Hospital Playlist 2 เราทำดีที่สุดแล้วหรือยัง และแม้จะต้องยอมแพ้ แต่ระหว่างทางอาจกลายเป็น ‘ความทรงจำ’ ที่ดีตลอดกาล
ถ้ายังจำกันได้ เคสน้ำตาแตกใน EP.2 ของ Hospital Playlist 2 ก็คือเคสของคุณแม่ที่อายุครรภ์ 18 สัปดาห์ ที่มีอาการถุงน้ำคร่ำแตกจนแพทย์ต้องยุติการรักษา เพราะอีกไม่นานเด็กจะคลอดออกมา และโอกาสในการรอดชีวิตมีน้อยเหลือเกิน
ดูซีรีส์ให้ซีเรียส ต้องขอขอบคุณคุณหมอเด็กตัวจริงที่มาช่วยไขความกระจ่างให้ได้รู้ในรายละเอียดของเคสนี้ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ถุงน้ำคร่ำแตก และเด็กจะต้องคลอดออกมาตามธรรมชาติ แม้ว่าอายุยังไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะมีชีวิตต่อไปได้ ตรงกับที่ในซีรีส์อธิบายไว้ว่าต้องรักษาระดับอาการให้คงที่จนอายุครรภ์ครบ 24 สัปดาห์ จึงจะคลอดเด็กให้ออกมาเติบโตภายนอกต่อไปได้
การรักษาในเคสนี้คือการรอ ระหว่างรอก็ต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อ เพราะเมื่อถุงน้ำคร่ำแตกนานๆ แม่อาจจะมีอาการมดลูกติดเชื้อได้ ทั้งยังต้องเฝ้าระวังการหดรัดตัวของมดลูก เพราะถ้ามดลูกบีบตัวก็เป็นสัญญาณว่าเด็กจะคลอด ซึ่งในอายุครรภ์เท่านี้ เด็กอาจไม่รอด ทำให้ทีมแพทย์ต้องคอยติดตามการเต้นของหัวใจเด็กในครรภ์ด้วยเช่นกัน
การที่อาจารย์หมอคนแรกบอกให้พ่อแม่ทำใจ เพราะเด็กในครรภ์มีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก จึงเป็นเรื่องที่ไม่ผิดแต่อย่างใด เพราะในทางการแพทย์ โอกาสที่เด็กจะรอดชีวิตก็ค่อนข้างต่ำจนไม่ควรเสี่ยงต่อชีวิตของคนเป็นแม่ไปอีกราย
แต่สำหรับการรักษานั้น นอกจากความเห็นแพทย์แล้วยังต้องยึดตามความต้องการของคนไข้ หรือในกรณีนี้คือพ่อแม่เป็นหลัก ถ้าหากว่าแนวทางการรักษาที่คนไข้เลือก ไม่ใช่สิ่งที่ห้ามทำหรือทำแล้วอันตราย คนไข้ก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกรักษา แม้ว่าโอกาสประสบความสำเร็จจะน้อยนิดก็ตาม
หมอซอกฮยองเองก็มีความกลัวในหัวใจอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็ให้โอกาสพ่อแม่เลือกวิธีการรักษาด้วยตัวเอง เพราะแม้จะมีเปอร์เซ็นต์รอดต่ำ แต่ก็ยังมีตัวเลขของโอกาสที่ควรจะลอง แม้ไม่อาจรู้ได้เลยว่าผลของมันจะออกมาเป็นอย่างไร แต่คุณแม่คนนี้ก็พยายามอย่างที่สุดเพื่อลูกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ
มีฉากหนึ่งที่แสดงให้เห็นชาร์ตคนไข้ที่หมอมินฮาพิมพ์แล้วอ่านเปรียบเทียบกัน ถ้าสังเกตในฉากดังกล่าว จะเห็นว่าศัพท์ทางการแพทย์ไม่ผิดเพี้ยน หรือเรียกได้ว่า SOAP ที่เห็นนั้นคือของจริงก็ว่าได้ สะท้อนให้เห็นความใส่ใจในรายละเอียดของทีมงานซีรีส์ Hospital Playlist อีกครั้ง
และเมื่อหมอซอกฮยองรับเป็นคนไข้ของตัวเอง ตัวเขาก็ต้องเคารพการตัดสินใจ และยังนับถือคุณแม่ที่ไม่ยอมลุกไปไหน ยอมนอนนิ่งๆ บนเตียงคนไข้อยู่หลายสัปดาห์เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนทารกน้อย จนในสัปดาห์ที่ 23 เท้าของเด็กก็ยื่นออกมานอกมดลูก เป็นสัญญาณว่าเด็กกำลังจะคลอด และแม้ไม่สามารถต่อสู้ยื้อชีวิตไว้ได้ ท่ามกลางเสียงร้องไห้ ความเศร้าโศกเสียใจของคนเป็นแม่ แต่ในระหว่างนั้นทุกคนก็ได้เรียนรู้
– หมอซอกฮยองได้ก้าวข้ามผ่านความกลัวว่าจะไม่ประสบผลสำเร็จในการรักษา และเรียนรู้ที่จะพยายามให้ดีที่สุดในตัวเลขโอกาสรอดที่เหลืออยู่
– หมอมินฮา สายเลือดนักสู้ที่ทำให้เธอไปขอร้องให้คุณหมอซอกฮยองช่วยรับเคสนี้ไปดูแลต่อ และมองเห็นว่าหน้าที่ของแพทย์นั้นต้องแบกรับความหวังเอาไว้บนบ่าขนาดไหน
– พ่อแม่ของเด็กก็ได้เรียนรู้ความรักระหว่างเขากับเด็กในท้อง ที่ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่เหลือยังสัมผัสถึงกันและกันผ่านเสียงเต้นของหัวใจ และการขยับตัวที่จะเป็นความทรงจำล้ำค่าที่เก็บไว้ในส่วนลึกของจิตใจ
เรื่องราวใน Hospital Playlist 2 EP.2 อาจจะพยายามบอกคนดูในช่วงเวลายากลำบากเหล่านี้ว่าเราต้องลองทำให้ดีที่สุด แม้ในโอกาสที่ริบหรี่ เพราะอย่างน้อยๆ ก็สามารถบอกกับตัวเองได้เต็มปากว่าสู้สุดหัวใจไปแล้ว และเราจะไม่เสียใจกับเส้นทางที่เลือกเดิน
ไม่มีใครหรอกที่โชคดีไปเสียทุกอย่าง เราต้องเรียนรู้ที่จะแพ้บ้างก็ได้ อย่างที่หน้าแรกในหนังสือสูติศาสตร์เบื้องต้นบอกเอาไว้
Bad Things at times do happen to good people.
บางครั้งเรื่องร้ายๆ ก็อาจเกิดขึ้นกับคนดีๆ