nice-to-not-meet-you

เตรียมใส่ใจซีรีส์ Nice to Not Meet You ย้อนจักรวาลไปรอมคอมกับ อีจองแจ และ อิมจียอน

Nice to Not Meet You คือซีรีส์ที่รอคอย เพราะนานมากแล้วที่เราไม่ได้เห็น อีจองแจ ในมุมน่ารักๆ ก่อนหน้านี้คือแต่ละบทบาทมอมแมมสู้ชีวิตสุดๆ ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้เขาจะมาในแนวโรแมนติกคอเมดี้!

อีจองแจ จะรับบทนักแสดงที่รับแต่บทเดิมๆ ฝันอยากเติมไฟให้สว่างไสวในฉายาเจ้าพ่อเมโลดราม่า ส่วนอิมจียอนรับบทนักข่าวสายการเมืองเชิงลึก แต่ต้องตุ๊บเพราะไปทำข่าวคดีทุจริตที่แบ็กใหญ่สุดๆ ทำให้เธอต้องมารับงานที่โต๊ะบันเทิงแบบไม่เต็มใจ

เรื่องย่อ:
วีจองชินทำโต๊ะบันเทิง เลยได้เจอกับฮยอนจุน ที่จริงเธอเป็นแฟนคลับของเขาแต่เมื่อได้พบตัวจริงของอิมฮยอนจุนแล้ว วีจองชินกลับรู้สึกผิดหวัง เมื่อเห็นว่าเขาแตกต่างจากตัวละครที่ชื่นชอบอย่างสิ้นเชิง

อิมฮยอนจุน (รับบทโดย อีจองแจ) นักแสดงที่ติดภาพลักษณ์จากบทบาทเดิมๆ หลังจากรับบทเป็นตำรวจน้ำดีในซีรีส์ยอดนิยมติดต่อกันมานานหลายปี แม้ในใจลึกๆ เขาจะอยากแสดงแนวโรแมนติกคอเมดี้หรือเมโลดราม่าดูบ้าง 

ฮยอนจุนได้พบกับ วีจองชิน (รับบทโดย อิมจียอน) นักข่าวสายการเมืองผู้เคยคว้ารางวัลใหญ่จากผลงานการรายงานข่าวเชิงลึก แม้จะประสบความสำเร็จและมีประสบการณ์ในสายข่าวการเมืองมานานหลายปี แต่เธอกลับถูกลดตำแหน่งให้มาทำข่าวบันเทิง ขณะติดตามทำข่าวเกี่ยวกับคดีทุจริตระดับสูง

nice-to-not-meet-you

ดูซีรีส์ให้ซีเรียส ได้สัมภาษณ์ อีจองแจ และอิมจียอน เกี่ยวกับงานใหม่สุดสดใสครั้งนี้ ซึ่งแน่นอนว่าคำถามแรกต้องถามอีจองแจแน่ๆ ว่าอะไรดลใจให้มารับซีรีส์โรแมนติกคอเมดี้

อีจองแจ: ผมรับบทแนวโรแมนติกคอเมดี้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยครับ จริงๆ ผมก็ไม่ทราบว่านี่คือครั้งแรก เพราะผมคิดว่าไม่ใช่ว่าตอนเด็กผมแสดงแนวนี้ไปเยอะแล้วเหรอ แต่กลายเป็นว่ายังไม่เคยลองแนวรอมคอมเลยครับ แล้วคุณจียอนชวนให้ผมมาลองเล่นด้วยกัน ก็เลยกลับไปลองคิดดู

หลังจากเล่นบทซองกีฮุนในเรื่อง Squid Game มาแล้ว ผมก็คิดว่าตัวละครที่จะรับเล่นต่อไปจะเป็นอะไรดี ก็คิดอยู่นานเลยครับ แล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับแนวรอมคอม 

อิมจียอน มีการเตรียมตัวเพื่อรับบทนี้อย่างไรบ้าง ประสบการณ์นี้ได้เปลี่ยนมุมมองที่คุณมีต่ออาชีพนี้บ้างไหม

อิมจียอน: ในฐานะนักแสดงซึ่งต้องให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวอยู่แล้ว ฉันพยายามสังเกตพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ 

แต่อย่างที่บอก ฉันก็ไม่อยากจำกัดตัวเองให้อยู่แค่ในภาพจำของนักข่าวแบบใดแบบหนึ่ง และพยายามโฟกัสที่เรื่องราวของตัวละครเป็นหลัก ฉันจินตนาการว่าถ้าฉันเป็นนักข่าวที่เคยทำข่าวการเมืองมาตลอด แล้วต้องเปลี่ยนมาทำข่าวบันเทิงแบบกะทันหัน ฉันจะรู้สึกอย่างไร และเพราะฉันเชื่อมาโดยตลอดว่าไม่มีนักข่าวคนใดเหมือนกันเลย ทุกคนมีสไตล์หรือแนวทางที่แตกต่างกันในการเข้าถึงประเด็นและเล่าเรื่อง แต่ในขณะเดียวกันฉันก็พยายามสังเกตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทุกครั้งที่มีโอกาสได้เจอกับนักข่าวหรือผู้สื่อข่าวตัวจริง

หลังจากรับบทนี้ ถ้าคุณย้อนไปให้คำแนะนำกับวีจองชินในการเป็นนักข่าวบันเทิง คุณจะแนะนำเรื่องอะไร

อิมจียอน: ถ้าจะให้พูดแบบเรียบง่ายที่สุด ฉันอยากบอกกับเธอว่าเธอกำลังทำได้ดีมากแล้ว เพราะตัวละครอย่างจองซินเป็นนักข่าวสายการเมืองที่มีความมุ่งมั่นจริงจัง แต่จู่ๆ ก็ถูกโยกมาทำข่าวบันเทิง ทั้งที่เธอไม่เคยเต็มใจเลย  มันเป็นสิ่งที่เธอไม่เข้าใจและไม่ได้อยากทำ แต่แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ เธอก็ยังตั้งใจทำมันอย่างดีที่สุด และมันแสดงให้เห็นการเติบโตของตัวละครนี้ เธอมีพัฒนาการเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และพยายามอย่างเต็มที่จริงๆ เพราะแบบนั้นแล้ว สิ่งเดียวที่ฉันอยากบอกเธอคงเป็นคำให้กำลังใจว่า “เธอทำได้ดีแล้วจริงๆ”

ด้วยความที่ในบทนี้ ตัวละครของพวกคุณจะโตแล้ว ความรักก็น่าจะเป็นอีกมุมมองหนึ่ง เลยอยากรู้ว่าตัวละครที่ได้รับเลือกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือว่าเรียนรู้มุมมองความสัมพันธ์ในชีวิตตนเองที่เปลี่ยนไปไหม

อีจองแจ: ผมคิดว่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างคนในเรื่อง ในแง่ของความเร่งรีบมีอยู่เยอะครับ เพราะว่าเร่งรีบก็เลยทำให้เข้าใจฝ่ายตรงข้ามผิดไป และพอจะแก้ไขความเข้าใจผิดตรงนั้นก็ต้องพยายามมากอีก แล้วพอพยายามมากๆ เข้า ก็กลายเป็นว่าทำผิดซ้ำอีก เลยกลายเป็นว่าพอจังหวะมันไม่ตรงกันทั้งสองคน ด้วยความที่เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิด เลยทำให้ความสัมพันธ์มันไม่ดี แต่จากตรงนั้นก็พัฒนาไปดีขึ้นอีกครั้ง ถึงอย่างนั้นมันก็วนกลับไปเป็นไม่ดีอีก เลยเกิดเป็นวงจรที่เกิดขึ้นซ้ำๆ แบบนี้ ซึ่งก็มีหลายจุดแบบนี้ที่น่าสนใจอีกมากในเรื่องครับ

จุดที่น่าสนใจเหล่านี้ พอมาลองคิดดูแล้ว ในชีวิตประจำวันเราเองก็น่าจะมีด้วยเหมือนกัน แล้วผมก็รู้สึกเหมือนกันว่าถ้าในอดีต หรือแม้แต่เมื่อวานนี้ ถ้าผมจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์หรือความสัมพันธ์ที่ยังไม่คุ้นเคยได้ดีกว่านี้ ก็คงจะสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับอีกฝ่ายได้มากขึ้น ดังนั้นผมก็เลยพยายามนึกถึงวิธีที่ดีที่จะสานสัมพันธ์กับอีกฝ่ายได้ โดยไร้ซึ่งความเข้าใจผิดว่าคืออะไร ซึ่งแน่นอนว่าก็จะเป็นความซื่อตรง แล้วก็ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม สิ่งเหล่านั้นน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญน่ะครับ

อิมจียอน: ฉันเองก็มีมุมมองแบบเดียวกันค่ะ เกี่ยวกับเรื่องราวของตัวละครที่เติบโตในความสัมพันธ์ที่เจ็บปวดหรือในสถานการณ์ใหม่ๆ ถึงจะเกลียดจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกว่ายิ่งเกลียดเท่าไหร่ก็ยิ่งชอบ ยิ่งรัก และยิ่งนึกถึงอยู่เรื่อยๆ ฉันรู้สึกว่าเป็นความสัมพันธ์ที่น่าสนใจมากค่ะ

ฉันเองก็มีส่วนที่รู้สึกตรงกันด้วย แต่ขณะเดียวกันก็มีส่วนที่ไม่เข้าใจด้วยเหมือนกัน น่าจะยังมีส่วนที่ฉันไม่คุ้นเคยออกมาอยู่เรื่อยๆ น่ะค่ะ ซึ่งสิ่งเหล่านั้น… ฉันอยากให้มันเป็นซีรีส์ที่แบบว่า เกลียดนะ เกลียดแต่ก็ยังอยากดู เลยกำลังพยายามตั้งใจแสดงและทำให้เป็นแบบนั้นอยู่ ดังนั้นช่วยรักซีรีส์เรื่องนี้กันเยอะๆ ด้วยนะคะ

nice-to-not-meet-you

ในเรื่องนี้มีประเด็นการได้เจอนักแสดงที่เราชอบ แต่พอเจอตัวจริงแล้วกลับไม่เหมือนกับที่เราเห็นในจอเลย ในฐานะนักแสดง คุณมองเรื่องนี้ยังไงบ้าง?

อิมจียอน: วีจองชินเป็นตัวละครที่ค่อยๆ หลงรักบทบาทของคังพิลกู ที่แสดงโดยนักแสดงอิมฮยอนจุนโดยบังเอิญ และค่อยๆ ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นแฟนคลับของเขาค่ะ ฉันก็รู้สึกแบบเดียวกันอยู่พอประมาณ และน่าจะเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้วด้วย เพราะแบบนั้นฉันเลยรู้สึกสนใจบทนี้ และตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้ค่ะ

ดังนั้นทั้งช่วงเวลาและฉากที่วีจองชินได้เจอกับอิมฮยอนจุนในฐานะแฟนคลับ ตัวตนของวีจองชินในฉากเหล่านั้นฉันมองว่าสำคัญมาก และน่าจะมีจุดที่ผู้ชมเองก็อาจจะรู้สึกแบบเดียวกันอย่าง “อา ฉันเองก็มีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน” หรือ “ตอนนี้ในฐานะแฟนคลับ ฉันก็ทำแบบนี้อยู่เหมือนกันเลยนี่นา” สิ่งเหล่านี้เป็นจุดที่สนุกในซีรีส์ของพวกเราเลยค่ะ 

อีจองแจ: หัวใจที่อยากที่จะรีบทำความเข้าใจใครอีกคนหนึ่ง จะใครเองก็คงจะมีเหมือนกันหมดครับ ดังนั้นการที่คิดว่า “อา คนนี้คงเป็นจะคนแบบนี้” จากความรู้สึกตอนเจอกันครั้งแรก หรือ “คนนั้นคงจะเป็นคนแบบนั้น” ด้วยคำพูดไม่กี่คำที่ได้ยินจากคนอื่นมา หรือนักแสดงอย่างพวกผม พอรับบทเป็นตัวละครในหนังหรือซีรีส์เรื่องใดๆ แล้วการที่ผู้ชมคิดว่า “ตัวละครที่เขาเล่นก็คือตัวตนของเขาจริงๆ นั่นแหละ” แบบนี้ มันมีอคติเหล่านั้นอยู่น่ะครับ แต่ว่าจากข้อมูลที่ได้ยินเพียงไม่กี่คำ รวมถึงการใช้ความรู้สึกของเราจากการเจอกันไม่กี่ครั้งมาตัดสินอีกฝ่ายง่ายๆ แบบนี้ 

สำหรับผมเป็นความคิดที่อันตรายอยู่ครับ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสามารถทำผิดได้บ่อยๆ อยู่แล้วในชีวิตประจำวันของเรา แต่ว่าทำผิดก็ส่วนทำผิด แต่ความพยายามที่จะเปลี่ยนความผิดเหล่านั้นให้กลับมาเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เป็นประเด็นที่อยู่ในซีรีส์ของเราครับ 

ผมเล่นเป็นนักแสดงในเรื่องนี้ก็จริง แต่เมื่อแฟนๆ มองนักแสดงคนนั้นแล้วคิดอย่างมีอคติว่า “นักแสดงอิมฮยอนจุนเป็นคนแบบนี้เองสินะ” ก็คงจะเกิดขึ้นได้ จริงๆ แล้วอิมฮยอนจุนไม่ใช่คนที่มีความคิดหรือหัวใจแบบนั้นหรอกนะ ดังนั้นฮยอนจุนเลยมีความต้องการที่จะแสดงให้เห็นด้านต่างๆ ของตัวเองมากขึ้นครับ แม้ว่าผมจะพูดถึงซีรีส์ของเราผ่านการเปรียบเทียบกับตัวละครที่เป็นนักแสดง แต่อย่างที่ผมพูดไปก่อนหน้าว่า สิ่งที่เราทำผิดอยู่เป็นประจำในชีวิตประจำวันของเรา อย่างการมองและสรุปเอาง่ายๆ ว่า “คนคนนี้เป็นแบบนั้นเองสินะ” มีอยู่มากอยู่แล้วครับ จากจุดนั้นผมเลยมองว่าการมองคนก็ต้องมองให้มาก ต้องลองคุยด้วยให้มาก ต้องอยู่ร่วมกันให้มากสิ ถึงจะเข้าใจถึงหัวใจของเขาเหล่านั้นอย่างลึกซึ้งได้

nice-to-not-meet-you

ซีรีส์เรื่องนี้เล่นกับประเด็นเรื่องภาพลักษณ์และตัวตนในฐานะนักแสดง คุณเคยรู้สึกไหมว่าตัวเองถูกจำกัดให้อยู่ในบทบาทหรือภาพลักษณ์แบบใดแบบหนึ่งอยู่ตลอด และคุณรับมือกับมันอย่างไร?

อีจองแจ: ผมคิดว่ามันเป็นหนึ่งในความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของการเป็นนักแสดงเลยครับ เพราะคุณจะคิดอยู่ตลอดว่าในโปรเจกต์หน้าจะได้นำเสนอตัวละครแบบไหนแก่ผู้ชม มันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจเราเสมอ และเราต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการเตรียมตัวเพื่อถ่ายทอดบทบาทใหม่นั้นให้ออกมาให้ดีที่สุด ผมคิดว่ายิ่งคุณสร้างความประทับใจได้มากแค่ไหนในโปรเจกต์ใดโปรเจกต์หนึ่ง ก็ยิ่งมีโอกาสที่คุณจะถูกมองว่าเหมาะกับบทบาทแบบไหนแบบหนึ่งมากขึ้นเท่านั้น อาจเป็นเพราะผู้ชมรู้สึกชอบเวลาที่เห็นคุณในบทบาทลักษณะนั้น และรู้สึกคุ้นเคยหรือสบายใจเมื่อเห็นคุณแสดงในแบบที่พวกเขาคุ้นเคย

แต่ในฐานะนักแสดง ถ้าเรารับบทที่คล้ายๆ กันไปเรื่อยๆ มันก็ยากที่จะเติบโต และยากที่จะมอบประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับผู้ชม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมเชื่อว่านักแสดงทุกคนมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะได้แสดงบทบาทใหม่ๆ ที่ไม่เคยแสดงมาก่อน บางครั้งมันก็ประสบความสำเร็จ และได้รับเสียงตอบรับที่ดี แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป บางครั้งที่คุณลองทำสิ่งใหม่ๆ แล้วมันก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราต้องไม่กลัวความผิดพลาด เพราะถ้าคุณติดอยู่กับความคิดนั้น คุณจะไม่สามารถสร้างตัวละครใหม่ๆ ได้เลย หรือแม้แต่บทบาทใหม่ๆ ที่ไม่เคยเล่นมาก่อน ซึ่งจะกลายเป็นอุปสรรคที่ขวางการเติบโตของคุณ ดังนั้นผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือการที่เราอยากท้าทายตัวเองอยู่เสมอ ถ้ามองย้อนกลับไปในเส้นทางอาชีพของผม ผมคิดว่าตั้งแต่ยังเด็ก ผมไม่เคยได้รับบทซ้ำๆ ติดๆ กันเลย ผมพยายามจะเลือกแนวเรื่องใหม่ๆ หรือตัวละครใหม่ๆ หรือแม้แต่ตัวละครที่ทำอาชีพใหม่ๆ ผมพยายามคว้าโอกาสที่จะได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน ถึงแม้มันจะน่ากลัวอยู่บ้าง เพราะทุกครั้งที่คุณทำอะไรใหม่ๆ คุณต้องมีการเตรียมตัวอย่างหนักเพื่อให้พร้อม

อิมจียอน: ฉันเองก็รู้สึกคล้ายๆ กัน และเห็นด้วยกับหลายอย่างที่รุ่นพี่จองแจพูดเลยค่ะ แต่ทุกครั้งที่ฉันเริ่มหรือรับโปรเจกต์ใหม่ ฉันมักจะอยากนำเสนอแง่มุมใหม่ๆ ของตัวเอง ตัวละครใหม่ที่ผู้ชมไม่เคยเห็นมาก่อน ส่วนหนึ่งมาจากความกดดัน แต่อีกส่วนหนึ่งก็มาจากความปรารถนาและความทะเยอทะยานของฉันเองด้วย แต่สำหรับฉัน สิ่งที่สำคัญคือฉันจะไม่จำกัดตัวเองอยู่แค่นั้น แม้ว่าตัวละครบางตัวที่เคยรับบทจะประสบความสำเร็จมาก หรือมีคนชื่นชอบมากแค่ไหนก็ตาม

ฉันจะไม่จำกัดตัวเองและคิดมากเกินไปว่า “ถ้าคนดูยังมองฉันเป็นตัวละครเดิมอยู่ แม้ว่าฉันจะพยายามเล่นบทใหม่แล้วล่ะ?” เพราะฉันรู้ดีว่าในตัวฉันยังมีอีกหลายมุมที่ผู้ชมยังไม่เคยเห็น ดังนั้นถ้าฉันเชื่อมั่นในตัวเอง และเชื่อมั่นในการถ่ายทอดบทบาทนั้นจริงๆ และถ้าตัวฉันเองไม่ใช่คนที่ตั้งข้อจำกัดตัวเอง ฉันก็เชื่อมั่นว่าในที่สุดผู้ชมก็จะเชื่อมั่นและรักตัวละครที่ฉันแสดงเช่นกัน

ฉันคิดว่านี่เป็นเหตุผลที่ฉันรักการเป็นนักแสดงเลยค่ะ แล้วก็ไม่ใช่แค่ซีรีส์เรื่อง ‘Nice to Not Meet You’ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงทุกโปรเจกต์ในอนาคตข้างหน้าด้วย ฉันไม่อยากรู้สึกว่าอยู่ใต้แรงกดดันที่ต้องพยายามทำอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา แต่ในทางกลับกัน ฉันอยากเปิดใจ ไม่ปิดกั้นตัวเอง และมีความมั่นใจและมุ่งมั่นในตัวเอง แบบนั้นฉันถึงจะสนุกกับทุกโปรเจกต์ใหม่ที่ได้รับอย่างเต็มที่ค่ะ

เชื่อว่าแฟนๆ รอซีรีส์เรื่องนี้สุดๆ เราขอ 3 คำสำหรับการอธิบายซีรีส์เรื่องนี้ พร้อมกับเหตุผลว่าทำไม

อีจองแจ: สามคำผมที่อยากเลือก มันเกี่ยวข้องกับความหมายของชื่อเรื่องในภาษาเกาหลีครับ ซึ่งแปลได้ประมาณว่า “ทั้งรักทั้งชัง” หรือ “แค้นรัก” ส่วนคำที่สามคือ “น่าเอ็นดู” เพราะนั่นคือความรู้สึกที่ผมรู้สึกได้จากซีรีส์ของเราครับอิมจียอน: สำหรับฉัน คำแรกน่าจะเป็น “คอเมดี้” เพราะรู้สึกว่าซีรีส์ของเรามีช่วงเวลาที่สนุกเยอะเลยค่ะ ส่วนอีกสองคำถัดไปคือ “รัก” และ “เกลียด” เพราะความสัมพันธ์ของตัวละครที่คุณเห็นนั้นจะเป็นแบบทั้งรักทั้งเกลียด เพราะฉะนั้นฉันจึงเลือกสามคำนี้ค่ะ



Nice to Not Meet You:
กำกับโดย คิมการัม (Good Partner, Nevertheless)
เขียนบทโดย จองยอรัง (Doctor Cha)
นำแสดงโดย อีจองแจ (Squid Game), อิมจียอน (Lies Hidden in My Garden, The Glory)
ออกอากาศอีพีแรกทาง Prime Video วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 และออกอากาศสัปดาห์ละ 2 ตอน ทุกวันจันทร์และอังคาร รวมทั้งสิ้นจำนวน 16 ตอน

ติดตามเนื้อหาสนุกๆ ของ ‘ดูซีรีส์ให้ซีเรียส’ ได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้
Facebook: TheSeriousSeries.TH
Twitter: TheSeriousSerie
YouTube: The Serious Series
Website: Theseriousseries.com
สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารและสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่ Link นี้