พัคมินยอง พัคฮีซุน จูจงฮยอก แท็กทีมต้มตุ๋นในซีรีส์อาชญากรรมแนวคอเมดี้ Confidence Queen

ดูซีรีส์ให้ซีเรียส ตื่นเต้นมากที่จะได้ดูเคมีใหม่ๆ ของเหล่านักแสดงตัวท็อปอย่าง พัคมินยอง พัคฮีซุน จูจงฮยอก จากซีรีส์ Confidence Queen ที่ในที่สุดก็จะได้ดูกันแล้ว (6 กันยายน) โดยซีรีส์จะเป็นแนวคอเมดี้ แอ็กชัน และการแก้แค้น ที่ดัดแปลงมาจากต้นฉบับซีรีส์ญี่ปุ่น แต่ดูจากทีเซอร์แล้วก็มีทรงว่าในเวอร์ชันเกาหลีน่าจะมีกลิ่นอายและรสชาติเฉพาะตัวที่น่าติดตามแน่นอน

Confidence Queen เป็นเรื่องราวของทีมนักต้มตุ๋น 3 คน ที่ร่วมมือกันใช้แผนการสุดซับซ้อนเพื่อจัดการกับคนโลภ นำทีมโดย

ยุนอีรัง (รับบทโดย พัคมินยอง) ทายาทสาวผู้ฉลาดเฉลียวที่ต้องใช้ชีวิตในเงามืดจากเหตุการณ์ในวัยเด็ก เธอมีสัญชาตญาณเฉียบคมและสมาธิเป็นเลิศ ทำให้เหมาะกับการเป็นนักต้มตุ๋นอย่างยิ่ง

เจมส์ (รับบทโดย พัคฮีซุน) ชายผู้เงียบขรึมที่ใช้ชีวิตจำเจมาตลอด จนได้มาร่วมทีมกับอีรังและกูโฮ การผจญภัยครั้งใหม่นี้ทำให้เขาได้เปิดประสบการณ์ที่ไม่เคยทำมาก่อน

มยองกูโฮ (รับบทโดย จูจงฮยอก) หนุ่มจิตใจดีที่เติบโตมากับคุณปู่บนเกาะเล็กๆ เขาเต็มไปด้วยพลังบวก มองโลกในแง่ดี และคอยเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมแข็งแกร่ง

แค่เห็นคาแรกเตอร์ตัวละครก็รู้แล้วว่าพลังงานของแก๊งนี้ต้องสนุกแน่ๆ ไหนจะสารพัดการปลอมตัวที่บอกเลยว่าเตรียมขำตัวโยก ยิ่งไปกว่านั้นคือการรวมตัวกันของคน 3 คนที่มีเรื่องราวเป็นของตัวเอง พวกเขาจะกลายเป็นทีมที่เข้าขากันได้อย่างไร มาฟังบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจากเหล่านักแสดงกันเลย!

ถ้าให้เปรียบเทียบซีรีส์เรื่องนี้เป็นอาหาร พวกคุณคิดว่าเป็นเมนูไหน

จูจงฮยอก: ‘บูแดจีเก’ ครับ ผมคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้เหมือนกับเมนูนี้ตรงที่วัตถุดิบมาจากหลายประเทศ แต่พอมาอยู่รวมกันแล้วเป็นอาหารเกาหลีที่ลงตัว เหมือนกับพวกเราที่ต่างคนต่างมีเรื่องราว แต่พอมารวมกันก็กลายเป็นครอบครัวเดียวกันครับ

พัคมินยอง: ฉันคิดว่าน่าจะเป็น ‘จัมปง’ นะคะ เพราะในเรื่องนี้มีครบทุกรสชาติเลย ทั้งเรื่องราวส่วนตัวของแต่ละคน ความเจ็บปวด ความสุข มิตรภาพที่แน่นแฟ้น และการแก้แค้น ทุกอย่างเข้ากันได้อย่างลงตัวเลยค่ะ

พัคฮีซุน: ผมขอเลือก ‘ต้มยำกุ้ง’ ครับ เป็นอาหารที่ผมชอบมากๆ และรสชาติของมันที่ลงตัวทั้งความเผ็ดร้อนของเครื่องเทศและความสดชื่นของสมุนไพร มันอธิบายถึงทีมของเราได้ดีเลยครับ เพราะพวกเราเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบ

จุดเด่นของซีรีส์ดั้งเดิมในเวอร์ชันญี่ปุ่นคือการแสดงที่โอเวอร์และความเข้าขากันของทั้ง 3 ตัวละคร แล้วในเวอร์ชันเกาหลีนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างไรบ้าง

พัคฮีซุน: ละครของเรามีการดัดแปลงให้มีความเกาหลีเยอะเลยครับ แน่นอนว่าเส้นเรื่องจะมีความออริจินัลคล้ายกับเวอร์ชันญี่ปุ่นอยู่ มีเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ของแต่ละคน โดยเรื่องราวต่างๆ จะค่อยปรากฏขึ้นทีละนิด และทุกอย่างจะคลี่คลายในตอนสุดท้าย นอกจากนี้เคมีของพวกเราทั้งสามคนจะมีความตลกอยู่ด้วย เพราะภาพของพวกเราจะออกมาเป็นเหมือนเด็กแสบๆ ซึ่งตรงนี้จะมีความต่างจากเวอร์ชันญี่ปุ่นอยู่ครับ พวกเราพยายามให้ละครออกมาสนุกขึ้น ให้ทุกคนได้หัวเราะมากยิ่งขึ้น ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนได้รับชมทุกท่านจะรู้สึกอย่างไรกัน แต่พวกเราตั้งใจและพยายามอย่างเต็มที่ที่สุดเลยครับ

จูจงฮยอก: ผมคิดว่าเป็นการตีความความสัมพันธ์ของทีมนี้ครับ พวกเราทั้งสามคนได้มาเจอกันจากแผนของอีรัง มันไม่ใช่ว่าเรามารวมตัวกันเป็นทีมแบบ “มาต่อสู้ไปด้วยกันเถอะ” ตั้งแต่ต้น ทุกคนต่างมีเรื่องราวของตัวเอง แต่พอได้มาทำงานด้วยกันแล้วก็ค่อยๆ เกิดเป็นความรักในรูปแบบของครอบครัว มีกระบวนการที่ค่อยๆ กลายมาเป็นครอบครัวกันครับ

พัคมินยอง: สิ่งที่ฉันรู้สึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเราในละครเรื่องนี้ก็คือ พวกเราทั้งสามคนไม่ได้เป็นคนที่มีความสุขขนาดนั้นค่ะ เป็นคนโชคร้ายสามคนที่มารวมตัวกัน เริ่มต้นจากการหาความสุขเล็ก ๆ และหลังจากนั้นก็มาเติมเต็มเป็นครอบครัวให้กันและกัน เป็นที่พึ่งพิงให้กัน ส่วนความเป็นเกาหลี แน่นอนว่าจะมีสีสันของความเป็นซีรีส์เกาหลี ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่ทำให้คนจำนวนมากชอบดูกัน เราเลยพยายามจะรักษาวัฒนธรรมเกาหลีเอาไว้ให้ได้มากที่สุดค่ะ

การทำงานกับร่วมกันของพวกคุณและนักแสดงคนอื่นเป็นอย่างไรบ้าง และรู้สึกอย่างไรที่ต้องมารับบทที่ต้องแปลงโฉมหลากหลายกันขนาดนี้

พัคมินยอง: ฉันสนุกมากเลยค่ะ! ปกติฉันไม่ค่อยได้เล่นบทที่สามารถพูดหรือเล่นได้อย่างเป็นอิสระขนาดนี้ การที่ได้แปลงโฉมเป็นหลายๆ คาแรกเตอร์ก็เป็นครั้งแรกของฉันเลย ตั้งแต่สาวต่างจังหวัดไปจนถึงคุณแม่มีลูกชาย ฉันคิดว่าการที่ผู้ชมได้เดาว่าตอนต่อไปเราจะแปลงโฉมเป็นอะไร เป็นอีกจุดที่น่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้ค่ะ

พัคฮีซุน: การทำงานกับน้องๆ สนุกมากครับ ตั้งแต่เริ่มต้นโปรเจกต์เราก็ไปอ่านบทด้วยกันที่บ้านพัคมินยอง เพื่อให้เคมีของเราเข้าขากันให้มากที่สุด ผมอยากให้ภาพของพวกเราในชีวิตจริงส่งผ่านไปในซีรีส์เรื่องนี้ครับ

จูจงฮยอก: เวลาถ่ายฉากคอเมดี้ด้วยกัน เราจะลองเล่นหลายแบบเลยครับ ถ้ามีตรงไหนขาดไป พี่ๆ ก็จะช่วยเติมเต็มให้ ทำให้มีจุดที่สนุกๆ เพิ่มขึ้นมาอีกเยอะเลยครับ

คุณพัคฮีซุนเคยรับบทที่จริงจังและเข้มข้นมาเยอะมาก การได้มาเล่นซีรีส์ที่สนุกแบบนี้ รู้สึกถึงพลังงานที่สดชื่นและแปลกใหม่บ้างไหม

พัคฮีซุน: ที่จริงแล้วตัวตนของผมน่าจะใกล้เคียงกับบทบาทแนวคอเมดี้นะครับ (หัวเราะ) แต่ด้วยเสียงและหน้าตาแบบนี้ ก็เลยได้รับบทบาทที่หนักๆ บ่อย จริงๆ ผมอยากเล่นแนวนี้มานานแล้ว และพอได้มาเล่นเรื่องนี้ผมมีความสุขมากครับ

หลังจากสวมบทบาทนักต้มตุ๋มปราบคนโลภในซีรีส์เรื่องนี้แล้ว ได้เรียนรู้อะไรจากการทำภารกิจต่างๆ ของเหล่าตัวละครบ้าง

พัคมินยอง: มีอยู่ประโยคหนึ่งในบทพูดของฉันที่ถูกใช้บ่อยๆ ค่ะ “พวกคนชั่วจะไปเข้าคุกไม่ได้หรอก ต้องชดใช้กรรมในชาตินี้สิ”

จูจงฮยอก: ที่จริงผมไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรที่ได้เรียนรู้หรือรู้สึกเป็นพิเศษ แต่เวลาถ่ายจบตอนแล้ว นักแสดงแต่ละท่านก็จะไม่มาแล้วใช่ไหมล่ะครับ ในชีวิตจริงผมก็จะรู้สึกว่าเสียดายอยู่เสมอในทุกๆ ตอนเลยครับ พอมาคิดดูก็ได้รู้ว่าเป็นความรู้สึกเสียดายที่จะไม่ได้เจอนักแสดงเหล่านั้นอีก เพราะพวกเราต้องก้าวไปสเตปต่อไป ก็เลยยังมีความรู้สึกเสียดายหลงเหลืออยู่ครับ

พัคฮีซุน: พวกเราไม่ได้มอบแค่ความสะใจให้เวลาที่ปราบตัวร้ายอย่างเดียว แต่เราจะคืนสิ่งของหรือเงินให้กับเหยื่อที่ถูกกระทำจากตัวร้ายด้วย เพราะฉะนั้นจะเรียกว่าเป็นข้อความเล็กๆ ของซีรีส์เรื่องนี้ได้ไหมครับว่า การใช้ชีวิตเป็นคนดี ไม่ได้จะมีแต่เสียเปรียบเสมอไป พวกเราจะเอากลับไปคืนให้เองครับ

พวกคุณคิดว่าอะไรคือเสน่ห์ของทีมต้มตุ๋นที่อยากจะทำให้ผู้ชมติดตามซีรีส์เรื่องนี้

พัคฮีซุน: ผมคิดว่ามันคือเรื่องราวของแก๊งสามแสบที่ต่อสู้กับคนร้ายครับ เป้าหมายของพวกเราคือเหล่าคนชั่วที่รังแกคนอ่อนแอ ดังนั้นผมคิดว่าผู้ชมจะรู้สึกสะใจในจุดนี้มากเลยครับ นอกจากความสะใจแล้วก็ยังมีเสียงหัวเราะจากความตลกในตัวของพวกเราด้วยครับ

จูจงฮยอก: นักแสดงที่มารับบทตัวร้ายในเรื่องนี้ทุ่มเทสุดๆ ไปเลยครับ พวกเขาแสดงได้ร้ายกาจมากๆ จนพวกเราต้องปลอมตัวไปหลอก และตอนที่เราชนะในตอนท้ายจะรู้สึกสะใจมากครับ ผมคิดว่าจุดนี้จะทำให้ทุกคนมีแรงดูจนจบครับ

Confidence Queen เป็นซีรีส์ที่จะทำให้คุณรู้สึกเต็มอิ่มกับทุกอารมณ์ ทั้งความตลก ความสดใส และความสะใจในการจัดการกับคนไม่ดี ซึ่งจะไม่ได้แค่กำราบคนชั่วเท่านั้น แต่พวกเขายังคืนทรัพย์สินให้กับเหยื่อที่ถูกกระทำด้วย ถือเป็นข้อความเล็กๆ ที่บอกว่า “การเป็นคนดีไม่ได้เสียเปรียบเสมอไป” ใครที่อยากจะดูซีรีส์ที่ครบเครื่องและสะใจแบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมไปติดตามชมซีรีส์เรื่องนี้กันได้เลย!

ซีรีส์มีทั้งหมด 12 ตอน และจะเริ่มสตรีมในวันที่ 6 กันยายนนี้ ทาง Prime Video โดยจะสตรีมสัปดาห์ละ 2 ตอน ทุกวันเสาร์และอาทิตย์