Hospital Playlist 2 EP.6 ความผิดพลาด และโอกาสครั้งที่สอง
ระหว่างที่ดู Hospital Playlist 2 EP.6 ที่เรื่องราวดำเนินมาถึงครึ่งทางของซีซั่น 2 และต้องยกให้เป็นอีพีที่ดีที่สุดอีกครั้ง เพราะให้ความรู้สึกเหมือนมีเพื่อนสนิทสักคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ตบไหล่เราเบาๆ แล้วบอกว่า “ไม่เป็นไรนะ”
ผู้กำกับชินวอนโฮเคยให้สัมภาษณ์ถึง Hospital Playlist ไว้ว่า “ผมได้ยินบ่อยๆ ที่คนมักจะถามกันว่าหมอดีๆ มีอยู่จริงไหม และการที่คุณจะได้พบกับคนที่ดีได้ ผมเชื่อว่าคุณเองก็ต้องเป็นคนที่ดีด้วย การทำซีรีส์เรื่องนี้จึงเป็นความฝันของผมที่อยากให้ทุกคนบนโลกนี้เป็นคนดี”
ประเด็นหลักที่พีดีชินวอนโฮและนักเขียนอีอูจองต้องการสื่อสารออกมาก็คือการส่งกำลังใจให้กันและกัน ส่งความรู้สึกด้านบวก มอบความหวังให้ชีวิต ในช่วงเวลาที่สถานการณ์ทั่วโลกกลับเข้าสู่บรรยากาศมาคุอีกครั้ง จากโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่กำลังโจมตีเกือบทุกประเทศในเอเชีย รวมถึงเกาหลีใต้เองที่สถานการณ์กลับมาน่ากังวล จนกระทั่ง Hospital Playlist 2 เองยังต้องเลื่อนออกอากาศไปหนึ่งสัปดาห์ และเราจะได้ดู EP.7 กันต้นเดือนสิงหาคมแทน
ซึ่งเข้าใจตรงกันได้ทุกชาติทุกภาษาว่าซีรีส์ Hospital Playlist 2 คือการรักษาใจในช่วงยามนี้ได้ดีที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะคอมเมนต์จากหลากหลายพื้นที่ในเอเชียบอกตรงกันว่าอีพีนี้ทำให้น้ำตาไหลด้วยความรู้สึกที่ถูกเติมเต็ม หลายคนรู้สึกแบบนั้น เราเองก็เช่นกัน และทำการวิเคราะห์แยกแยะออกมาเป็นหลายมูลเหตุที่ทำให้เราจะวนกลับไปดูอีพีนี้อีกหลายๆ รอบ เปิดเพลง Superstar ฟังวนไปทุกๆ วันให้ใจฟูขึ้นบ้างตอนเช้า ก่อนรับข่าวสารชวนฟุบในแต่ละวัน
การเริ่มต้นใหม่
ปฏิทินอยู่ในเดือนมีนาคม 2021 โรงพยาบาลยุลเจเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง อินเทิร์นที่มาเริ่มต้นทำงานวันแรก คยออุลที่เปลี่ยนไปใส่เครื่องแบบกาวน์สั้นในฐานะเฟลโลว ดราก้อนที่กลับมาเป็นเฟลโลวแผนก NS ที่ยุลเจอีกครั้ง
เดือนมีนาคมจึงเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นใหม่ ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป และอนาคตที่อาจเปลี่ยนแปลง
ในอีพีนี้เราได้เห็นชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลยุลเจ ทั้งเด็กทารกที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้อย่างปกติธรรมดา ส่วนน้องซงจองวอนก็อดทนเข้มแข็งมากๆ ในช่วงเริ่มต้นของชีวิต
ไม่ใช่แค่ชีวิตใหม่ แต่ยังมีสัญญาณของการเริ่มต้นชีวิตคู่เกิดขึ้นจากการบอกกันอย่างตรงไปตรงมาในร้านกาแฟ Angel in Us ที่ซอนบินบอกกับซอกมินว่าไม่ต้องเก็บเงินขอแต่งงาน “พี่แค่มาแต่ตัวก็พอ” พร้อมด้วยเสียงระฆังวิวาห์ดังเป็นฉากหลัง หรือฉากที่จุนวานใช้กล้วยจิ้มไหล่จองวอน ถามแผนแต่งงาน และเอ่ยคำขอร้องว่า “ขอฉันไปอยู่ด้วยได้ไหม”
เหล่านี้คือฉากที่เปิดอีพีได้อย่างสดใส เตรียมพร้อมหัวใจให้พบเจอกับเรื่องดีและร้ายระหว่างทางที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดาในชีวิตคนเรา
โอกาสครั้งที่สอง
ถ้ามีโอกาสครั้งที่สอง..
จุนวานก็อยากจะกลับไปบอกตัวเองตอนที่เริ่มเป็นอินเทิร์นวันแรกๆ ว่าไม่ต้องไปแอบร้องไห้ในห้องน้ำเพราะเสียใจที่คนไข้ไปสวรรค์ หมอไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก เราร้องไห้ได้ แค่อย่าให้หน้าที่ของแพทย์ต้องบกพร่อง
ฮงโดก็คงอยากกลับไปอยู่ในห้องคลอดที่เขาได้ช่วยผ่าตัดเป็นครั้งแรก เพื่อที่จะทำภารกิจ ‘Richardson Out’ ให้ถูกต้อง
หญิงสาววัย 18 ปี นักศึกษาเฟรชชี่มหาวิทยาลัย คงอยากจะกลับไปใส่หมวกกันน็อก หรือเลือกคบหาผู้ชายคนอื่น จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ และจะได้เริ่มเปิดเทอมไปพร้อมกับเพื่อนๆ
ยุนบก อินเทิร์นน้องใหม่ ก็คงอยากแก้ไขเรื่องการเปลี่ยนท่อสวนจมูกคนไข้ เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนไข้นั้นๆ จะยอมรับความผิดพลาดเหล่านี้ได้หรือเปล่า
แต่ชีวิตคนเราก็แบบนี้ ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ เหมือนสายน้ำที่พัดผ่านไปแล้ว ที่เราทำได้ก็เพียงยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เก็บไว้เป็นบทเรียนหรือสิ่งเตือนใจเพื่อไม่ให้ผิดพลาดอีก เพราะคนเราให้โอกาสที่สองกับตัวเองและคนอื่นได้
“ไม่เป็นไรนะ”
ชีวิต การเรียน การทำงาน ความรัก ฯลฯ ทุกวันนี้ต้องการคนเก่ง ต้องการคนโปรดักทีฟ ต้องการอะไรที่โดดเด่นเกินมาตรฐาน ซึ่งทำไปนานๆ มันเหนื่อย และทำให้บางครั้งมีแค่คนมาพูดว่า “ไม่เป็นไร” พร้อมตบไหล่เบาๆ ก็คล้ายทลายประตูที่เก็บซ่อนความรู้สึกให้ทะลักล้นออกมา
เวลาได้รับคำปลอบใจว่า “ทำได้เท่านี้ก็เก่งแล้ว” เราคนที่ทำพลาดจะรู้ทันทีว่า “เราไม่เก่งไง” แต่ถ้าได้ยินคำพูดว่า “ไม่เป็นไร” “ร้องไห้ก็ได้ ร้องมันออกมาเลย” เราจะรู้ว่าเขาไม่ได้ปลอบ เขามองเห็นว่าสิ่งที่เราทำคือความผิดพลาด แต่มันไม่เป็นไรนะ คนเราทำผิดทำพลาดกันได้
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นของเฟลโลว เรสซิเดนท์ หรือเจ้าหน้าที่ฝึกหัดในส่วนต่างๆ ของโรงพยาบาลก็ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพราะแม้แต่ซงฮวาหรืออิกจุนที่ดูเหมือนเกิดมาแล้วเป็นอาจารย์หมอเลยก็ยังเคยทำพลาดมาแล้วทั้งนั้น
แต่ความผิดพลาดเหล่านั้นหรือเปล่าที่สอนให้เราเติบโตขึ้น ทั้งยังทำให้เราจำได้ขึ้นใจว่าไม่ควรจะผิดพลาดด้วยเรื่องเหล่านี้อีก
เคยได้ยินเรื่องนี้ไหม… แหวนแต่งงานที่มักเป็นแหวนตกทอดในตระกูล เป็นแหวนที่อาจจะไม่ได้มีราคาแพงหรือสวยงามทันสมัย แต่มันเป็นแหวนที่สะสมริ้วรอยต่างๆ ผ่านเหตุการณ์มากมายที่สร้างคุณค่า ในแบบที่ไม่มีแหวนวงไหนมาทดแทนได้ ความผิดพลาดก็เช่นกัน มันคือประสบการณ์ที่เราต้องแลกมาเพื่อเรียนรู้
“ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างจะเรียบร้อย
มีอนาคตแสนเจิดจ้ารอเธออยู่
ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างจะเรียบร้อย
เราเชื่อในตัวเธอโดยไม่กังขาเลย
เหตุผลในการใช้ชีวิตต่อไปของเธอ
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร
เพียงแค่เธอใช้ชีวิตอย่างไม่นึกเสียใจ
เท่านั้นเธอก็เป็นซูเปอร์สตาร์แล้ว”