Our Blues EP.5 การยุติการตั้งครรภ์ ทางเลือกที่ยากจะตัดสินใจของคุณแม่วัยใส

Our Blues EP.5 เป็นการพูดถึงเรื่องความรักในวัยเรียนที่ดูจะเป็นสิ่งสวยงาม และเราอยากให้มันคงอยู่ตลอดกาล แต่หากวันหนึ่งเราเจอปัญหาที่ต้องตัดสินใจ มันก็อาจเกิดคำถามขึ้นในใจว่า ‘เรารักกันขนาดนั้นจริงหรือ’

บังยองจู เด็กสาววัยมัธยมที่เบื่อหน่ายชีวิตในเชจูเต็มทน การที่ต้องทำอะไรเดิมๆ พบเจอผู้คนเดิมๆ ทุกวันเป็นอะไรที่สร้างความอึดอัดข้างในใจจนแทบจะระเบิด ยิ่งรวมกับการที่ต้องโตมากับพ่อเพียงคนเดียว ในบางเรื่องพ่อก็ไม่สามารถเข้าใจเธอได้ทั้งหมด กำแพงที่กั้นระหว่างพ่อลูกนับวันยิ่งสูงขึ้น พร้อมด้วยการแสดงท่าทีว่ารำคาญพ่อเพื่อปัดเขาออกจากชีวิต ซึ่งก็เป็นธรรมดาของเด็กในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่กำลังจะบรรลุนิติภาวะ ที่คิดว่าตัวเองสามารถจัดการสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้

แต่ถึงเชจูจะอึดอัดมากเพียงใด จองฮยอนกลับกลายเป็นความสบายใจเดียวของบังยองจู เขาเข้ามาทำให้ชีวิตของบังยองจูมีเรื่องราวและความทรงจำดีๆ เกิดขึ้นมากมาย ถึงแม้ว่าจะต้องคบกันอย่างหลบๆซ่อนๆ เพราะพ่อของทั้งคู่ดันเป็นคู่กัดที่ไม่เคยชอบหน้ากันเลยสักครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรักของทั้งคู่น้อยลง และแล้วปัญหาใหญ่ก็เกิดขึ้น กว่าจะรู้ตัว บังยองจูก็ท้องได้ 6 เดือนแล้ว

Our Blues EP.5 หยิบประเด็นเรื่องความรักในวัยเรียน พ่วงด้วยปัญหาคุณแม่วัยใส มาเล่าในรูปแบบที่เรียบง่าย แต่เป็นสิ่งที่เหล่าคุณแม่วัยใสต้องเผชิญเมื่อรู้ว่าตัวเองท้อง หลายคนเลือกที่จะเก็บเด็กไว้ แต่ก็มีอีกหลายคนเลือกที่จะยุติการตั้งครรภ์ด้วยวิธีที่ผิดและอันตราย ซึ่งซีรีส์ Our Blues ทำให้เราประทับใจมาก เพราะเป็นการก้าวไปอีกขั้นของการเรียกร้องประเด็นสังคมอย่าง ‘การทำแท้งถูกกฎหมาย’ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้หญิงที่ยังไม่พร้อมจะมีลูก

การยุติการตั้งครรภ์ สิทธิในร่างกายของผู้หญิงที่ไม่เป็นความผิด

ความเป็น ‘เด็กเรียนดี’ ได้แปะป้ายให้ทั้งบังยองจูและจองฮยอนดูเป็นเด็กที่จะไม่ออกนอกลู่นอกทางตามความคาดหวังของพ่อและผู้ใหญ่ในเกาะเชจู ทำให้หลังจากที่บังยองจูรู้ว่าตัวเองท้อง จึงเหมือนโลกทั้งใบพังครืนหล่นลงมาทับตัวเธอและจองฮยอน ซึ่งเมื่อลองชั่งน้ำหนักก็รู้ว่าตัวเองและจองฮยอนยังไม่พร้อมที่จะเป็นพ่อแม่คน ดังนั้นทางออกของปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับทั้งคู่ ณ ช่วงเวลานี้คือการยุติการตั้งครรภ์เพื่ออนาคตของบังยองจูและจองฮยอนเอง 

ในอดีต การยุติการตั้งครรภ์ในเกาหลีเป็นสิ่งผิดกฎหมายและถือเป็นการก่ออาชญากรรมรูปแบบหนึ่ง เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายที่จะเพิ่มจำนวนประชากร แต่ในปัจจุบันรัฐบาลเกาหลีก็ได้มีการประกาศ อนุญาตให้ยุติการตั้งครรภ์ได้ก่อนอายุครรภ์ 14 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะถือว่าผิดกฎหมาย ยกเว้นในกรณีที่ถูกข่มขืน หรือมีปัญหาเรื่องสุขภาพของแม่และตัวอ่อนจะอนุญาตให้ถึง 24 สัปดาห์ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์และโรงพยาบาล)

อย่างที่ในซีรีส์ Our Blues EP.5 ได้บอกว่าตอนนี้การยุติการตั้งครรภ์ในเกาหลีไม่เป็นสิ่งผิดกฎหมายแล้ว แต่กฎหมายการยุติการตั้งครรภ์ยังอยู่ในกระบวนการเสนอร่างกฎหมายและยังไม่ตายตัว ซึ่งก็ทำให้เห็นถึงสังคมที่เริ่มมีการขับเคลื่อนในเรื่องของสิทธิสตรีมากขึ้น

ถึงแม้กฎหมายจะมีการปรับและลดความเป็นอาชญากรรมของการยุติการตั้งครรภ์ลงไปบ้างแล้ว แต่ด้วยศาสนาและวัฒนธรรมที่หล่อหลอมให้คนในสังคมเกาหลีมีทัศนคติต่อการยุติการตั้งครรภ์เป็นเรื่องผิดบาป เพราะมองว่าเด็กในท้องคือคนหนึ่งคนที่มีชีวิต เพียงแค่รอเวลาออกมาลืมตาดูโลก ตามธรรมเนียมที่คนเกาหลีมักจะนับอายุตั้งแต่อยู่ในท้อง

นั่นทำให้คนส่วนใหญ่ที่รู้ว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ก็มักจะให้เก็บเด็กไว้ หรือถ้ามีคนรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยยุติการตั้งครรภ์ ก็จะถูกสังคมประณามและเป็นที่รังเกียจ

การตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ไม่ใช่แค่เดินเข้าไปในโรงพยาบาลแล้วจะทำได้ แต่จะต้องเข้าเกณฑ์ที่สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้โดยไม่เป็นอันตราย 

บางที่จำเป็นจะต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครองเพราะความไม่ตายตัวของกฎหมาย อีกทั้งยังใช้เงินจำนวนมาก 

ยาสำหรับยุติการตั้งครรภ์จึงเป็นตัวเลือกยอดฮิตที่จะจัดการปัญหาได้อย่างง่าย แต่มีอันตรายถึงชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของบังยองจูที่ได้รับรู้ถึงอันตรายของยา ทำให้เธอตัดสินใจที่จะยุติการตั้งครรภ์ในโรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัย

การทำตัวเข้มแข็งและเด็ดขาดในการตัดสินใจของบังยองจู เป็นเพราะเธอรู้ดีว่าจิตใจของจองฮยอนอ่อนไหวเพียงใด ซึ่งความคิดที่จะเป็นพ่อคนก็แวบเข้ามาในหัวของจองฮยอน แต่เมื่อบังยองจูได้พูดดึงสติ และขอร้องว่าอย่าพูดให้เธอกลายเป็นคนไม่ดีเพียงเพราะจำเป็นที่จะต้องยุติการตั้งครรภ์ เขาก็ได้ตกตะกอนความคิดและยอมรับความจริงกับตัวเองว่า เขาและยอนจูไม่มีความพร้อมในการดูแลเด็กเล็กๆ ได้เลย และอนาคตในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในโซลก็คงจะลอยห่างพวกเขาไปตลอดกาล

เอาเข้าจริง บังยองจูก็ไม่ได้อยากยุติการตั้งครรภ์เสียทีเดียว แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่ไม่พร้อม ทั้งวุฒิภาวะ ความฝันที่อยากไปเฉิดฉายในโซล สภาพการเงิน และที่สำคัญเพราะรักจองฮยอนมาก เธอจึงเลือกที่จะยุติการตั้งครรภ์ เพราะอยากให้คนที่เธอรักได้มีอนาคตที่ดี ทั้งๆ ที่ตัวเองก็กลัวและสับสน แถมยังต้องต่อสู้กับความรู้สึกผิดจากมุมมองของคนในสังคมที่ก่อตัวขึ้นในใจ นั่นคงเป็นสาเหตุที่พอได้ยินเสียงหัวใจของเด็ก เธอก็ไม่อาจรับมือได้อีกต่อไป 

สิ่งที่ดีมากๆ ใน Our Blues EP.5 คือการยุติตั้งครรภ์ที่เป็นการตัดสินใจร่วมกันระหว่างบังยองจูและจองฮยอน ทั้งคู่ตกลงและยอมรับผลของการกระทำร่วมกัน การแสดงความรับผิดชอบและความรักของจองฮยอนด้วยการไม่ปล่อยให้บังยองจูเสียใจและลำบากอยู่คนเดียว ถึงแม้ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะรับมือกับปัญหานี้อย่างไร แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไปอยู่ข้างๆ บังยองจูที่โรงพยาบาล เป็นสิ่งที่ตอบคำถามที่ค้างคาใจของบังยองจูได้ว่า ทั้งคู่รักกันมากๆ ถึงแม้ว่าตลอดไปอาจจะไม่มีจริง หรือความรักระหว่างเด็กสองคนจะจางหายไปตามกาลเวลา แต่ในตอนนี้ขอแค่จับมือกันแน่นๆ เพื่อผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้ก็พอ

Our Blues ซีรีส์ที่ขับเคลื่อนประเด็นเรื่องเพศให้เป็นของทุกคน

เราคิดว่าใจความสำคัญที่ซีรีส์ Our Blues EP.5 ต้องการจะสื่อนอกเหนือจากเรื่องการท้องในวัยเรียนก็คือ การพยายามบอกคนดูว่าประเด็นเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมชาติที่สามารถพูดถึงได้ ไม่เพียงแค่เรื่องเพศสัมพันธ์ที่ควรส่งเสริมให้ทุกคนมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยด้วยการป้องกันที่ถูกต้อง แต่รวมไปถึงการทำให้เรื่องที่หลายคนมองว่าน่าอายอย่างการเป็นประจำเดือนสามารถพูดในที่สาธารณะได้อย่างปกติ ซึ่งก็ต้องเริ่มจากการอัพเดตวิชาเพศศึกษาให้ทันสมัยและเป็นพื้นที่เรียนรู้ พูดคุยเรื่องเพศได้อย่างเปิดเผย เพราะจากการตั้งกระทู้เพื่อปรึกษาปัญหาของจองฮยอน มันเป็นตัวสะท้อนความเป็นเด็กรุ่นใหม่และสังคมในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี การที่ไม่สามารถพูดเรื่องเพศในสังคม หรือไม่มีที่ปรึกษาปัญหาเรื่องเพศให้กับวัยรุ่น คำตอบในโลกอินเทอร์เน็ตจึงเป็นที่พึ่งพิงเดียวที่เหลืออยู่ ซึ่งอาจนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ไม่ถูกวิธีและอันตรายอีกด้วย 

นอกจากการศึกษาแล้ว รัฐบาลควรสนับสนุนการเข้าถึงสวัสดิการเรื่องเพศต่างๆ เช่น การคุมกำเนิด การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผ้าอนามัย หน่วยงานสำหรับปรึกษาหรือพูดคุยปัญหาเรื่องเพศ รวมไปถึงการยุติการตั้งครรภ์อย่างถูกกฎหมาย เพราะถึงแม้ว่าจะมีเพศสัมพันธ์โดยที่ป้องกันแล้วก็ตาม แต่ไม่มีวิธีใดบนโลกที่สามารถคุมกำเนิดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

ก็ต้องยอมรับว่าบังยองจูและจองฮยอนมีความรู้ในระดับหนึ่ง และมีความรับผิดชอบในการป้องกันตนเองแล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ขึ้น การยุติการตั้งครรภ์ควรเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้หญิง เป็นสิทธิในร่างกายและการตัดสินใจของผู้หญิงที่ทำแล้วสังคมไม่ต้องไปโยนความรู้สึกผิดให้เขา เพราะเงื่อนไขในชีวิตของคนเราต่างกัน 

และที่สำคัญต้องอย่าลืมว่าคำว่า ‘ท้องได้ก็เลี้ยงได้’ ไม่ได้แปลว่าจะเลี้ยงได้ดี ถ้าไม่ยุติการตั้งครรภ์แล้วเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งอย่างทิ้งๆ ขว้างๆ หรือไม่สามารถซัพพอร์ตเขาได้อย่างที่ควรจะเป็น สิ่งที่ตามมามันน่ากลัวกว่าการยุติการตั้งครรภ์เสียอีก เด็กที่เกิดมาอาจกลายเป็นเด็กมีปัญหา หรืออาจโตมาเป็นคนที่ทำให้เกิดปัญหาสังคมมากมาย 

การสนับสนุนให้มีการยุติการตั้งครรภ์อย่างถูกกฎหมายจึงไม่ได้แปลว่าคนจะมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ป้องกันแล้วไปทำแท้งกันสนุกๆ แต่มันคืออีกหนึ่งหนทางที่แก้ปัญหาการท้องไม่พร้อมได้อย่างปลอดภัย

เรื่องโดย อภิชญา จิราพงษ์
อ้างอิง Reuters. Human Rights Pulse, namu.wiki