าถึงตัวตนของเธอ และถ่ายทอดบทบาทของเธอออกมาให้ดีที่สุดค่ะ

อีจูยอง: ฉันเป็นแฟนผลงานต้นฉบับอยู่แล้วค่ะ และไม่ใช่แค่เว็บตูนนะคะ แต่รวมถึงพวกคลิปต่างๆ บนโซเชียลของผลงานเรื่องนี้ด้วย ฉันมักจะดูทันทีที่มีคลิปใหม่อัปเดตเลยค่ะ การได้เป็นส่วนหนึ่งในซีรีส์เรื่องนี้เหมือนกับฝันเป็นจริง และก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในฝันอยู่ตลอดเวลาถ่ายทำด้วยค่ะ

มุนจองฮี: เนื้อเรื่องดึงดูด โครงเรื่องไม่ธรรมดา และตัวละครทุกตัวที่เหมือนกับบทบาทในชีวิตจริง ตัวละคร ‘ชั้น 5’ ที่ฉันรับบทเป็นตัวละครที่ยาก แรกเริ่มฉันกังวลว่าจะทำออกมาได้อย่างไร แต่ความกังวลก็กลายเป็นการตั้งตารอไปในทันทีเลยค่ะ 

แบซองอู: ผมชอบเว็บตูนมาก แล้วก็ชื่นชอบการดัดแปลงของผู้กำกับฮันแจริมด้วยครับ ผมว่ามันเป็นซีรีส์แนวใหม่ และในเรื่องก็เต็มไปด้วยการใช้สัญลักษณ์มากมาย ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมในผลงานนี้ครับ

อธิบายตัวละครที่รับบทในซีรีส์เรื่องนี้ และคุณมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

รยูจุนยอล: ‘ชั้น 3’ อยู่กึ่งกลางระหว่างชั้น 1 และชั้น 8 คุณจะสังเกตได้ว่าเขาค่อนข้างธรรมดา ตัวละครของผมเป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไปที่ต้องการอยู่แบบเงียบๆ และปลอดภัยมากกว่าที่จะโดดเด่น การตัดสินใจต่างๆ ของเขาจะเหมือนคนปกติทั่วไปและคาดเดาได้ง่าย เมื่ออยู่ท่ามกลางเหล่าตัวละครที่หลากสีสันครับ 

ในฐานะผู้เล่าเรื่อง ผมพยายามถ่ายทอดเรื่องราวอย่างเป็นกลางผ่านเหตุการณ์ต่างๆ และการตัดสินใจของตัวละคร และบางครั้งความคิดของตัวละครก็สะท้อนออกมาในการใช้คำพูด ผมจึงกำหนดมุมมองแบบนี้ไว้เพื่อให้เข้าถึงตัวละครได้มากขึ้นครับ ผมคิดว่าตัวละครของผมจะทำให้ผู้ชมคิดว่า “ถ้าเป็นฉันก็คงทำแบบเดียวกัน หรือบางทีฉันอาจจะตัดสินใจอีกอย่าง ถ้าเป็นฉัน ฉันจะรู้สึกแบบนี้” ตัวละครของผมแค่อยากจะเป็นคนธรรมดาทั่วๆ ไปครับ

ชอนอูฮี: ฉันอยู่ชั้นบนสุด และฉันคิดว่าตัวละครของฉันไม่สามารถจำแนกประเภทหรือนิยามได้เลยค่ะ ไม่รู้จะเรียกว่าเธอเป็นคนอิสระหรือเจ้ากี้เจ้าการดี เธอไม่ได้มาเพื่อเงิน เธอแค่คิดว่ามันน่าสนุกเท่านั้นเองค่ะ แน่นอนว่าไม่มีบทบาทไหนที่ง่าย แต่ฉันคิดว่าบทชั้น 8 ในเรื่องนี้เป็นตัวละครที่ซื่อสัตย์ต่อสัญชาตญาณตัวเองมาก ตอนแรกฉันคิดแต่ว่าจะถ่ายทอดเธอออกมาให้ดูใสซื่อที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ไม่ง่ายเลยค่ะ ยิ่งท้าทายก็ยิ่งทำให้ฉันพอใจที่ได้ปลดปล่อยตัวละครตัวนี้ในแบบของฉันค่ะ 

พัคจองมิน: ตัวละคร ‘ชั้น 7’ มีเหตุผลและอยู่กับความเป็นจริงมากที่สุดในบรรดาตัวละครทั้งหมด เขาพยายามคิดและทำสิ่งต่างๆ อย่างมีเหตุผล และเป็นคนที่พยายามขุดคุ้ยหาแก่นแท้ของรายการ แต่เมื่อเกมดำเนินไป เขาก็ตระหนักได้ว่าแก่นแท้ของเกมนั้นขัดแย้งกับคุณค่าและจิตวิญญาณของเขาครับ

อียอลอึม: ตัวละคร ‘ชั้น 4’ คิดว่าตัวเองฉลาดที่สุดในโลก เธอเป็นคนสดใสและมีพลัง เธอร่วมมือกับคนที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเองมากที่สุดในแต่ละโอกาส แต่ตัวเธอเองก็มีบาดแผลที่ต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ ตัวละครของฉันมีความน่ารัก ได้เรียนรู้หลายอย่างจากการเข้าแข่งรายการนี้ แต่เธอจะเป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่คนเดียว จริงๆ แล้วทุกคนเป็นตัวเองได้เมื่อไม่มีใครอยู่รอบข้าง ฉันพยายามโฟกัสตรงจุดนั้นและเพิ่มความตึงเครียดเล็กน้อยในฉากเหล่านั้นค่ะ

พัคแฮจุน: ตัวละครของผมใช้หมัดและกำลังมากกว่าคำพูดเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในรายการ ผมคิดว่าเขาเล่นเกมต่อไปในทางที่สมเหตุสมผลนะครับ เขาเป็นคนประเภทที่ใช้วิธีที่สมเหตุสมผลและว่องไวที่สุดเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการครับ 

สำหรับการเตรียมตัว ผมกินอย่างที่อยากกินและออกกำลังกายหนักกว่าปกติจนน้ำหนักขึ้นมาประมาณ 11 กิโลกรัม เพราะผมอยากให้คนกลัวและประหม่าจนตัวสั่นเมื่อเห็นรูปร่างของผม และผมก็คิดว่ามันได้ผลดีนะครับ

อีจูยอง: ตัวละครของฉันมีความโกรธเดือดดาลในตัวเธอมากพอ เรียกว่าเผื่อทุกคนใน The 8 Show เลยค่ะ จริงอยู่ที่ ‘ชั้น 8’ เป็นตัวละครที่ดูใสซื่อ แต่ฉันคิดว่าชั้น 2 เองก็ใสซื่อในแบบที่ต่างกันไป ตัวละครของฉันมีความบ้าคลั่ง และฉันคิดว่านั่นเป็นวิธีที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นผู้ปกป้องความยุติธรรมค่ะ 

สำหรับการเตรียมตัว ฉันต้องเพิ่มน้ำหนัก ก็เลยกินๆ นอนๆ และออกกำลังกายอย่างหนักค่ะ ฉันออกกำลังกายหนักมากจนแอบคิดว่าหรือพวกนักกีฬาทีมชาติเขาจะเทรนกันแบบนี้นะ ฉันรู้สึกนับถือนักกีฬาและทุกคนที่ฝึกซ้อมเป็นประจำเลยค่ะ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าการเอาชนะขีดจำกัดของร่างกายไม่ใช่เรื่องง่าย และฉันรู้สึกขอบคุณที่ได้รับโอกาสให้ทำเช่นนั้นค่ะ

มุนจองฮี: ฉันรับบท ‘ชั้น 5’ และเป็นผู้ประนีประนอมในเกมนี้ค่ะ ชั้น 5 มักจะคอยไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง เพราะฉันอยากให้ทุกคนในรายการมีความสุข แต่มีสิ่งที่ต้องทำเยอะเพื่อที่จะรักษาความสงบค่ะ ตัวละครของฉันเข้าร่วมรายการด้วยเหตุผลส่วนตัวของเธอเอง และเธอก็มองว่าผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนเป็นคนดี ฉันคิดว่าตัวละครของฉันอาจจะเป็นคนที่มองออกยากกว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่น 

เป้าหมายของฉันคือการทำให้ผู้ชมเชื่อมโยงกับตัวละครชั้น 5 ได้โดยรู้สึกว่า “ฉันคงทำแบบเดียวกันถ้าฉันเป็นเธอ” ฉันปรึกษาผู้กำกับบ่อยมาก และมักจะถามเขาว่า “ต้องเป็นแบบนี้ใช่ไหม” เราอยากให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างธรรมชาติ มีบางสิ่งที่ทำให้ตัวละครของฉันรู้สึกสับสน ฉันคิดว่ามันสวยงามมาก และคิดว่ามันเข้าถึงทุกคนได้จริง  หวังว่าผู้ชมจะรู้สึกเช่นเดียวกันในขณะที่รับชมค่ะ

แบซองอู: ‘ชั้น 1’ เป็นตัวละครตัวเดียวในบรรดาผู้เข้าแข่งขันที่มีความบกพร่องทางร่างกาย แม้ว่าการเคลื่อนไหวของเขาจะถูกจำกัด เพราะขาใช้การไม่ได้ แต่เขาก็ค้นหาวิธีที่จะทำหน้าที่ของเขาอย่างเงียบๆ เพื่ออยู่ในรายการต่อไป เพราะเขาคิดว่าตัวเขาและความบกพร่องของเขาอาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการบรรลุเป้าหมายของผู้อื่นครับ 

ผมต้องเตรียมตัวหลายอย่างมาก โดยเฉพาะด้านร่างกาย การรับบทเป็นผู้พิการทำให้ผมตระหนักในหลายๆ อย่าง ผมต้องใช้เวลา 6 เดือน ในกองถ่ายในสภาพร่างกายที่มีความบกพร่อง ดังนั้นแน่นอนว่ามันให้บทเรียนอะไรหลายอย่างครับ

สำหรับผู้กำกับฮันแจริม The 8 Show เป็นผลงานการกำกับซีรีส์เรื่องแรก คุณให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุดในการกำกับเรื่องนี้

ผู้กำกับฮันแจริม: ผู้ชมภาพยนตร์ต้องนั่งอยู่ในโรงจนกว่าภาพยนตร์จะจบ ผู้กำกับสามารถสร้างฉากที่อาจจะน่าเบื่อหรือหักมุมก็ได้ แล้วอาจสื่อประเด็นที่เขาต้องการในตอนท้ายเรื่อง แต่สำหรับซีรีส์ ผู้ชมนั่งดูอยู่ที่บ้านในอิริยาบถสบายๆ ผมว่าคงยากถ้าจะใช้วิธีตามแบบฉบับของการถ่ายทำภาพยนตร์ 

ผมคิดว่าเนื้อเรื่องของซีรีส์จะต้องดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ต้องมีความตึงเครียดมากกว่าในหนัง และตอนจบของแต่ละตอนต้องทำให้ผู้ชมตั้งตารอตอนต่อไปมากขึ้น ผมคิดว่านี่คือข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างภาพยนตร์กับซีรีส์ครับ นอกจากนี้ซีรีส์มีความยาวกว่า จึงสามารถอธิบายตัวละครได้ละเอียดกว่า ผู้ชมไม่จำเป็นต้องติดตามเนื้อเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครชั้น 3 เพียงคนเดียว ผมอยากให้พวกเขาได้ดื่มด่ำกับตัวละครที่พวกเขาชอบ และติดตามเรื่องราวในซีรีส์ผ่านมุมมองของตัวละครนั้นครับ

คอนเซปต์ของเกมโชว์ในซีรีส์ The 8 Show มีความพิเศษมาก อะไรคือไอเดียเบื้องหลังคอนเซปต์ที่ว่า ‘ทุกอย่างในเกมโชว์ต้องปลอมแบบสมจริง’

ผู้กำกับฮันแจริม: คนที่เคยอ่าน Money Game และ Pie Game จะเข้าใจว่า แบซูจิน ผู้เขียนผลงานต้นฉบับ ได้ลดทอนเรื่องเครื่องแต่งตัวกับงานประกอบศิลป์ เพื่อที่จะได้โฟกัสไปที่ตัวละครเต็มที่ 

สำหรับการดัดแปลงเป็นซีรีส์ ผู้กำกับศิลป์ทำการบ้านกันเยอะมากว่าจะทำอย่างไรให้ผู้เข้าแข่งขันรู้สึกได้ถึงความปรารถนา และต้องทำฉากหลังแบบไหน จากนั้นเราจึงได้ไอเดียว่า ถ้าพวกเขาได้เห็นว่าสามารถใช้เงินซื้ออะไรได้บ้าง พวกเขาอาจจะอยากต่อเวลาเพื่อให้เงินรางวัลเพิ่มพูนขึ้น และถ้าทุกอย่างในเกมโชว์เป็นของปลอม พวกเขาน่าจะมีแรงจูงใจมากขึ้นที่จะออกไปยังโลกความจริง และใช้เงินซื้อของจริงๆ 

ดังนั้น ‘ของปลอมแบบสมจริง’ จึงเป็นคอนเซปต์ที่บอกผู้ชมว่าพวกเขากำลังรับชมเกมโชว์ปลอมๆ อยู่ ซึ่งคอนเซปต์นี้ก็แฝงฝังอยู่ในกระบวนการสร้างสื่ออย่างภาพยนตร์ คือในกระบวนการเบื้องหลังอย่างการออกแบบเครื่องแต่งกายและองค์ประกอบอื่นๆ ที่เป็นของปลอม