sisyphus-ep-3-4

ไขปริศนา Sisyphus EP.3-4 การเดินทางมาอดีตยังคงมีปมให้ต้องติดตาม

ซีรีส์ Sisyphus EP.3-4 ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่ 4 ตอนของซีรีส์ก็ทำให้ ดูซีรีส์ให้ซีเรียส ไม่อาจข่มตาหลับได้ถึงสองสัปดาห์ติด! และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา มาดูสิ่งที่เรารวมร่างได้จากสัปดาห์นี้กัน!

**โพสต์นี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของซีรีส์ Sisyphus EP.1-4 ที่ในตอนนี้ฮันแทซุลรู้ถึงการมีอยู่ของเหล่าคนจากอนาคต โดยที่ปริศนาของการเดินทางมาอดีตนั้นยังคงมีปมปริศนาให้ต้องติดตามต่อไป ในขณะที่เป้าหมายการเดินทางมาอดีตของคังซอแฮเริ่มชัดขึ้น เมื่อเธอบอกฮันแทซุลว่าเธอมาเพื่อปกป้องเขา และขัดขวางไม่ให้เขาสร้าง UPLOADER!

sisyphus-ep-3-4

Quantum & Time Conference 2020

จาก EP.3-4 ทำให้เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าสิ่งที่ฮันแทซุลเปิดตัวในงาน Quantum & Time Conference 2020 นั้นคือ ‘เครื่องย้ายมวลสารควอนตัม’ ซึ่งต่อมาน่าจะถูกเรียกว่า UPLOADER ที่ซีรีส์ให้เบาะแสเพิ่มเติมว่า DOWNLOADER นั้นเป็นโค้ดที่ฮันแทซุลเขียนในปี 2001 และ UPLOADER เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2021 จากคำบอกเล่าของคังซอแฮ

“ในอนาคตมี UPLOADER อยู่ ฉันก็ไม่รู้กลไกของมันหรอก แต่เห็นว่าเหมือนการคัดลอก คัดลอกจากทางนี้และส่งไปทางนั้น โดยเข้าไปในสิ่งที่เหมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่” – คังซอแฮ

เมื่อนำเบาะแสทั้งหมดข้างต้นมารวมกัน เท่ากับว่าในอีก 1 ปีให้หลัง (เวลาปัจจุบันของซีรีส์คือ 2020) ฮันแทซุลจะสามารถสร้าง UPLOADER ที่สามารถเคลื่อนย้ายวัตถุที่มีข้อมูลจำนวนมากอย่าง ‘มนุษย์’ ได้สำเร็จ?!

ถึงแม้ซีรีส์จะเริ่มทำให้เราระแคะระคายว่าฮันแทซุลคือผู้สร้าง UPLOADER ที่คนจากอนาคตใช้เดินทางมา แต่ประโยคที่เขาพูดขณะขับรถว่า “มันคือเครื่องย้ายมวลสารควอนตัม มันเคลื่อนย้ายวัตถุด้วยการควบคุมค่าเวลา แต่การควบคุมเวลาของวัตถุที่มีข้อมูลจำนวนมากอย่างมนุษย์ยังเป็นไปไม่ได้ในทางทฤษฎี”

นี่เป็นประโยคที่ค่อนข้างเอะใจมาก เนื่องจากตอนนั้นเป็นช่วงเดือนสิงหาคม 2020 เท่ากับว่าในเวลาอีกไม่กี่เดือน ฮันแทซุลจะสามารถเปลี่ยนจากการเคลื่อนย้ายน้ำตาลก้อนเป็นมนุษย์ได้ ซึ่งไม่น่าจะใช่เรื่องง่ายที่ใช้เวลาไม่กี่เดือนก็สามารถทำได้… นอกเสียจากว่าจะมีผู้หยั่งรู้จากอนาคตมาบอกกลไกการทำงานของมัน

sisyphus-ep-3-4

หัสกระเป๋าเดินทางบอกปีเกิด?

หลังจากคังซอแฮบอกว่า UPLOADER เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นราวๆ ปี 2021 จึงทำให้นึกย้อนไปถึงข้อมูลที่เว็บไซต์ JTBC ได้บรรยายตัวละครของเธอไว้ว่า “เมื่อเธออายุ 9 ขวบ เกิดสงครามขึ้น พ่อของเธอซึ่งเป็นทหารได้สอนเทคนิคการเอาตัวรอดให้กับเธอ”

จึงทำให้เรานึกถึงรหัสผ่านกระเป๋าเดินทางของฮันแทซัน ที่ในอีพี 1 ได้บอกว่ารหัสทุกอย่างของเขานั้นถูกตั้งตามวันเกิดของน้องชายอย่างฮันแทซุล โดยรหัสกระเป๋าเดินทางของฮันแทซันคือ 820710 = ปี 1982 เดือน 7 วันที่ 10

ถ้าอย่างนั้นจะเป็นไปได้ไหมที่รหัสกระเป๋าของคังซอแฮอย่าง 120930 = ปี 2012 เดือน 9 วันที่ 30

ซึ่งเมื่อนำปีเกิดของเธอมาเทียบกับปัจจุบันในปี 2020 นั่นจะเท่ากับว่าคังซอแฮในโลกปัจจุบันน่าจะมีอายุ 8 ขวบ และในปี 2021 ที่ UPLOADER เกิดขึ้น เธอจะมีอายุ 9 ขวบ ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่โลกเกิดสงคราม และทำให้เธอได้เรียนรู้เทคนิคการเอาตัวรอดจากพ่อตั้งแต่ตอนนั้น?

BTS – Easter Egg ที่แฝงตัวอย่างแนบเนียนใน Sisyphus

หลังจากเคยปรากฏให้เห็นแวบๆ ในอีพี 1 ที่คังซอแฮตื่นขึ้นมาในห้องของซอน และมองไปที่ผนังก็พบกับภาพของหนุ่มๆ วง BTS จาก 2020 BTS Winter Package in Helsinki ที่ตอกย้ำให้รู้ว่าปีที่คังซอแฮเดินทางมาคือปี 2020 นั้น

ตอนแรกแเราคิดว่าซีนดังกล่าวน่าจะเป็นหนึ่งใน Easter Egg สนุกๆ ให้กับผู้ชมสายเคป๊อป แต่กลายเป็นว่าในอีพี 4 ที่เปิดตอนด้วยหมุดหมายสุดฮิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่าง ‘มยองดง’ ที่ในอนาคตไม่ได้คึกคักเหมือนภาพในความทรงจำของใครหลายคนนั้น ที่นี่ยังคงมี Easter Egg ของวง BTS ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งจากโปสเตอร์สารคดี Bring The Soul: The Movie (2019) และซีนที่คังซอแฮเปิดเพลง Spring Day ฟังจากโทรศัพท์

แม้ตอนนี้จะยังไม่รู้ว่า Easter Egg นี้มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องใน Sisyphus ไหม (เพราะหลังจากลองหาข้อมูลดูจึงพบว่ามิวสิกวิดีโอ Spring Day ของ BTS นั้นมีการสอดแทรกเหตุการณ์ของเรือเซวอลในปี 2014 เอาไว้ด้วย)

แต่สิ่งหนึ่งที่สงสัยจากซีนนี้คือ ในโลกที่ดูแล้วแทบจะไม่มีระบบสาธารณูปโภคให้ใช้ การคุยกันของคังซอแฮกับใครสักคนที่เกิดจากการใช้วิทยุสื่อสารทั้งๆ ที่เธอมีโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ อะไรที่ทำให้เธอยังสามารถฟังเพลงได้ และโปสเตอร์สารคดีที่เธอบอกว่า “ได้ของเด็ด” นั้น ความหมายที่แท้จริงคืออะไรกันแน่

โลกอนาคตที่เงินกระดาษไร้ค่ากว่าเศษเหรียญ

เพราะในซีนต่อมา คังซอแฮได้เปิดกระเป๋าสตางค์เจอธนบัตรใบละ 10,000 วอนจำนวนมาก แต่เธอกลับมองมันด้วยสายตาดูแคลนและโปรยทิ้งอย่างไม่ไยดี ในทางกลับกัน เธอกลับแสดงสีหน้าดีอกดีใจที่เห็นเศษเหรียญในกระเป๋า จนทำให้ต่อมความสงสัยของเราทำงานอีกครั้งว่า ทำไมเหรียญถึงมีค่ามากกว่าธนบัตร?

เราจึงลองเสิร์ชหาข้อมูลของเหรียญที่ปรากฏในซีรีส์จากเว็บไซต์ Bank of Korea ซึ่งหากเข้าใจไม่ผิด เหรียญ 10 วอนที่ปรากฏในอีพี 4 นั้นน่าจะมี 2 ขนาด โดยเหรียญ 10 วอนขนาดใหญ่ผลิตในปี 1983 ทำจากทองแดงและสังกะสี ซึ่งมีขนาด 22.86 มิลลิเมตร หนัก 4.06 กรัม ในขณะที่เหรียญ 10 วอนขนาดเล็กนั้นผลิตในปี 2006 ทำจากทองแดงและอะลูมิเนียม ขนาด 18.0 มิลลิเมตร หนัก 1.22 กรัม

จะเป็นไปได้ไหมว่าที่เศษเหรียญเหล่านั้นดูมีค่าในสายตาของคังซอแฮ อาจจะเพราะวัสดุที่ใช้ผลิตเหรียญเหล่านั้นคือทองแดง สังกะสี และอะลูมิเนียม ซึ่งน่าจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์หรือแลกเปลี่ยนเป็นอะไรบางอย่างเพื่อความอยู่รอดของเธอได้

sisyphus-ep-3-4

Asia Mart โจรในคราบสถานทูต?

ในอีพี 3 พัคฮยองโด เจ้าของร้าน Asia Mart ได้พูดว่า ‘สถานทูตอย่างไม่เป็นทางการ’ ของเขานั้นเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของธุรกิจ

ก่อนที่ในอีพี 4 การกระทำของพนักงานในร้านทั้ง 3 จะทำให้คิดว่า นอกเหนือจากจะระบุพิกัดดาวน์โหลดคนจากอนาคตมาอดีตและทำหน้าที่เป็นสถานทูตแล้ว อีกหนึ่งธุรกิจของพัคฮยองโดนั้นคือการเป็น ‘โจร’ ที่คอยฉกฉวยของมีค่าจากกระเป๋าเดินทางของคนที่เดินทางจากอนาคต ดังเช่นที่เขาเคยพูดในรถตู้ว่าของในกระเป๋าคังซอแฮทั้งหมดเป็นของเขา

คาดเดาจากการที่ ออมซอนแจ พนักงานหัวร้อนของร้านที่พยายามใช้ ‘อะโทรปีน’ กับคนที่เพิ่งดาวน์โหลดมา ซึ่งเขาอธิบายว่าส่วนใหญ่คนเหล่านี้เรียนรู้ว่าเมื่อเดินทางมาถึงอดีตแล้วให้วิ่งทันที (น่าจะหมายถึงการวิ่งเพื่อหนีจากกองควบคุม) การฉีดอะโทรปีนที่เป็นยาต้านการทำงานของระบบประสาท Parasympathetic น่าจะทำให้พวกเขาสามารถฉกฉวยกระเป๋าเดินทางของคนเหล่านั้นได้ และสุดท้ายพวกเขาก็จะถูกจัดการโดยกองควบคุมในภายหลัง โดยที่ Asia Mart แทบจะไม่ต้องไปตามเก็บกวาดใดๆ

และจากซีนนี้เองที่ทำให้ได้เบาะแสเพิ่มเติมว่าพัคฮยองโดและพนักงานในร้านเป็นกลุ่มคนที่เดินทางมาจากอนาคตเป็นกลุ่มแรกๆ และทำให้เข้าใจว่าหมายเลขที่แขนของแต่ละคนคือลำดับการเดินทางนั่นเอง

รวมถึงการเดินทางจากอนาคตที่ตอนแรกชวนสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงไม่สามารถพกของติดตัวมาเกิน 30 กิโลกรัมได้ โดยคำถามนี้ถูกตอบด้วยคำพูดของออมซอนแจที่บอกว่า “ต้องส่งข้อมูลให้น้อยที่สุดเพื่อลดข้อผิดพลาด”

และคำบอกเล่าของพัคฮยองโดที่ทำให้รู้ว่าการเดินทางมานั้นมีความเสี่ยงที่ต้องแลก เพราะโอกาสสำเร็จในการเดินทางมาอดีตมีเพียงแค่ 10% รวมถึง 1 ใน 2 คนจาก 10% ยังมีความเสี่ยงที่จะถูกคนจากกองควบคุมจับตัวได้อีก จึงทำให้โอกาสรอดชีวิตและลงหลักปักฐานในเกาหลีเหลือน้อยนิดเพียงแค่ 5% เท่านั้น

เครื่องวัดรังสี อุปกรณ์ตรวจจับคนจากโลกอนาคต

อีกหนึ่งอุปกรณ์น่าสงสัยของกองควบคุมที่เราพยายามหาคำตอบมาหลายวัน จนกระทั่งในอีพี 3 ซีนที่พัคฮยองโดพาฮันแทซุลมาดูการดาวน์โหลดสดๆ ที่ตลาดแรงงาน และบทสนทนาในรถระหว่างเดินทางไปบ้านของ จองฮยองกี ได้ไขความกระจ่างว่าอุปกรณ์ดังกล่าวนั้นเรียกว่า ‘เครื่องวัดรังสี’ นั่นเอง!

เพราะตอนที่จองฮยองกีกำลังจะดาวน์โหลดมาที่ตลาดแรงงาน เราได้ยินเสียงอันคุ้นเคยจากเครื่องที่ตั้งอยู่หน้ารถตู้ของร้าน Asia Mart และคำพูดของฮันแทซุลที่ว่า “เครื่องตรวจจับรังสีเหรอ ทุกคนที่ข้ามมาจะโดนรังสีเหรอ เธออยู่ห่างจากฉันเลย” จึงทำให้คิดว่า ‘รังสี’ ที่กองควบคุมตรวจหานั้นน่าจะเป็นรังสีที่เกิดจากการเคลื่อนย้ายมวลสารควอนตัม

ซึ่งเมื่อลองเสิร์ชรูปเครื่องวัดรังสี จึงทำให้พบภาพพร้อมคำอธิบายจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่คาดเดาว่ากองควบคุมน่าจะใช้เครื่องตรวจหารังสีที่ใช้แบตเตอรี่อย่าง Geiger Muller Counter

sisyphus-ep-3-4

Time Paradox ของจองฮยอนกี

จองฮยองกีคือชายหนุ่มที่ถูกดาวน์โหลดมาในท้ายอีพี 3 และ 4 ซึ่งการเดินทางของเขากลายเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยอธิบายเหตุการณ์หรือการกระทำต่อจากนี้ที่อาจเกิดขึ้นจาก ‘Time Paradox’

เพราะถ้าวิเคราะห์จากสิ่งที่ปรากฏในอีพี 4 จองฮยองกีคือตำรวจที่ย้อนเวลากลับมาอดีตในวันที่ 19 สิงหาคม 2020 เพราะความ ‘เสียใจ’ ต่อการจากไปของแม่

เหตุการณ์หลังจากจองฮยองกีเดินทางมาอดีตก็ดำเนินไปอย่างที่ทุกคนเห็น แม่ของเขาจากไปอย่างสงบหลังจากได้กินรามยอนของโปรด จองฮยองกีได้เตือนคังซอแฮถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า “อย่าออกไปข้างนอก มีพลซุ่มยิงอยู่ การฆ่าเธอเคยเป็นภารกิจแรกของฉัน” ก่อนที่เหตุการณ์ไม่สงบจากกองควบคุมจะเปิดฉากขึ้นในบ้านของเขา ที่มีช่วงหนึ่งกองควบคุมรัวปืนแบบไร้ทิศทางในบ้าน ซึ่งนั่นทำให้จองฮยองกี (จากอนาคต) เอาตัวเข้าไปบังแม่ของเขาจนทำให้เขาโดนกระสุนเข้าไปอย่างจัง

จากเหตุนี้เองที่กลายเป็นชนวนสำคัญของ Time Paradox ที่ออมซอนแจ พนักงานร้าน Asia Mart อธิบายเรื่อง Time Paradox ไว้ว่า “ทั้งร่างกายและความทรงจำจะผสมกัน แล้วคนหนึ่งก็จะตู้มหายไป”

หากมองย้อนกลับไปถึงตัวตนของจองฮยองกีในปัจจุบันที่โดนกองควบคุมพาไปหลังจากที่เขาตรวจซอกตึกและพบกับคนลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย มารวมกับคำพูดในตัวอย่างตอนต่อไปที่ ฮวังฮยอนซึง หัวหน้ากองควบคุมบอกกับเขาว่า “เธอแอบเข้าไปในบ้านนาย ขโมยปืนและรถ แล้วก็หนีไป” พร้อมกับเปิดรูปของคังซอแฮให้จองฮยองกีดู

เมื่อสังเกตจังหวะมือที่ฮวังฮยอนซึงตบลงบนไหล่ของจองฮยองกีที่ดูเหมือนจะเป็นการปลอบและการฝากฝังกลายๆ ทำให้เราเดาว่ากองควบคุมจะป้อนข้อมูลให้จองฮยองกีว่าคังซอแฮคือคนที่ฆ่าแม่ของเขา และได้มอบหมายภารกิจแรกให้กับเขาโดยอาศัยความแค้นที่มีให้เป็นประโยชน์

“ขอโทษจริงๆ นะ ฉันทำเรื่องไม่ดีต่อเธอไปเยอะมาก ฉันขอโทษ… จากนี้ไปไม่ว่าฉันจะทำอะไรหรือทำเรื่องอะไรก็ตาม ยกโทษให้ฉันด้วยนะ ต้องทำแบบนั้น เธอถึงจะเอาชนะได้” – จองฮยองกี

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้น่าจะสอดคล้องกับหนึ่งใน Time Paradox ที่มีชื่อว่า Predestination Paradox ที่เราไปเจอคำอธิบายมาว่า มันคือปรากฏการณ์ที่บุคคลที่เดินทางย้อนอดีต (จองฮยองกี) กลายเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ในอดีต (อยู่ในเหตุการณ์ที่แม่เสียชีวิต) และอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์เริ่มต้น (ความเข้าใจผิดที่เกิดจากกองควบคุมว่าคังซอแฮทำให้แม่ของเขาตายจนทำให้เขาต้องทำไม่ดีต่อเธอหลายอย่างตามมา) ที่ทำให้บุคคลนั้นเดินทางย้อนเวลากลับไปในตอนแรก (และเมื่อเขาบรรลุอะไรสักอย่าง จึงทำให้เขาตัดสินใจย้อนเวลากลับไปเพื่อไปบอกลาแม่เป็นครั้งสุดท้าย แต่กลายเป็นว่าเขาได้รู้ความจริงว่าการตายของแม่เขานั้นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด)

sisyphus-ep-3-4

อดีตและอนาคตของคังดงกี พ่อของคังซอแฮ

แน่นอนว่าการเดินทางจากอนาคตของจองฮยองกีไม่เพียงแต่จะทำให้พอจะคาดเดาการกระทำต่อไปของตัวเขาในโลกปัจจุบันได้ แต่เขายังพาเราไปรู้จักกับ คังดงกี ตำรวจคู่หูที่ปรากฏตัวในอีพี 4 ซึ่งแท้จริงแล้วเขาคือพ่อของคังซอแฮ!

เพราะเมื่อนำภาพของคังดงกีในอีพี 4 มาเทียบกับภาพจากล็อกเก็ตในอีพี 1 จิ๊กซอว์แห่งความสงสัยก็ถูกต่ออย่างสมบูรณ์ ซึ่งสอดคล้องกับคำอธิบายตัวละครในเว็บไซต์ของ JTBC ที่บอกว่าพ่อของคังซอแฮนั้นเป็นตำรวจ

และเมื่อนึกย้อนไปถึงบทสนทนาของซีนแรกในอีพี 1 เหตุการณ์ในอีพี 4 ได้ช่วยตอบข้อสงสัยจากสัญญาข้อที่ 3 ของคังดงกีที่เขาเน้นย้ำกับคังซอแฮว่า “ฮันแทซุล ห้ามเข้าใกล้หมอนั่นเด็ดขาด ห้ามไปเจอ แม้แต่พูดคุยก็ไม่ได้ เข้าใจไหม”

นั่นเพราะในอดีต คังดงกีเคยเห็นลูกสาวของตัวเองอยู่กับฮันแทซุลจากเหตุการณ์บนสะพาน รวมถึงกองควบคุมยังจะทำให้เธอกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีปล้นฆ่าที่ก่อเหตุในบ้านของจองฮยองกีอีกด้วย (สังเกตจากใบคำร้องขอปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของผู้ต้องสงสัย)

ดังนั้นการที่เขาเฝ้ามองลูกสาวที่เติบโตขึ้นมีหน้าตาคล้ายกับหญิงสาวที่อยู่กับฮันแทซุลในอดีต และการมาถึงของ UPLOADER จึงทำให้คังดงกีสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ไม่ยาก และนั่นน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเน้นย้ำเรื่องนี้กับคังซอแฮหลายครั้งหลายหน พร้อมบอกให้เธอไปใช้ชีวิตในอดีตเพื่อกินของอร่อยๆ ที่อยากกินให้เต็มที่ ทำอะไรที่อยากทำ ขอเพียงแค่เธอได้ใช้ชีวิตให้สนุกโดยไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับฮันแทซุลก็พอ

ซิกม่า เบาะแสใหม่ที่ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์

“ฟังให้ดีนะ นายคงรู้อยู่แล้ว แต่มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามจะฆ่านาย โดยเฉพาะซิกม่า ที่ปูซานมันแค่เริ่มต้น พวกมันจะตามล่านายเรื่อยๆ…”

จากบทสนทนาข้างต้นของคังซอแฮทำให้ทุกคนได้ปริศนาใหม่ (ที่อันเก่าก็ยังเคลียร์ใจกันไม่ค่อยได้) เรื่อง ‘ซิกม่า’ (∑) ที่เราเองก็ยังไม่รู้ที่มาที่ไปเท่าไรนัก แต่คำว่า ‘คนกลุ่มหนึ่ง’ นั้นอาจหมายถึงซิกม่า ซึ่งเป็นชื่อขององค์กรอะไรบางอย่างก็เป็นได้!

บ้านของคิมฮันยง เขตจงโน ปริศนาใหม่ของผู้อำนวยการใหญ่

ปริศนาของซิกม่าปรากฏขึ้นมาพร้อมกับปริศนาของ คิมฮันยง ผู้อำนวยการใหญ่ของ Quantum & Time ตัวละครที่ปรากฏบนแผนผังตัวละคร JTBC ว่าเป็น ‘ปรปักษ์’ กับฮันแทซุล!

หากดูตามเรื่องราวที่ดำเนินมา 4 อีพีแล้ว คิมฮันยงดูจะเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ทำให้บริษัท Quantum & Time กลายเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น แม้ปากเขาจะบอกว่าเห็นฮันแทซุลมาตั้งแต่วัยรุ่นและรักเขาเหมือนลูก แต่การกระทำหลายๆ อย่างของคิมฮันยงกลับชี้ชวนให้คนดูต้องเฉลียวใจ ไม่ว่าจะเป็นซีนที่เขายื่นเอกสารปลดฮันแทซุลออกจากการเป็นประธานบริษัทให้กับ เอ็ดดี้ คิม หรือซีนที่เขาพาหัวหน้ากองควบคุมเข้ามาบริษัทเพื่อสืบเรื่องข้อความของเอ็ดดี้

ความสงสัยทั้งหมดทั้งมวลนี้ยังถูกสุมทับมาด้วย ‘ที่อยู่ในเขตจงโน’ ของคิมฮันยง ที่ฮันแทซุลมองกระดาษที่อยู่ของพี่ชายเขาเพียงแวบเดียวก็ถึงกับเอ่ยออกมาในทันทีว่า “บ้านของผู้อำนวยการใหญ่”

ซึ่งต่อจากนี้เราคาดว่าเราคงต้องร่วมลุ้นกันต่อไปอย่างหนักหน่วง เพราะจากคำบอกเล่าของจองฮยอนกีที่บอกว่า “ต่อให้นายไปก็ไม่เห็นอะไรดีๆ หรอก สัญญามาหนึ่งข้อว่าจะไม่ไปเหยียบชั้นสอง ห้องหนังสือ” และ “วันที่ 27 สิงหาคมเหมือนจะมีงานปาร์ตี้อะไรสักอย่าง” ก็น่าจะทำให้ภารกิจในการเดินทางไปบ้านของผู้อำนวยการใหญ่เป็นอีกหมุดหมายสำคัญที่พวกเขาต้องไปหาคำตอบ!

และอีกหนึ่งความสัมพันธ์ที่เราพบในเว็บไซต์ของ JTBC คือคิมฮันยงและคิมซอจิน คุณหมอสาวที่กำลังกิ๊กกับเอ็ดดี้นั้น แท้จริงแล้วพวกเขาเป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน (เส้นในแผนผังความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถูกเขียนว่าครอบครัว)

ท่อนสุดท้ายของไดอะรี่ที่ซีรีส์ไม่ได้อ่าน

หลังจากกระโดดลงจากสะพาน ไดอะรี่ที่คังซอแฮเขียนถึงตัวเองในอนาคตก็ถูกเปิดขึ้น พร้อมกับเนื้อหาว่า…

“ถึงซอแฮ สุขสันต์วันเกิดนะ ตอนที่เธอได้อ่านไดอะรี่นี้ฉันคงจะตายไปแล้ว อย่าตกใจไปนะ สิ่งที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้ก็คือตัวเธอ ฟังให้ดีนะ พวกเรามีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ นั่ง UPLOADER ย้อนกลับไปยังอดีต ไปช่วยชีวิตฮันแทซุล ถ้าเขามีชีวิตรอดก็จะหยุดยั้งสงครามได้ มีแค่เธอเท่านั้นที่ทำได้…”

ซึ่งในอีพี 4 เสียงของคังซอแฮจบลงตรงประโยค ‘มีแค่เธอเท่านั้นที่ทำได้’ แต่เมื่อลองเอาข้อความในไดอะรี่หน้านั้นมาเทียบกันแล้ว จึงพบว่าข้อความในไดอะรี่ที่ซีรีส์เผยให้คนดูรู้นั้นยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้… และด้วยความสงสัย เราจึงลองถอดลายมือของคังซอแฮ และพบความหมายของข้อความประมาณว่า…

“ปกป้องคนคนนั้น โดยทำให้เขาอยู่ห่างจากซิกม่า เธอสามารถอดทนและเอาชนะสิ่งที่เกิดขึ้น…”

จุดนี้ทำให้เริ่มเข้าใจสาเหตุที่คังซอแฮฝ่าฝืนคำเตือนข้อที่ 3 จากพ่อของเธอที่บอกว่าไม่ให้เข้าใกล้ฮันแทซุลโดดเด็ดขาด นั่นก็เพราะว่าเธอเลือกที่จะเชื่อ ‘ตัวเอง’ (ซึ่งก็สอดคล้องกับคำเตือนข้อที่ 2 ของพ่อที่บอกว่าอย่าเชื่อใจใคร) เชื่อว่าสิ่งที่เธอเลือกทำนั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และสามารถช่วยหยุดยั้งสงครามที่เป็นฝันร้ายของเธอได้

นั่นทำให้นึกย้อนไปถึงคำถามที่คังซอแฮถามพ่อในอีพี 1 หลังจากห้ามไม่ให้เธอเข้าใกล้ฮันแทซุลว่า “แล้วจะทำยังไงกับแม่ ถ้าแม่ตายล่ะ” ซึ่งในตอนนั้นพ่อของเธอตอบกลับมาเพียงสั้นๆ ว่า “คนทุกคนก็ต้องตายหมดแหละ”

ทำให้ตอนนี้เราคาดเดาว่าเรื่อง ‘แม่’ ของคังซอแฮก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจฝ่าฝืนคำสั่งของพ่อและเลือกที่จะปกป้องฮันแทซุล เพราะหากเธอเลือกใช้ชีวิตตามคำบอกของพ่อ มันอาจจะเกี่ยวพันกับความเป็นความตายของแม่เธอก็เป็นได้

“อาจจะเพราะนายเป็นคนสร้าง UPLOADER ขึ้นมา ฉันมาที่นี่เพื่อปกป้องนาย และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันก็จะขัดขวางไม่ให้นายสร้าง UPLOADER”

และยังทำให้เราเข้าใจว่า ทำไมคังซอแฮถึงเคยพูดออกมาถึงสองครั้งว่า “วันนี้ไม่ใช่วันตายของฉัน” นั่นเพราะเธอรู้ว่าวันตายที่แท้จริงของเธอคือวันไหน ซึ่งการตายของเธอจะทำให้เกิดลูปวนเวียนเหมือนในซีรีส์ย้อนเวลาปกติหรือไม่ อันนี้คงต้องติดตามกันต่อไป

ติดตามเนื้อหาสนุกๆ ของ ‘ดูซีรีส์ให้ซีเรียส’ ได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้
Facebook: TheSeriousSeries.TH
Twitter: TheSeriousSerie
YouTube: The Serious Series
Website: Theseriousseries.com
สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารและสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่ Link นี้