‘Law School’ ซีรีส์กฎหมายที่ชี้ให้คนดูเห็นช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรม

สำหรับใครที่ดู ‘Law School’ มาจนถึงอีพี 13 แล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะลุกขึ้นปรบมือพร้อมน้ำตาเอ่อๆ เพราะมันกระทบใจ กระเทือนความเชื่อและความหมายของการเป็นประชาชน เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทยระหว่างที่สถานการณ์โควิด-19 ยังรุนแรง คนทั่วไปก็เป็นเหมือนแค่ฝุ่นผงในสายตาผู้มีอำนาจในการจัดสรรและจัดหาวัคซีน ทั้งที่เป็นการสร้างความปลอดภัยในชีวิตอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน

เรื่องราวในอีพี 12-13 ที่ผ่านมาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องวัคซีนที่กำลังเป็นข่าวอยู่ตอนนี้ แต่มันสร้างแรงกระเพื่อมไปยังคนดูทั่วโลกที่ได้มองเห็นช่องโหว่ของกฎหมายที่มีไว้สำหรับคนที่ตั้งใจใช้มันเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง โดยมีซีนสำคัญๆ ที่สะท้อนหลายประเด็นออกมาได้ตรงใจประชาชนคนธรรมดาที่ไม่เข้าใจกฎหมายยากๆ และคิดว่านั่นคือหน้าที่ของผู้รักษาความยุติธรรมที่ควรจะตั้งมั่นอยู่ในอุดมการณ์ไม่ใช่หรือ?

“เขามองหาร่างกฎหมายที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเอง มากกว่าร่างกฎหมายที่จำเป็นสำหรับประชาชน” อาจารย์คิมอึนซุกพูดกับคังซลเอ หลังจากที่มอบร่างกฎหมายฉบับสำคัญให้กับ โคฮยองซู สมาชิกรัฐสภา 

ซึ่งนักการเมืองผู้มีอำนาจรายนี้รับไปสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองด้วยการจัดแถลงข่าวถึงร่างกฎหมาย ‘การยกเลิกโทษคดีหมิ่นประมาทที่เป็นความจริง’ ในวันที่มีการพิจารณาคดีเบทเทอร์ฟาร์มา (การที่เหยื่อออกมาเปิดเผยข้อมูลผู้กระทำผิดเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม) 

“การหาร่างกฎหมายที่เอื้อประโยชน์นั้น อาจารย์ก็มีส่วนช่วยเหมือนกัน” คังซลเอถามอาจารย์คิมด้วยความสงสัย

“ฉันใจร้อนเพราะมันเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความอยู่รอดของเด็กๆ ที่ไม่ได้รับค่าเลี้ยงดู.. มีส่วนช่วยเหรอ ใช่ กฎหมายอีมันโฮฉันก็ให้เขาไป ตอนนั้นถ้าไม่ได้สมาชิกสภาโคฮยองซูที่มีอิทธิพลกับคณะกรรมการตุลาการ มันคงยากที่ร่างกฎหมายจะผ่านการพิจารณา” คำตอบของอาจารย์คิมก็ทำให้คังซลเออึ้งไป เช่นเดียวกับคนดูที่ได้รับรู้อีกครั้งว่าเมื่อพูดถึงเรื่องกระบวนการยุติธรรมแล้วนั้น ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะได้มาด้วยความขาวสะอาด

ในอีพี 12-13 เป็นการคลี่คลายปมหลายคดีในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะคดีฆาตกรรมในโรงเรียนกฎหมายที่เปิดไว้ในอีพีแรก ซึ่งต้องขอชื่นชมทีมงานสร้างที่ทำให้ซีรีส์บทพูดยาวๆ ยากๆ ภาษากฎหมาย กลับเป็นความตื่นเต้นจนหลังแทบไม่ติดเบาะได้ตลอดชั่วโมง 

สำหรับคนที่เท ‘Lawschool’ ไปแล้ว เราขอบอกว่ามันคงไม่ต่างกับการเป็นประชาชนคนธรรมดาที่มองว่ากฎหมายเป็นเรื่องไกลตัว ฟังไม่รู้เรื่อง อ่านไม่เข้าใจ การที่เราจะเทซีรีส์เรื่องนี้ไปก็เป็นปกติธรรมดา 

แต่ถ้าใครที่ดูมาถึงอีพีล่าสุด ซีรีส์เรื่องนี้ก้าวไปไกลอีกระดับ จากการเป็นเรื่องราวให้ความบันเทิงไปสู่การสร้างพื้นฐานทางความรู้ในกระบวนการยุติธรรม เป็นการสร้างจุดยืนใหม่ให้ประชาชนในการได้เห็นช่องโหว่ทางกฎหมายที่เกิดขึ้น เป็นกระบอกเสียงที่พูดซ้ำๆ ย้ำๆ ว่าเราต่างมีสิทธิมีเสียงในแผ่นดินนี้ไม่ต่างกัน และจงลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมให้กับตัวเอง อย่ายอมแพ้!

ทิ้งท้ายไว้ว่า ดูซีรีส์ให้ซีเรียส จะกลับมาพร้อมปมปัญหาที่ซีรีส์ชี้ให้เห็นช่องโหว่ทางกฎหมายที่อาจเอื้อประโยชน์ให้ผู้กระทำผิด ทางแก้และความสำคัญของการมีคณะลูกขุนที่จะช่วยให้กฎหมายเที่ยงธรรมได้มากขึ้น