doctor-lawyer-from-surgeon-to-attorney

Doctor Lawyer จาก ศัลยแพทย์ เทิร์นมาเป็น ทนายความ ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ เรียนหนักแค่ไหน มาไขปริศนากัน!

หลังจาก Doctor Lawyer EP.1-2 ออนแอร์ ก็เรียกเรตติ้งสมราคาการกลับมารับงานซีรีส์อีกครั้งของ โซจีซบ กับบท ศัลยแพทย์ ฮันอีฮัน ที่ต้องสูญเสียทุกอย่างหลังจากเหตุการณ์ผ่าตัดที่ถูกจัดฉากขึ้น ทั้งอาชีพแพทย์ที่ไปได้ไกล และคนรักที่เตรียมจะแต่งงานด้วย จากการถูกป้ายความผิดครั้งนี้ เขาต้องวางมือจากอาชีพแพทย์ และเปลี่ยนสายไปเป็น ทนายความ ผู้เชี่ยวชาญด้านคดีความทางการแพทย์หลังจากนั้น

ในซีรีส์ Doctor Lawyer จะเห็นได้ว่า ‘ฮันอีฮัน’ กลายมาเป็นทนายความหลังจากผ่านไปแล้ว 5 ปี แล้วจากหมอ เขากลายเป็นทนายได้อย่างไร? มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง? วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกัน

ก่อนอื่นต้องเล่าถึงการเรียนแพทย์ของเกาหลีก่อนว่าค่อนข้างจะมีความคล้ายคลึงกับไทย คือการเรียนจบแพทย์ 6 ปี แล้วเรียนต่อเฉพาะทางสาขาที่สนใจประมาณ 3-4 ปี แต่สำหรับการเรียนกฎหมายของเกาหลีนั้นมีความซับซ้อนและแตกต่างจากประเทศเรา

doctor-lawyer-from-surgeon-to-attorney

การสอบเนติบัณฑิต

การที่จะเป็นทนายในประเทศเกาหลีนั้น แรกเริ่มเดิมทีจะต้องสอบ 사법시험 (Bar Examination of South Korea) หรือการสอบเนติบัณฑิต โดยทุกคนสามารถสอบได้ ไม่ว่าจะเรียนคณะใด หรืออายุเท่าใหร่

หลังจากนั้นจะต้องเข้าอบรมตุลาการ หรือ 연수원 (Judicial Research and Training Institute) เป็นเวลา 1 ปี จึงจะสามารถประกอบอาชีพทนายได้ แต่หลังจากวันที่ 31 ธันวาคม 2017 ได้มีประกาศให้ยกเลิกการสอบเนติบัณฑิต

เมื่อไม่มีเนติบัณฑิตแล้ว Law School คือคำตอบเดียว

การยกเลิกการสอบเนติบัณฑิตทำให้เส้นทางที่จะประกอบอาชีพทางกฎหมาย ตัวอย่างเช่น ทนาย จึงเหลืออยู่วิธีเดียว คือการเข้าศึกษา Law School เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นการศึกษาระดับปริญญาโท ก่อนที่จะสอบตั๋วทนาย หรือ 변호사시험 ต่อไป 

โดยการเข้าเรียน Law School สามารถแบ่งออกเป็นประเภทได้ ดังนี้

1. เรียนจบจากคณะนิติศาสตร์ และเรียนต่อ Law School ได้ทันที

2. เรียนจบจากคณะอื่นๆ โดยจะแบ่งออกเป็นสองกรณี คือเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่มีคณะนิติศาสตร์ และเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่ไม่มีคณะนิติศาสตร์

โดยทั้งสองแบบจะต้องใช้ผลสอบ Legal Education Eligibility Test (LEET) หรือการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษากฎหมาย รวมไปถึง GPA, ผลสอบภาษาอังกฤษ, จดหมายแนะนำตัวเอง และ การสอบสัมภาษณ์ เพื่อที่จะได้เข้าเรียนใน  Law School เป็นเวลา 3 ปี ก่อนที่จะสอบตั๋วทนายให้ผ่าน ตามลำดับ

ดังนั้นเมื่อวิเคราะห์จากไทม์ไลน์เวลาของฮันอีฮัน ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน คือช่วงปี 2017 ถ้าเขาสามารถสอบเนติบัณฑิตผ่านในปีนั้น ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มีการจัดสอบ และเข้าอบรมตุลาการ อีก 1 ปี เขาจะสามารถเป็นทนายได้ภายใน 2 ปี แต่ถ้าเขาสอบในปี 2017 ไม่ผ่าน หรือไม่ได้เข้าสอบในปีนั้น จะเหลืออยู่ทางเดียวคือการเรียนต่อใน  Law School และสอบตั๋วทนาย โดยจะใช้เวลาอย่างน้อย 4 ปี

doctor-lawyer-from-surgeon-to-attorney

และเมื่อเราลองมาคำนวณระยะเวลาทั้งหมดที่ฮันอีฮันได้เรียนมาอย่างคร่าวๆ แล้ว เขาจะต้องจบจากคณะแพทยศาสตร์ 6 ปี แพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมทั่วไป 3-4 ปี ศัลยกรรมทรวงอก 4 ปี สอบเนติบัณฑิตและอบรมตุลาการ หรือเข้าเรียน Law School แล้วสอบตั๋วทนาย อีกอย่างน้อย 2-4 ปี รวมแล้วอย่างน้อยจะต้องเรียนประมาณ 15-18 ปี เรียกได้ว่าเรียนทั้งชีวิตกันเลยทีเดียว

เรื่องโดย ธนัชชา เหมืองหม้อ
อ้างอิง:
blog.naver.com, edupolnews.com, m.blog.naver.com

ติดตามเนื้อหาสนุกๆ ของ ‘ดูซีรีส์ให้ซีเรียส’ ได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้
Facebook: TheSeriousSeries.TH
Twitter: TheSeriousSerie
YouTube: The Serious Series
Website: Theseriousseries.com
สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารและสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่ Link นี้