ซีรีส์ Why Her? เจาะลึกเส้นทางสู่สายกฎหมายของ ‘โอซูแจ’ และ ‘กงชาน’
หลังจาก ซีรีส์ Why Her? ออกอากาศมาได้ 4 อีพี ก็ทำเรตติ้งพุ่งอย่างต่อเนื่องจนไปถึง 10.1% เป็นที่เรียบร้อย เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่มาแรงจนฉุดไม่อยู่ในขณะนี้เลยก็ว่าได้
แต่หลายคนที่ดู ซีรีส์ Why Her? อาจเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมตัวละครโอซูแจที่เรียนจบเพียงแค่ ม.ปลาย แต่กลับกลายมาเป็นทนายได้? หรือตัวละครกงชานที่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และอายุก็เกินเด็กแล้ว จะสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนกฎหมาย (Law School) และทำงานในสายงานดังกล่าวได้อย่างไร?
ดูซีรีส์ให้ซีเรียส จะพาทุกคนมาไขคำตอบและเจาะลึกเส้นทางสู่สายอาชีพกฎหมายของโอซูแจและกงชาน ว่าทั้งสองคนเริ่มต้นมาจากจุดไหน ระบบการเข้าเรียนกฎหมายและการสอบเป็นทนายในเกาหลีมีกฎเกณฑ์อย่างไรบ้าง
เส้นทางการเป็นทนายหญิงสุดแกร่งของโอซูแจ
หากจะพูดถึงการมาเป็นทนายของโอซูแจ แม้ว่าเธอจะเรียนจบแค่ ม.ปลาย นั้น เราต้องย้อนกลับไปถึงช่วงก่อนปี 2009 เลยทีเดียว ในช่วงเวลาดังกล่าว เกาหลียังมีการจัดสอบเนติบัณฑิต (사법 시험) หรือ Bar Examination แบบเก่า สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นทนายหรืออัยการ
โดยผู้ที่เข้าสอบจะเป็นใครก็ได้ ไม่จำกัดอายุ และไม่จำกัดการศึกษา ขอแค่สามารถทำข้อสอบผ่านได้ก็พอ เมื่อสอบผ่านแล้วก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการฝึกอบรมภาคบังคับเป็นเวลา 2 ปี ที่สถาบันวิจัยและฝึกอบรมตุลาการ (사법연수원) ดังที่เราจะสังเกตเห็นฉากที่โอซูแจเข้าอบรมได้ในช่วงต้นของ EP.2
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมาได้มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์ใหม่ เนื่องจากเกาหลีปรับไปใช้ระบบโรงเรียนกฎหมาย (Law School) แบบใหม่ ซึ่งกฎเกณฑ์ได้เพิ่มการเรียนจบนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเข้ามาด้วยจึงจะมีสิทธิ์สมัครสอบเนติบัณฑิตแบบใหม่ (변호사 시험) และต่อมาในปี 2017 ก็ได้มีการยกเลิกการสอบเนติบัณฑิตแบบเก่าไป เนื่องจากถูกมองว่าเป็น ‘ข้อสอบของคนว่างงาน’ (고시낭인) ซึ่งหมายถึงบุคคลที่ใช้เวลาในการเตรียมตัวสอบหลายปีเกินไป
ดังนั้นเมื่อไล่เรียงไทม์ไลน์ในเรื่องแล้ว เราจึงคาดการณ์ได้ว่าโอซูแจสอบผ่านเข้ามาเป็นทนายด้วยวิธีการสอบเนติบัณฑิตแบบเก่านั่นเอง โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องเรียนระดับอุดมศึกษามาก่อนเลย ซึ่งโอซูแจน่าจะสอบได้ตั้งแต่ก่อนปี 2012 แล้ว ก่อนที่จะมาว่าความให้กับกงชานในเวลาต่อมา
เมื่อได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแล้ว โอซูแจจึงได้เริ่มเข้ามาทำงานที่สำนักงานกฎหมาย TK Law Firm ในตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมาย (Junior Associate) ซึ่งจะได้รับเงินเดือนตามตำแหน่ง และถ้าหากได้เลื่อนขั้น เงินเดือนก็จะเพิ่มตามไปด้วย สำหรับตำแหน่งทนายความหุ้นส่วน (Partner) ถือว่าเป็นตำแหน่งสูงสุดและมีประสบการณ์ทำงานมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี นอกเหนือจากเงินเดือน ทนายความหุ้นส่วนจะได้รับเงินปันผลเพิ่มเข้ามาอีกด้วย
นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าการขึ้นเป็นทนายความหุ้นส่วน TK ของโอซูแจมีความสำคัญในการประสบความสำเร็จของเธอ ทั้งเรื่องเงินทองและฐานะทางสังคมที่ได้รับการยอมรับ
เส้นทางการเข้าเรียนโรงเรียนกฎหมายของกงชาน
สำหรับการเรียนกฎหมายระดับอุดมศึกษาในโรงเรียนกฎหมาย (Law School) ของเกาหลีจะค่อนข้างแตกต่างจากไทย
การเรียนนิติศาสตร์ของเกาหลีในระดับอุดมศึกษาจะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ
1. วุฒิ J.D. (Juris Doctor)
จะต้องเรียนทั้งหมด 3 ปี เนื่องจากการเรียนกฎหมายในเกาหลีถือเป็นวิชาชีพอย่างหนึ่ง ดังนั้นผู้ที่จะมาเรียนได้ต้องเรียนจบปริญญาตรีมาก่อน 1 ใบ แต่จะเป็นสาขาวิชาใดก็ได้ ถึงจะสามารถมาสมัครเรียนได้ ทั้งนี้ มีมหาวิทยาลัยเพียง 25 แห่งเท่านั้นที่ได้รับคัดเลือกให้ใช้ระบบโรงเรียนกฎหมายแบบ J.D. ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนกฎหมาย ปี 2007
การเรียนกฎหมายในระบบนี้สามารถเริ่มเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ตนเองพร้อม และไม่จำกัดอายุ ขอแค่มีใจรักก็มาสมัครคัดเลือกได้ทันที โดยเกณฑ์การรับเข้าเรียน ได้แก่ เกรดเฉลี่ย คะแนนสอบภาษาอังกฤษ คะแนนสอบ Legal Education Eligibility Test (LEET) การเขียนเรียงความ การสอบสัมภาษณ์ และอื่นๆ
2. วุฒิ LL.B. (Legum Baccalaureus)
เมื่อก่อนเกาหลีเคยใช้ระบบนี้ทั้งประเทศ ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนในปี 2009 โดยระบบนี้จะเรียนทั้งหมด 3 ปี ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาตรีมาก่อน จบแค่มัธยมก็สมัครเรียนได้แล้ว สำหรับประเทศไทยก็ใช้ระบบนี้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ผู้ที่จะมาเรียนสามารถสมัครสอบได้ผ่านการสอบซูนึง (수능) หรือ CSAT ซึ่งก็ไม่จำกัดอายุในการสมัครสอบเหมือนกัน ส่วนมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนก็จะเป็นมหาวิทยาลัยที่เหลือนอกเหนือจาก 25 แห่งก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี ผู้ที่เรียนระบบนี้ยังไม่สามารถไปสอบเนติบัณฑิตได้ทันที เนื่องจากไม่ใช่หนึ่งใน 25 โรงเรียนกฎหมายที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการเกาหลี
ดังนั้นเมื่อกงชานถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำในปี 2013 เขาจึงตั้งใจทำงานอย่างหนักและอ่านหนังสือสอบอย่างขยันขันแข็ง จนในที่สุดปี 2022 เขาก็สอบเข้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยซอจองได้สำเร็จ ซึ่งน่าจะเป็นมหาวิทยาลัยที่เรียนแล้วได้วุฒิแบบ LL.B. และเขาเองก็มีอายุครบ 27 ปีพอดี เรียกได้ว่าไม่มีใครแก่เกินเรียนจริงๆ ทั้งนี้ เมื่อจบไปแล้วเขาก็สามารถประกอบอาชีพทางกฎหมายได้ เนื่องจากไม่ได้มีข้อห้ามบุคคลที่เคยต้องโทษมาก่อนไม่ให้ประกอบอาชีพ
ถึงแม้เส้นทางของทั้งสองตัวละครจะไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ย่อท้อ มีความตั้งใจ และมุมานะอุตสาหะ จนในที่สุดก็มาถึงฝั่งฝันในเส้นทางอาชีพของตนเองได้ น่านับถือใจจริงๆ
เรื่องโดย ธนภัทร จันทร์เหม
อ้างอิง: namu.wiki, wikipedia.org, ibanet.org, blog.naver.com, lawonreal.wordpress.com