Hometown Cha-Cha-Cha EP.5-6 แด่วัยเยาว์ที่ผ่านพ้น และตัวตนที่หลงลืม
Hometown Cha-Cha-Cha EP.5-6 เริ่มเดินเครื่องด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นขึ้น มาพร้อมปริศนาและอดีตของตัวละครให้ติดตาม และการเรียนรู้ชีวิตในแง่มุมที่แตกต่าง ทำให้ตอนนี้ซีรีส์โรแมนติกคอเมดี้พล็อตง่ายๆ กลับซ่อนอะไรเหนือชั้นกว่านั้น ไม่ใช่เพียงการพาผู้ชมไปดูความแตกต่างระหว่างความคิดหรือวิถีชีวิตของคนเมืองและชนบทอีกต่อไป
เพราะภายใต้สายลม แสงแดด และเสียงคลื่นที่รายล้อมหมู่บ้านกงจิน Hometown Cha-Cha-Cha ยังพาผู้ชมเข้าไปสำรวจ ‘ตัวตน’ ของแต่ละคนที่ค่อยๆ บอกเล่าเรื่องราวภายในใจมากขึ้น พร้อมกับหลอมรวมผู้ชมให้กลายเป็นชาวกงจินที่พร้อมแบ่งปันความสุข ความเศร้า ความเหงา ความฝัน ไปจนถึงความเจ็บปวดในอดีตที่อาจมี และเสียงเต้นของหัวใจระหว่างกัน
“ใช้ชีวิตให้เรียบง่ายเถอะ แบบนี้ไม่เหนื่อยเหรอ”
สำหรับฮเยจิน การผูกสัมพันธ์กับใครสักคนไม่ว่าจะในสถานะไหนไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างที่เราเห็นมาตั้งแต่ต้นว่าเธอดูไม่ได้เปิดรับใครเข้ามาสนิทสนมมากนัก และยังมีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวคือพโยมีซอน
Hometown Cha-Cha-Cha EP.5-6 เป็นช่วงเวลาที่เราได้เห็น ‘ไม้บรรทัด’ ที่ฮเยจินใช้ชัดเจนขึ้น เพราะนอกจากหน้าตา ส่วนสูง การศึกษา อาชีพ ที่เพื่อนสนิทบอกว่าจุกจิกแล้ว ฮเยจินยังมองลึกไปถึงตำแหน่งทางสังคม ไลฟ์สไตล์ ทัศนคติ ฯลฯ โดยเธอให้เหตุผลว่า “เพราะคบทุกคนไม่ได้ จึงต้องกรองให้มากที่สุด”
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล Hometown Cha-Cha-Cha ได้ให้คำตอบกับผู้ชมมาแล้วเช่นกันว่า เพราะ ‘ความหลังฝังใจ’ ของเธอกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในอดีต จึงทำให้เธอค่อยๆ ใช้ไม้บรรทัดนี้วัดและกรองคนที่เข้ามาในชีวิตอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น
ไม่เว้นแม้แต่หัวหน้าฮงที่เธอตัดสินเขาจากสิ่งที่เห็นภายนอกตามประสาคนเมืองที่มีเกณฑ์ในการวัดคุณค่าของคนจากความสำเร็จที่มองเห็นและจับต้องได้ เหมือนที่เธอต้องนั่งปั้นหน้าฟังความสำเร็จของเพื่อน (ไม่จริง) ในงานแต่งงานที่ควรจะอบอวลไปด้วยความสุข ความยินดี แต่กลับกลายเป็นการหยิบไม้บรรทัดขึ้นมาวัดคุณค่าของกันและกัน
ทำให้หลังจากที่ฮเยจินรู้ว่าหัวหน้าฮงเรียนจบวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโซล ซีนแก้โจทย์แก้ใจในร้านอาหารเมืองข้างๆ จึงเป็นการแลกเปลี่ยนความหมายของ ‘คุณค่า’ ที่แตกต่างกันของแต่ละฝ่ายโดยไม่มีถูกไม่มีผิด
คุณค่าของเธอ คือการลงแรงและได้รับสิ่งตอบแทนเป็นเงินและความสำเร็จ
คุณค่าของเขา คือความสุข ความพอใจในตัวเอง ความสงบสุข ความรัก
“ชีวิตคนเราไม่ใช่สมการเลข มันไม่ได้คำนวณออกมาได้เหมือนแคลคูลัส และไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง” ในเมื่อโจทย์ที่แต่ละคนได้รับไม่มีทางเหมือนกัน และในบางครั้งโจทย์ชีวิตเหล่านั้นก็เข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัวเหมือนพายุฝน ลองปล่อยให้ตัวเองคำนวณออกมาถูกบ้างผิดบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
เพราะสำหรับชีวิต ใช่ว่าจะใช้สมการที่ยาก แล้วจะได้มาซึ่งคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเสมอไป
หลงทางบ้างก็ได้
Hometown Cha-Cha-Cha EP.5-6 เป็นการปรากฏตัวของ พีดีจีซองฮยอน หรือ ‘รุ่นพี่’ ของฮเยจินที่หลายคนรอคอย ไม่เพียงแต่จะทำให้เราเห็นว่าเขาเป็นคนเนิร์ดเรื่องอาหาร แต่ซีรีส์ยังนำเสนอความเป็น ‘คนเมือง’ ขั้วตรงข้ามกับฮเยจินให้เราเห็นด้วย
คนเมืองที่เรียบง่าย สบายๆ เปิดกว้าง ไม่ยึดติดอะไร สามารถนั่งกินข้าวและพูดคุยเรื่องทั่วไปกับคนแปลกหน้าได้อย่างสะดวกใจ ดูเป็นมิตร มองโลกสวยงาม
“ถ้าบ้านคุณย่าของผมอยู่ที่ชนบทก็คงจะหน้าตาแบบนี้” ประโยคนี้ของซองฮยอนทำให้เราเข้าใจว่าเขาน่าจะเกิดและเติบโตในเมืองใหญ่ที่มีแต่ความเร่งรีบมาตลอด การได้สัมผัสกับวิถีชีวิตที่ช้าลง มองสิ่งรอบตัวด้วยสเต็ปปกติ ซึมซับและบันทึกความสวยงามของธรรมชาติผ่านสองตาและเลนส์กล้องจึงน่าจะเป็นสิ่งที่เขาโหยหาอยู่ในใจ เช่นเดียวกับคนเมืองหลายคนที่ปัจจุบันโหยหาความเนิบช้าและอยากพาตัวเองไปอยู่ต่างจังหวัดที่สงบสุขและเรียบง่าย
แม้จะสารภาพกับหัวหน้าฮงว่าการเดินทางมากงจินไม่ใช่ความตั้งใจและจุดมุ่งหมายของเขา แต่เพราะ ‘หลงทาง’ จึงทำให้เขาได้พบเจอกับ ‘ความสนุก’ ที่ตามหา จนเดินทางมาที่นี่เป็นครั้งที่ 4
“มันก็แค่หลงทางหรือเดินอ้อมเองนี่ครับ พอใช้ชีวิตแบบนั้นแล้ว ชีวิตก็พาผมไปยังเส้นทางที่สนุกเอง”
แม้จะยังไม่รู้ว่าพีดีชื่อดังอย่างเขาเดินทางมาทำอะไรในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ แต่หนึ่งสิ่งที่เราสัมผัสได้คือเขาเป็นคนหนึ่งที่มีทัศนคติเปิดกว้าง รู้จักการมีความสุขแบบเรียบง่าย และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนเส้นทางให้ตัวเองเสมอ หลงทางก็ไม่เป็นไร แค่เปิดใจให้ชีวิตได้ลองสนุกกับความสุขระหว่างทางก็พอ
ดอกไม้ที่ไม่มีวันร่วงโรย
“แปลกดีนะคะ สมัยสาวๆ ฉันไม่เคยเหลียวมองมันเลยแท้ๆ”
“ก็ตอนนั้นเรางดงามเหมือนดอกไม้แล้วไง”
“นั่นสินะ จากนี้ก็จะไม่เบ่งบานไปกว่านี้แล้ว เหลือแต่ร่วงโรยไปอย่างงดงาม”
บทสนทนาระหว่างทางของสาวสาวสาวออรือชินที่เหมือนจะเป็นการชื่นชมดอกไม้ริมทางธรรมดาทั่วไปใน Hometown Cha-Cha-Cha กลับก่อให้เกิดคลื่นความรู้สึกขนาดย่อมในใจโดยไม่รู้ตัว พลันทำให้เรานึกถึงภาพของแก๊งออรือชินที่กำลังบานสะพรั่งเป็นสาวแรกแย้มที่งดงามเหมือนดอกไม้อย่างที่พวกเธอพูดคุยกัน
ในตอนนั้นพวกเธอทั้งสามคงไม่ต่างอะไรจากบรรดาหนุ่มสาวที่เดินกระฉับกระเฉง มีจังหวะชีวิตที่เร่งรีบและยากลำบาก มุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อความฝันและครอบครัว จนไม่มีเวลาเหลียวมองดอกไม้ริมทางที่กำลังบานสะพรั่งบนถนนที่พวกเธอเดินผ่านทุกๆ วัน
หมู่บ้านกงจินไม่ใช่หมู่บ้านใหญ่ ทุกครอบครัวรู้จักกัน นับประสาอะไรกับดอกไม้ดอกเล็กๆ เหล่านี้ที่จะเบ่งบานอยู่ตรงไหน ทำไมจะไม่มีใครรู้
จนกระทั่งกาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน จังหวะชีวิตของพวกเธอค่อยๆ ผ่อนช้าลงตามสังขาร ภาพดอกไม้บานระหว่างทางที่ไม่เคยสังเกตเห็นจึงค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นมาทีละนิด จนพวกเธอต้องหยุดชื่นชมมันด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข
เช่นเดียวกันกับหัวหน้าฮงที่กดชัตเตอร์เก็บภาพ ‘ดอกไม้ทั้งสามแห่งกงจิน’ เอาไว้ เพราะสำหรับเขา นี่คือความงดงามที่แม้วันเวลาก็ไม่พรากวัยเยาว์ของผู้คนไปได้ แต่กับร่องรอยของประสบการณ์ชีวิตและกาลเวลาบนใบหน้า นี่ต่างหากคือความงดงามของชีวิตมนุษย์
“ถ้าอยากจะถ่ายก็ถ่ายดอกไม้นี่สิ จะถ่ายหน้าคนแก่ๆ ไปทำไม”
“ไม่ต้องห่วงหรอก สวยกว่าดอกไม้ซะอีก”
บรรยากาศเรียบๆ บทสนทนาสั้นๆ ที่แม้จะต้องตะโกนคุยกัน แต่กลับอิ่มเอมใจ เราเห็นด้วยกับหัวหน้าฮงที่บอกว่าพวกเธอสวยกว่าดอกไม้ แม้จะไม่เบ่งบานไปมากกว่านี้และกำลังรอวันร่วงโรย แต่สีหน้าเปื้อนยิ้มของพวกเธอที่ถูกหัวหน้าฮงบันทึกไว้จะไม่มีวันเลือนหายไปจากกงจินเหมือนดอกไม้ริมทางเหล่านั้นแน่นอน
“อย่ารีบโตเลยนะ”
นอกจากเส้นเรื่องความสัมพันธ์ของหัวหน้าฮงและฮเยจินแล้ว Hometown Cha-Cha-Cha EP.5-6 ยังสอดแทรกความสัมพันธ์ชวนอึดอัดของ ยอฮวาจอง ผู้นำชุมชนหญิงที่ภายนอกดูแข็งแกร่ง ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด แต่ในใจลึกๆ แล้วเธอยังไม่แน่ใจกับการตัดสินใจในอดีต
เรื่องราวการหย่าร้างของฮวาจองและอดีตสามี จางยองกุก ค่อยๆ เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ แม้สาเหตุจะยังคงเป็นปริศนาลี้ลับที่ชาวกงจินยังไม่รู้แน่ชัด แต่สิ่งที่ค่อนข้างชัดเจนคือ ‘ใจของเธอ’ ที่แม้กระทั่งนัมซุกช่างเมาท์ยังรู้ และเอ่ยปากออกมาว่าจะช่วย ‘ชง’ ให้เธอคืนดีกับอดีตสามี
ตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง การกระทำของนัมซุกสูญเปล่า ในเมื่อฮวาจองไม่กล้ายอมรับเสียงเรียกร้องในใจของตัวเองออกมาตรงๆ
การเป็นผู้ใหญ่ไม่สนุก โดยเฉพาะการเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องอดทนอดกลั้นต่อความรู้สึกที่ไม่สามารถบอกใครได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการเครียดจนปวดกรามที่ทำให้เธอไม่สบายตัว ผมหงอกที่ทำให้เธอไม่สบายใจ หรือแม้กระทั่งอดีตสามีที่ทำให้เธอเจ็บปวดใจ
“แม่เสียดายน่ะ แม่ไม่อยากให้ลูกชายของแม่โต”
หากฟันแท้เปรียบกับการเป็นผู้ใหญ่ ฮวาจองที่ยอมรับกับลูกชายตัวน้อยตรงๆ ว่าเสียดายและไม่อยากให้ลูกชายของเธอโต ความหมายของเธออาจหมายถึงการที่แม่คนหนึ่งอยากเห็นรอยยิ้มไร้เดียงสาที่มีความสุขของลูกต่อไปให้นานอีกหน่อย หรืออาจหมายถึงการโตเป็นผู้ใหญ่มีความเจ็บปวดมากมายรอลูกชายของเธออยู่ และเธอไม่อยากให้เขารีบโตไปเจอกับความเจ็บปวดนั้น
เพราะแม้จะรู้ว่าตัวเองกำลังเจ็บ แต่ถ้ารักษาไม่ตรงจุดที่เจ็บและไม่รู้ว่าตัวเองกำลังปวดตำแหน่งไหนมากกว่ากัน ไม่ว่าฟันหรือหัวใจ สุดท้ายก็อาจจะกลายเป็นความเรื้อรังแบบที่เธอกำลังเผชิญ
ความรักที่เราอาจไม่รู้
การหนีออกจากบ้านมาค้างคืนกับฮเยจินของจูรีเป็นอีกหนึ่งซีนใน Hometown Cha-Cha-Cha ที่ทำให้เราได้เห็นอดีตอีกด้านของฮเยจิน แม้เธอจะดูเข้มงวดกับชีวิต ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่คิด หนึ่ง สอง สาม สี่ แต่เธอก็ยังมีช่วงเวลาที่หนีออกจากบ้านเหมือนกับเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ ทั่วไป
และการหนีออกจากบ้านของผู้หญิงต่างวัยทั้งสองยังมี ‘พ่อ’ เป็นปัจจัยเดียวกัน พ่วงมากับปมชีวิตที่ไร้ ‘แม่’ ฮเยจินที่เสียแม่ไปตั้งแต่เด็กๆ เพราะโรคร้าย ในขณะที่จูรีไม่มีโอกาสจะได้สัมผัสหรือเจอแม่สักครั้ง และทำได้เพียงมองดูผ่านรูปถ่าย
ในกรณีของจูรี การหนีออกจากบ้านของเธอมาจากความต้องการ ‘จัดฟัน’ เธออยากเอาเขี้ยวเล็กๆ ที่ทำให้ไม่มั่นใจออกไป เพื่อที่จะได้กล้ายิ้มให้กับหนุ่มที่ชอบ แต่การบอกเหตุผลนี้กับพ่อสำหรับเด็กสาววัยหัวเลี้ยวหัวต่อก็คงจะไม่ได้
แม้การหนีออกจากบ้านของจูรีจะทำให้ฮเยจินต้องปวดหัวอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้เรารู้ว่าชุนแจที่พยายามทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับจูรีตั้งแต่วันแรกที่เธอลืมตาดูโลกนั้นรักเธอมากขนาดไหน
แม้หลังจากเหตุการณ์หนีออกจากบ้านจะทำให้ทั้งคู่ปั้นปึ่งใส่กันอยู่พักหนึ่ง แต่ในงานเทศกาลประภาคารที่จูรีเจ็บขาจนเดินไม่ไหว แต่อยากคุยกับ จุน วง D.O.S ที่เธอชื่นชอบสักครั้ง ก็เป็น ‘พ่อ’ คนนี้นี่แหละที่รีบวางกีตาร์ไว้กับพื้น และบอกให้เธอขี่หลัง วิ่งไปหาจุนแบบไม่คิดชีวิต
พ่อที่เป็นหมอนรองกระดูกเคลื่อน พ่อที่ทุกคนรู้ดีว่าเขามีความฝันในการเป็นนักร้องยิ่งใหญ่แค่ไหน ซีนที่กล้องแพนให้เห็นกีตาร์ตัวโปรดของเขาวางอยู่บนพื้นคือซีนที่ทัชหัวใจ ไม่ว่าความฝันของเขาจะยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ความฝันและความสุขของลูกสาวต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญและล้ำค่ากว่าอะไรทั้งหมด
เช่นเดียวกับพ่อของฮเยจินที่แม้จะโผล่มาเพียงสั้นๆ แต่ภาพที่เขาถอดแจ็กเก็ตคลุมให้ลูกสาวหลังลงจากรถบัส และพูดแค่ว่า “ตอนกลางคืนอากาศเย็น กลับบ้านกันเถอะ” มันคือความอุ่นวาบที่พุ่งผ่านเข้ามาในใจแบบที่ไม่ต้องทำอะไรให้มากความ
ฝันร้าย และ 5 ปีที่หายไป
ความเหนือชั้นของ Hometown Cha-Cha-Cha เริ่มชัดเจนว่านักเขียนทำการบ้านมาดี และใส่ใจในรายละเอียดสุดๆ โดยเฉพาะประเด็นปัญหาทางด้านจิตใจ ที่ใน EP.5-6 มีการเฉลยปมแล้วว่าหัวหน้าฮงไปโซลเพื่อพบจิตแพทย์ตามนัด
“คุณยังฝันแบบนั้นอยู่ไหม”
เพียงแค่คำถามเดียวของจิตแพทย์ก็อธิบายอดีตของผู้ชายที่ทำได้ทุกอย่าง ความเจ็บปวดที่อาจมากล้นจนเขาต้องหาอะไรทำให้ไม่ว่าง และไม่มีเวลาพอมาคิดถึงมัน
เมื่อรวมกับเบาะแสก่อนหน้านี้ ในเรื่องของเสื้อสูทที่อยากทิ้ง การไม่สามารถเลี้ยงสิ่งมีชีวิต การหายตัวไป 5 ปีหลังเรียนจบ การกลับมาทำงานสารพัดในหมู่บ้านกงจินด้วยค่าแรงขั้นต่ำ ไหนจะข่าวลือที่ว่าเขาเคยถูกขังอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช เหล่านี้น่าสนใจมากเหลือเกินว่าปมปัญหาในจิตใจอะไรที่ทำให้ผู้ชายหัวดี อนาคตไกล กลายมาเป็นหัวหน้าฮงที่ทำทุกอย่างเพื่อคนอื่น คอยเป็นที่พึ่งพิง คอยเป็นคนรับฟัง จนกระทั่งเจ้าของคาเฟ่ยังต้องบอกกับเขาว่า “รับฟังทุกคนทุกอย่าง แล้วเรื่องที่อยู่ในใจตัวเองล่ะ”
ฝันร้ายของหัวหน้าฮงคือบาดแผลทางใจแบบไหนเรายังไม่อาจคาดเดาในตอนนี้ แต่ที่แน่ๆ มันคือความโศกเศร้าที่ยากจะทำใจ และยิ่งในสังคมทุกวันนี้ที่ตัวเลขการเสียชีวิตจำนวนมากมายในแต่ละวัน เรามีความเชื่อว่า Hometown Cha-Cha-Cha กำลังบอกอะไรบางอย่างให้พวกเรามีชีวิตอยู่ต่อไป อย่ายอมแพ้กับโชคชะตา
เพราะอย่าลืมว่าตัวละครหลักล้วนมีปมปัญหากับคนในครอบครัวที่รักลาจากไปก่อนวัยอันควร ทั้งฮเยจินที่แม่เสียชีวิตด้วยโรคร้ายตั้งแต่เธอยังเด็ก หัวหน้าฮงที่เสียพ่อแม่ไปในอุบัติเหตุตอนที่เขาอายุได้ 6 ขวบ และเสียคุณปู่ไปตอนที่อยู่ชั้นมัธยม
ฉากที่หัวหน้าฮงหยิบหนังสือ What Men Live By ของ ลีโอ ตอลสตอย ออกมา ข้างในนั้นมีรูปถ่ายใบหนึ่งที่เขาเก็บเอาไว้ เพียงแค่ความกล้าจะหยิบหนังสือเล่มนี้ออกมา กล้าที่จะมองภาพถ่ายใบนั้น ความเจ็บปวดในใจเขาคงมีมากมาย บอกได้จากน้ำตาที่ไหลออกมาทันที
“มวลมนุษย์ไม่ได้อยู่ด้วยการเอาใจใส่ต่อพวกเขาเอง แต่อยู่ได้ด้วยความรัก” ในหนังสือเล่มนี้ว่าไว้ และสำหรับหัวหน้าฮงที่มีความรักหยิบยื่นให้เพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ สุดท้ายแล้วโชคชะตาคงทำให้เขาค้นพบความรักที่แท้ ที่จะทำให้เขาตื่นจากฝันร้าย และมีชีวิตทำอะไรสารพัดได้ด้วยหัวใจที่มีความสุข