Twenty-Five Twenty-One EP.7 หรือเราอยู่ในสงครามข่าวสารที่ไม่ได้สนใจความรู้สึกของเหยื่อ
เหตุการณ์ที่ดำเนินไปใน Twenty-Five, Twenty-One EP.7 ทำให้ ดูซีรีส์ให้ซีเรียส รับรู้ได้อย่างหนึ่งถึงประเด็นของเหรียญทองที่ได้มาจากความพยายามที่สุดของนาฮีโด แต่ข่าวที่ออกไปกลับกลายเป็นว่าเธอไปแย่งเหรียญสำคัญนี้มาจาก โกยูริม ที่เป็นนักกีฬาฟันดาบขวัญใจคนทั้งชาติ
ซึ่งมันก็คือเรื่องของข่าวสารที่เป็นความจริงในมุมของที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าข่าวนั้นมาจากแหล่งที่มาทางไหน อคติความเอนเอียงในใจเป็นอย่างไร และเมื่อเป็นข่าวที่ออกมาจากสื่อโทรทัศน์ที่ได้รับความเชื่อถือในยุคสมัยนั้น เราในฐานะผู้รับสารก็ควรเชื่อ
และคนที่จะเชื่อความคิดเห็นของฝ่ายไหน แง่มุมอะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นมายาวนาน กระทั่งวงการข่าวในยุค 90 ก็ไม่ต่างกัน
เราได้เห็นใน Twenty-Five, Twenty-One ชัดเจนว่าแม้จะมีความน่าเชื่อถือ แต่กระบวนการทำงานของสถานีโทรทัศน์ยังมีปัจจัยเรื่องเรตติ้งจนทำให้หน้าที่ของสื่อในการสะท้อนสังคม บางครั้งกลับกลายมาเป็นผู้ชี้นำสังคมเสียเอง กรณีของนาฮีโดกับโกยูริมก็เป็นเหมือนดราม่าอันหอมหวานที่จะช่วยเรียกเรตติ้งให้ช่องข่าวที่ ‘เป่ายิ้งฉุบ’ เลือกรายการถ่ายทดสดได้กีฬาฟันดาบที่คนดูน้อยที่สุด การพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการขยี้ข่าวนี้จนกลายเป็นประเด็นร้อนทั้งประเทศ มุมหนึ่งก็ต้องเรียกว่าใช้โอกาสความไม่ชัดเจนจากภาพการถ่ายทอดสด และการแย้งข้อตัดสินของโกยูริม นักกีฬาขวัญใจคนเกาหลี มาเป็นมูลเหตุให้เกิดดราม่าถกเถียงกันไปใหญ่โต
ถ้าไม่มีนักข่าวแบบแพคอีจิน เป็นไปได้ว่านาฮีโดอาจถอดใจจากกีฬาฟันดาบ เลิกสู้ต่อ และเกาหลีจะไม่มีนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกจากกีฬาฟันดาบในอนาคต
กระทั่งโกยูริมก็อาจมีแผลใจจนทำให้เส้นทางการเป็นนักกีฬาฟันดาบไม่สวยงามอย่างที่เคยเป็น และมันก็เท่ากับฝันที่หนักแน่นที่สุดกำลังเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา เพียงเพราะว่าเธอไม่อยากแพ้
การกระทำสิ่งหนึ่งย่อมส่งผลกระทบต่ออีกสิ่งอยู่เสมอ เรื่องราวใน Twenty-Five, Twenty-One เราอาจจะยังโชคดีที่แพคอีจินบังเอิญไปเจอผู้ตัดสินก่อนการแข่งขัน จนนำมาสู่บทสัมภาษณ์ที่พลิกสถานการณ์ให้นักกีฬาเหรียญทองตัวจริงกลับมามีกำลังใจได้อีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนในการสะท้อนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในการรายงานข่าวทั้งสองด้านอย่างตรงไปตรงมา
ชีวิตเราเองก็อาจเกิด ‘ความจริงไม่สมบูรณ์’ แบบนี้ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าถึงวันที่เราเจอกับหลุมชีวิตแบบนี้แล้วจะเอายังไงกับมันต่อ ตีโพยตีพายโทษทุกอย่างแล้วเลิก หยุด พอ หรือจะยังเดินหน้าสู้ต่อ เพราะเชื่อในความถูกต้องของตัวเอง
นั่นหมายรวมถึงตัวเราเองในฐานะคนดูด้วยว่าจะรับฟังข่าวสารอย่างเป็นกลาง ให้โอกาส ให้น้ำหนักในความจริงที่ปรากฏอย่างไร เพราะท่ามกลางโลกข่าวสารทุกวันนี้ ความจริงอาจกลายเป็นเรื่องโกหกทันทีเมื่อออกจากมุมที่แตกต่าง แล้วเราจะบาลานซ์ตัวเองไว้ตรงไหน