
รีวิว When Life Gives You Tangerines EP.1-4 ฤดูใบไม้ผลิ อรุณแรกแห่งวัยเยาว์ และความฝันที่อาจสลายในพริบตา
ซีรีส์ When Life Gives You Tangerines EP.1-4 เรียกว่าสะท้อนชีวิตจริงได้เจ็บปวด แต่ทว่างดงามในเวลาเดียวกัน เพราะถ่ายทอดเรื่องราวของ กวานชิก และ แอซุน หนุ่มสาวคู่หนึ่งบนเกาะเชจูที่เติบโตมาในช่วงปี 60-70 ทั้งยังเล่าเรื่องราวตัดสลับจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งเอาเข้าจริงๆ โดยโครงสร้างเรื่องราวแล้วเป็นทางถนัดและเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่งของซีรีส์เกาหลี ที่ฉายภาพให้เห็นฉากหลังของตัวละครผ่านเหตุการณ์บ้านเมือง การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ความเป็นอยู่ ความทันสมัย การเปลี่ยนแปลงเมื่อโลกค่อยๆ หมุนไปสู่ความเจริญ นอกจากนี้ยังส่องผ่านความคิด วัฒนธรรม ความเชื่อของผู้คนในยุคหนึ่ง และค่อยๆ เลือนรางเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของความทันสมัย รายละเอียดที่อยู่รายล้อมตัวละครยังรวมถึงทิวทัศน์ที่งดงามเหลือเชื่อของเกาะเชจู วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เราลืมไปแล้วว่าชีวิตที่ไม่มีไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต สตาร์บัคส์ มันขาดซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกแบบนั้นเป็นอย่างไร
เหนืออื่นใดคือความกลมกล่อมในการผูกพันตัวละครให้พวกเขาผ่านฤดูกาลที่สาดซัดเข้ามาในแต่ละช่วงวัย จากรุ่งอรุณของชีวิต สู่ความร้อนแรงของวัยหนุ่มสาว การเปลี่ยนผ่านในฤดูใบไม้ผลิ และการเติบโตผ่านการเรียนรู้ชีวิตมาจนถึงฤดูหนาว
ทั้งหมดทั้งมวลคืออัตราความน่าจะเป็นในการเสียน้ำตาให้กับซีรีส์เรื่องนี้ ขณะเดียวกันมันได้มอบความอบอุ่นใจอย่างประหลาด เพราะอย่างน้อยๆ เราก็สัมผัสได้ว่าทั้งแอซุนและกวานชิกต่างไม่ได้ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว เมื่อพายุปัญหา มรสุมชีวิตพัดเข้าใส่ พวกเขายังมีกันและกันเป็นเกราะกำบัง
ดูซีรีส์ให้ซีเรียส สดุดีทุกหยดน้ำตาที่เราเสียไปใน EP.1-4 ของซีรีส์ When Life Gives You Tangerines ด้วยบทความที่อธิบายถึงประวัติศาสตร์จริงในช่วงเวลานั้น ข้อมูลเชิงวัฒนธรรม รวมถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมากมายที่เรารวบรวมได้

ทำความเข้าใจประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ ช่วงปี 1960-1969 จากเรื่องราวใน EP.1-4 ของ When Life Gives You Tangerines
ซีรีส์ When Life Gives You Tangerines เริ่มต้นเรื่องราวในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1960 กับทิวทัศน์สวยงามของท้องทะเลเชจู แอซุนและกวานชิกตัวติดกันมาตั้งแต่ตอนนั้น และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับแม่ๆ แฮนยอ เรียกว่าอยู่ไกลจากเหตุความวุ่นวายทางการเมืองที่กรุงโซล แต่ถึงอย่างนั้น แรงกระเพื่อมของความวุ่นวาย การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็ส่งผลกระทบกับชีวิตของพวกเขาอยู่ดี
สำหรับ 1960 นับเป็นปีที่เป็นหมุดหมายสำคัญในด้านการเมืองการปกครองของเกาหลีใต้ และถ้ามองภาพรวมในบริบทสังคมช่วงเวลานั้น เราจะพบว่าเกาหลีใต้เองก็ต้องผ่านพ้น ล้มลุกคลุกคลาน ในการได้มาซึ่งประชาธิปไตยไม่ต่างจากหลากหลายประเทศในช่วงเริ่มต้น
ดูซีรีส์ให้ซีเรียส รวมรวมมาให้แล้ว เกี่ยวกับประวัติศาสตร์จริงที่อยู่รายล้อมชีวิตของแอซุนและกวานชิก
▪️1953 เกาหลีเหนือและใต้ต่างอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก หลังจากสงครามเกาหลีที่กินเวลายาวนานถึง 3 ปี มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2 ล้านคน รวมถึงการต้องแยกจากครอบครัว สภาพบ้านเมืองต่างพังทลาย ผู้คนที่ยากจนอยู่แล้วจากสงครามก็ยิ่งแร้นแค้นขึ้นไปอีก
▪️1953-1959 เกาหลีใต้เต็มไปด้วยความวุ่นวายทางการเมือง การทุจริตคอร์รัปชัน การปกครองโดยรัฐบาลของ อีซึงมัน ที่ไม่ยอมลงจากตำแหน่งเสียที แม้ว่าเวลาจะผ่านมาถึงหลายสมัยแล้วก็ตาม
การทำงานของประธานาธิบดีอีซึงมัน ที่แม้จะเป็นประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลี แต่เขายังคงปกครองในแบบเผด็จการที่ไม่ได้สร้างระบบการเมืองที่มั่นคง พรรคเสรีนิยมของเขาไม่มีอุดมการณ์ที่แท้จริง นอกจากคงไว้ซึ่งการปกครองของอีซึงมัน เพื่อดำรงความมั่งคั่งทางอำนาจและการเงินของสมาชิกพรรค รวมถึงเหล่าอีลีท
แน่นอนว่าประชาชนต่างไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล เพราะเต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน เล่นพรรคเล่นพวก แสวงหาอำนาจและเงินทองเพื่อตน การฟื้นตัวของบ้านเมืองหลังสงครามเกาหลีไม่ได้ดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเติบโตต่ำ และความเป็นอยู่ของประชาชนย่ำแย่ไม่ต่างจากเดิม แม้ว่าจะเกาหลีใต้จะมีประธานาธิบดีในระบอบประชาธิปไตยแล้วก็ตาม
รัฐบาลของอีซึงมันเริ่มใช้มาตรการรุนแรงมากยิ่งขึ้นเพื่อรักษาอำนาจเอาไว้ โดยเฉพาะจุดแตกหักที่มีการผลักดันกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในเดือนธันวาคม 1959 ใครที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจะถูกปราบปราม ถูกจับ ปรับทัศนคติ โดยจะถูกหมายหัวว่าเป็นคนที่อันตรายต่อความมั่นคงของชาติ
จนในที่สุด ท่ามกลางแรงกดดัน และรัฐบาลอีซึงมันหมดวาระ ก็ได้มีการกำหนดวันเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 15 มีนาคม 1960
▪️กุมภาพันธ์ 1960 ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีเพียง 1 เดือน คู่แข่งคนสำคัญของอีซึงมันได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง ทำให้เขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นมากกว่า 90% เพราะเป็นตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียว
ในการเลือกตั้งเดียวกันนี้ สิ่งที่ถูกจับตามองคือการเลือกตั้งรองประธานาธิบดีที่มีตัวแทนอยู่ขั้วเดียวกับอีซึงมันอย่าง อีกีพุง จากพรรคเสรีนิยม และ ชังมยอน จากพรรคประชาธิปัตย์ ผลปรากฏว่ามีการบิดเบือนผลการเลือกตั้งเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายเสรีนิยมจนได้รับชัยชนะ แบบค้านสายตาประชาชนทั้งประเทศ
▪️การเลือกตั้ง 15 มีนาคม 1960 ปรากฏข่าวโกงการเลือกตั้งอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์อย่างที่ซีรีส์ When Life Gives You Tangerines ฉายภาพให้เห็นใน EP.1 มันสะท้อนความโกลาหลของช่วงเวลานั้นที่มีการประท้วงความไม่ชอบธรรม จนขยายวงใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ และนำไปสู่การปฏิวัติเดือนเมษายน หรือ April Revolution
ข่าวโกงการเลือกตั้งที่มีอยู่จริงนี้ สะท้อนผ่านเรื่องราวในซีรีส์ได้อย่างชาญฉลาด ในการเล่าถึงเหตุการณ์ที่แอซุนเข้าคัดเลือกเป็นหัวหน้าห้อง ชนะคะแนน 37 ต่อ 28 เสียง แต่เธอก็ต้องแพ้ให้กับ มันกี ลูกชายนายพล เพราะพ่อเขารวยกว่า มีอิทธิพลกว่า แม้ว่าแม่จะไปต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้อย่างสุดหัวใจแล้วก็ตาม

▪️19 เมษายน 1960 April Revolution นักศึกษา นักเรียนมัธยม ต่างรวมตัวกันเดินประท้วงตามท้องถนนในกรุงโซล โดยทางอีซึงมันได้ประกาศกฎอัยการศึก เรียกกำลังพลทางทหารมาปราบปรามฝูงชน การประท้วงลุกลามมากยิ่งขึ้น โดยเหล่าอาจารย์มหาวิทยาลัยได้ออกมาร่วมเดินขบวนประท้วงบนท้องถนน ทำให้เหตุการณ์ตึงเครียดมากกว่าเดิม
▪️26 เมษายน 1960 อีซึงมัน ลาออกจากการเป็นประธานาธิบดี และทำการลี้ภัยไปยังฮาวาย สหรัฐอเมริกา ก่อนจะเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายในปี 1965
▪️กรกฎาคม 1961 แอซุน อายุ 10 ขวบ ยังคงเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่กลับมีภาระชีวิตที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าสองมือเล็กๆ นั้นเหลือเกิน
▪️29 กรกฎาคม 1960 มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ และพรรคประชาธิปไตยที่เป็นฝ่ายค้านในสมัยของอีซึงมันได้รับชัยชนะ สถาปนาสาธารณรัฐที่ 2 แก้ไขรัฐธรรมนูญให้อยู่ในระบบคณะรัฐมนตรีรัฐสภา ให้อำนาจประธานาธิบดีน้อยลง โดยคณะรัฐมนตรีได้เลือกให้ ยุนโบซอน ขึ้นเป็นประธานาธิบดี และ จางมยอน เป็นนายกรัฐมนตรี
มีการปราบปรามเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน และมีการสร้างความแข็งแรงของสหภาพแรงงานต่างๆ ทั้งครู นักข่าว และแรงงานเกาหลี นอกจากนี้รัฐบาลได้พยายามกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี แต่ไม่สามารถดำเนินการได้
▪️ปลายปี 1960-1961 เกิดวิกฤตค่าเงินฮวานลดลงหลายเท่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
จากค่าเงิน 60 ฮวาน เท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 1953
ค่าเงินลดลงเป็น 650 ฮวาน ต่อดอลลาร์สหรัฐ ในปี 1960
และตกต่ำเป็น 1,000 ฮวานต่อดอลลาร์สหรัฐในปี 1961
เพราะฉะนั้น 100 ฮวาน ในซีรีส์ When Life Gives You Tangerines ที่เคยมีค่ามากๆ สำหรับแม่และแอซุนจึงเหลือค่าไม่ถึงครึ่ง และในปี 1962 ได้เลิกใช้สกุลเงินฮวานในเกาหลีใต้ โดยเริ่มต้นหน่วยเล็กสุดของเงินที่ ‘วอน’ ค่าเงินในปี 1962 ระบุว่า 1 วอน มีค่าเท่ากับ 10 ฮวาน

▪️16 พฤษภาคม 1961 พัคจองฮี ได้ทำการรัฐประหาร ยุบสภา และนำเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาทำงานแทนเจ้าหน้าที่พลเรือน คณะรัฐบาลประกาศ ‘สัญญาของการปฏิวัติ’ ได้แก่ ต่อต้านคอมมิวนิสต์ การเสริมสร้างความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ การสิ้นสุดการทุจริตรัฐบาล และมีการก่อตั้งสำนักงานข่าวกรองกลางเกาหลี (KCIA) ในเดือนมิถุนายน 1961 เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเศรษฐกิจการเกษตรไปสู่เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
▪️นโยบายวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ถูกนำมาใช้ในปี 1961 โดยมีการก่อตั้งกระทรวงข้อมูลสาธารณะ ดูแลภาพยนตร์ โรงละคร และศิลปการแสดงอื่นๆ รวมถึงการบริหารจัดการโรงละครแห่งชาติและสถาบันดนตรีคลาสสิกแห่งชาติ มีการจัดระเบียบ รวมศูนย์นโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ชาติของเกาหลีใต้ โดยช่วงแรกนโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยเสริมอำนาจของการปกครองแบบเผด็จการทหาร และส่งเสริมค่านิยมของเกาหลีสมัยใหม่
ความชัดเจนของช่วงเวลาภายใต้การปกครองของนายพลพัคจองฮี คือการเข้ามาของกระแสโลกาภิวัตน์ที่มีการสร้างทัศนคติใหม่ทางวัฒนธรรม เช่น การแต่งตัวด้วยมินิสเกิร์ต แต่งหน้าทาปาก การแต่งตัวแบบสากล ขับรถยุโรป ตกแต่งบ้านด้วยเครื่องใช้แบบตะวันตก อย่างที่เราได้เห็นในซีรีส์
▪️ปี 1962 มีการทำประชามติเพื่อกลับไปใช้ระบบประธานาธิบดี ผลคือมีเสียงสนับสนุน 78% ทำให้ในปี 1963 พัคจองฮีเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรคประชาธิปไตย และได้รับชัยชนะ ขึ้นเป็นสาธารณรัฐที่ 3 ของเกาหลีใต้
มีการประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี โดยรัฐบาลของพัคจองฮีมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมและการส่งออก รัฐบาลสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ โดยการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านธนาคารรัฐ
▪️พัคจองฮี ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 1967 และได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 1971 ถึงอย่างนั้น อำนาจมันหอมหวาน ได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้พัคจองฮีสามารถดำรงตำแหน่งได้เป็นสมัยที่ 3

▪️กุมภาพันธ์ 1968 โอแอซุน ในวัย 19 ปี จับมือกับกวานชิก วัย 20 ปี เก็บกระเป๋าหนีออกจากเกาะเชจู
▪️ซีรีส์ When Life Gives You Tangerines แทรกเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เอาไว้ในช่วงเวลานี้ อย่างเช่น ป้ายประกาศของหมู่บ้านเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ผู้หญิงห้ามออกนอกบ้านในช่วงกลางคืน, ทุ่งดอกคาโนลาที่งดงามของเกาะเชจู ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในเทศกาลดอกไม้ระดับชาติ, เรื่องของความเชื่อที่อยากจะแต่งงานกับผู้ชายโซลเพื่อมีชีวิตที่ดีขึ้น, การเฉลิมฉลองเทศกาลปฏิวัติไร้เลือด และนักมวยปล้ำ คิมอิล กับนักคาราเต้ ชเวแบดัล
▪️มีนาคม 1968 กวานชิกขึ้นเรือเดินทะเลไปยังโซล พร้อมกับครูพละที่หวังจะผลักดันเขาให้เป็นนักกีฬากรีฑาระดับชาติ ก่อนที่ความฝันของวัยเยาว์จะสลายไปตลอดกาล
เพราะฉากเรือเดินสมุทรนี่เองที่ทำให้เราได้รู้จักกับนักว่ายน้ำ โจโอรยอน (Jo O-ryeon, 조오련) เขาเป็นนักว่ายน้ำชาวเกาหลีใต้ที่มีชื่อเสียงในช่วงทศวรรษ 1970 โดยได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักว่ายน้ำที่ดีที่สุดของเกาหลีใต้ในยุคนั้น เข้าแข่งขันโอลิมปิก 2 ครั้ง ที่มิวนิก ปี 1972 และมอนทรีออล ปี 1976 เขาคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ ฟรีสไตล์ 400 เมตร และ 1,500 เมตร ปี 1970 ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย และในกีฬาประเภทเดียวกัน เอเชียนเกมส์ ปี 1974 ที่เตหะราน ประเทศอิหร่าน
▪️4 พฤษภาคม 1969 วันเกิดของกึมมยอง
▪️1971 แอซุน สอบเทียบมัธยมปลายผ่าน เธอมองใบประกาศนั้นด้วยรอยยิ้ม เพราะแม้เลือกเส้นทางในการเป็นแม่และเมีย แต่กับความฝันที่เคยมี มันยังคงรุ่งโรจน์อยู่เงียบๆ ภายในหัวจิตหัวใจของเธอ

เจ้าหอยเป๋าฮื้อ และลมหายใจของแฮนยอ
เปิดฉากเรื่องราวในอีพี 1 When Life Gives You Tangerines ด้วยกลุ่มแฮนยอที่กำลังดำน้ำหาหอยเป๋าฮื้อ ที่ราคาขายได้ไม่น่าจะคุ้มค่าความเสี่ยงชีวิตพวกเธอในการดำน้ำนานๆ ในน้ำทะเลอุณหภูมิหนาวเหน็บด้วยซ้ำ แต่เพราะเงินทองที่จะนำไปใช้เลี้ยงดูครอบครัวต่างหากคือสิ่งที่ทำให้พวกเขายังคงลากลูกบอลลงน้ำ และดำลงไปเพื่อสิ่งมีชีวิตรสอร่อยสำหรับผู้มีอันจะกิน
แม่ของแอซุนก็เช่นกัน เธอทำอาชีพแฮนยอมาตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 เพราะเป็นหนทางเดียวที่ผู้หญิงกำพร้าจะพอมีรายได้เลี้ยงตัว และด้วยความปากกัดตีนถีบมาตลอด เธอจึงมีท่าทีแข็งกร้าว กล้าสู้ กล้าชน จนได้รับฉายาจากทีมแฮนยอด้วยกันว่า ‘ปลาปักเป้า’ ที่รู้จักพองตัวแล้วใช้พิษเอาตัวรอด แต่ถึงอย่างนั้น ทีมแฮนยอก็เหนียวแน่นและมีสายสัมพันธ์อันดีต่อกัน จนเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวใหญ่ให้เธอและแอซุนมาโดยตลอด
แอซุน ที่เรียนอยู่ชั้น ป.3 ได้แต่น้อยใจแม่ที่รักการดำน้ำหาหอยเป๋าฮื้อมากกว่าใช้เวลาอยู่กับเธอ กลายเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งบทกวีเจ้าหอยเป๋าฮื้อ และได้รางวัลรองชนะเลิศของชั้นเรียน ฉากที่เราได้เห็นแม่น้ำหูน้ำตาไหลตอนอ่านบทกวี แล้วเอากระดาษกวีนั้นแนบเอาไว้กับอก ก็คือฉากที่กินใจมากๆ ว่า แม้เธอจะไม่เคยโอบกอดลูก พูดคำหวานหูให้ได้ยิน หรือแม้กระทั่งผลักไสให้ไปอยู่กับครอบครัวพ่อ ลูกสาวคนนี้ก็ยังคอยมาอยู่ใกล้ๆ บทกวีเจ้าหอยเป๋าฮื้อนี่เองที่ทำลายกำแพงใจให้แม่โอบรับเธอกลับมาไว้ในอ้อมอกอีกครั้ง
สำหรับ ‘แฮนยอ’ (Haenyeo, 해녀) คือกลุ่มนักดำน้ำหญิงแห่งเกาะเชจูที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี พวกเธอเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความอดทนของผู้หญิงเกาหลี เพราะสามารถดำน้ำลงไปเก็บหอย เปลือกหอย ปลาหมึก และสาหร่ายใต้ทะเลได้โดยไม่ใช้ถังออกซิเจน ใช้เพียงแว่นตาดำน้ำ ตาข่ายเก็บของ และตีนกบ
ในอดีตอาชีพนี้มักถูกมองว่าเป็นงานของผู้ชาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้หญิงกลับกลายเป็นกลุ่มหลักที่ทำงานนี้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ขณะที่ผู้ชายออกไปล่าสัตว์หรือทำการเกษตร แฮนยอจึงเป็นสัญลักษณ์ของความอดทน ความกล้าหาญ และอิสรภาพของผู้หญิงเกาหลี เพราะต้องดำน้ำลึกถึง 10-20 เมตรในน้ำทะเลที่หนาวเย็น
เนื่องจากอาชีพแฮนยอใกล้จะสูญหาย เพราะคนรุ่นใหม่ไม่นิยมสืบทอดอีกแล้ว ยูเนสโก (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนแฮนยอเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติในปี 2016

ฤดูจับปลาหางเหลือง ของดีของเด็ดเกาะเชจู
กวานชิกของเราเป็นชาวประมงผู้แข็งแกร่ง เรามักจะเห็นว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามักมีของขวัญให้แอซุนเป็นปลาชนิดต่างๆ จนช่วงปลายฤดูหนาวหนึ่ง เขาเอาปลาหางเหลืองมาเป็นของฝาก ซึ่งสำหรับเกาะเชจูแล้ว ปลาหางเหลืองนับเป็นสินค้าส่งออกที่ขึ้นชื่อและทำรายได้ให้อย่างมาก โดยทุกๆ ปีจะมีการจัดเทศกาลปลาหางเหลือง เพื่อเฉลิมฉลองฤดูประมง ในราวๆ เดือนพฤศจิกายน–ธันวาคม
ปลาหางเหลือง (Yellowtail, ชื่อวิทยาศาสตร์: Seriola quinqueradiata) เป็นปลาทะเลที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น
ฤดูจับปลาหางเหลืองที่เกาะเชจูมักจะอยู่ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงถึงต้นฤดูหนาว (ประมาณตุลาคม–กุมภาพันธ์) เนื่องจากเป็นช่วงที่ปลาหางเหลืองอพยพมาทางใต้เพื่อหาน้ำที่อุ่นกว่าและมีอาหารอุดมสมบูรณ์
ปลาหางเหลืองจากเชจูมีเนื้อแน่นและรสชาติหวาน นิยมนำมาทำ ซาชิมิ (회, Hoe) หรือเมนูปลาย่าง

นักมวยปล้ำหลบไว คิมอิล กับนักคาราเต้ผู้เด็ดขาด ชเวแบดัล
ฉากเอาตัวรอดแบบคาดไม่ถึงที่ตรอกห้องเช่าบนแผ่นดินใหญ่ กวานชิกพูดถึงนักมวยปล้ำคิมอิล ส่วนแอซุนก็พาดพิงถึงนักคาราเต้ชเวแบดัล ที่อาจเป็นต้นแบบหรือแรงบันดาลใจให้พวกเขาตัดสินใจยุติปัญหาในแบบนั้น
แล้วใครคือ คิมอิล ใครคือ ชเวแบดัล ดูซีรีส์ให้ซีเรียส ไปหาข้อมูลมาให้แล้ว
คิม อิล (Kim Il) นักมวยปล้ำระดับตำนานของเกาหลีใต้ และเป็นผู้บุกเบิกวงการมวยปล้ำอาชีพของประเทศ
▪️เกิดปี 1929 ที่จังหวัดฮวังแฮ เกาหลี (ปัจจุบันจังหวัดนี้อยู่ในเกาหลีเหนือ) และย้ายไปเกาหลีใต้หลังสงครามเกาหลี และเริ่มต้นเส้นทางมวยปล้ำอาชีพในปี 1950
▪️เป็นที่รู้จักจากการใช้ ‘ไหล่เหล็ก’ (Headbutt) หรือคิมอิลบอมบ์ เป็นท่าไม้ตาย
▪️ได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น และเป็นแชมป์ในสมาคมมวยปล้ำ Japan Pro Wrestling
ชเวแบดัล (Choi Bae-dal) ชาวเกาหลีที่กลายเป็นตำนานในวงการคาราเต้ของญี่ปุ่น โดยเป็นผู้ก่อตั้ง คาราเต้เคียวคุชิน (Kyokushin Karate) ซึ่งเป็นหนึ่งในสายคาราเต้ที่หนักหน่วงและสมจริงที่สุด
▪️เกิดในเกาหลี ปี 1929 ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น และเดินทางไปญี่ปุ่นในวัยเด็ก
▪️ศึกษาศิลปะการต่อสู้หลายแขนง รวมถึงคาราเต้แบบโกจูริวและโชโตกัน
▪️ได้รับชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า มาซุยามะ โอยามะ (Masutatsu Oyama, 大山倍達)
▪️เป็นที่รู้จักจากการต่อสู้กับวัวกระทิงด้วยมือเปล่า และชนะการประลองมวยแบบ 100 คน
▪️ก่อตั้ง Kyokushin Karate ซึ่งเป็นรูปแบบคาราเต้ที่เน้นการปะทะจริง และเป็นรากฐานของคิกบ็อกซิ่งและ MMA

เทศกาลดอกคาโนลา สัญลักษณ์ฤดูใบไม้ผลิของวัยหนุ่มสาว
เพราะเกาะเชจูเป็นดินแดนแรกของเกาหลีใต้ที่ได้สัมผัสฤดูใบไม้ผลิก่อนใคร ดอกคาโนลา จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิ หรือความผลิบานของวัยหนุ่มสาว
ดอกคาโนลาสำคัญอย่างไร มาอยู่เป็นทุ่งที่เกาะเชจูได้อย่างไร
▪️ดอกคาโนลา หรือที่เรียกในภาษาเกาหลีว่า 유채꽃 (ยูแช-กด) มีถิ่นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียน และถูกนำเข้ามาปลูกในเกาหลีใต้เพื่อใช้ประโยชน์ทางการเกษตร โดยเฉพาะในเกาะเชจู ซึ่งมีดินภูเขาไฟอุดมสมบูรณ์ เหมาะกับการเจริญเติบโตของพืชชนิดนี้
▪️ดอกคาโนลาเป็นพืชล้มลุกในตระกูลกะหล่ำที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศที่หนาวเย็น เรียกได้ว่าเป็นพืชที่ปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก แต่ต้องการดินที่มีธาตุอาหารและระบายน้ำได้ดี โดยมักปลูกในฤดูใบไม้ร่วงเพื่อให้ดอกบานเต็มที่ในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ทั่วทั้งเกาะเชจูจะถูกปกคลุมไปด้วยสีเหลืองอร่าม สร้างบรรยากาศที่สวยงามและโรแมนติกสุดๆ
▪️ดอกคาโนลา เริ่มปลูกในเชจูตั้งแต่สมัยที่เกาะนี้เริ่มพัฒนาเกษตรกรรมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 เดิมทีเป็นการปลูกเพื่อผลิตน้ำมันพืชจากเมล็ดคาโนลา แต่ต่อมาพื้นที่ปลูกขยายกว้างขึ้น เนื่องจากความสวยงามของทุ่งดอกไม้ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
▪️เทศกาลดอกคาโนลา เกาะเชจู (Jeju Canola Flower Festival) เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกในช่วงปี 1980s โดยหน่วยงานท้องถิ่นต้องการโปรโมตเกาะเชจูในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ โดยปัจจุบันเทศกาลนี้เป็นหนึ่งในเทศกาลดอกไม้ที่โด่งดังที่สุดในเกาหลีใต้

เกาหลีใต้ยุคพัคจองฮีก็มีศูนย์ปรับทัศนคติ เรียกว่าศูนย์นัมซาน
ในซีรีส์ When Life Gives You Tangerines มีเหตุการณ์ตอนหนึ่งระหว่างที่แอซุนและกวานชิกหนีออกจากบ้าน ด้วยความเป็นเยาวชน จึงเป็นที่เพ่งเล็งและเรียกขอตรวจบัตรประชาชนอยู่บ่อยครั้ง และมักมีคำขู่พวกเขาว่า “เดี๋ยวจับไปศูนย์นัมซานเสียนี่”
และเมื่อทำการค้นหาข้อมูลก็พบว่า ศูนย์นัมซาน โดยเฉพาะในยุคของพัคจองฮี ใช้เป็นศูนย์สำหรับ ‘ปรับทัศนคติ’ ของรัฐบาลเกาหลีใต้ โดยเป็นที่ตั้งของสำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้ (KCIA – Korean Central Intelligence Agency, 중앙정보부) ใช้สำหรับจับกุม สอบสวน และปรับทัศนคติ ผู้ที่ถูกมองว่าเป็นภัยต่อรัฐบาล โดยเฉพาะ นักการเมือง ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล นักกิจกรรมทางสังคม นักข่าว นักวิชาการ และนักศึกษา
วิธีการปรับทัศนคติมีหลายความเข้มข้น เพื่อปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง คนที่มีแนวคิดวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหรือมีแนวโน้มสนับสนุนฝ่ายซ้าย รวมถึงคอมมิวนิสต์ มักจะถูกจับตัวมาที่นี่เพื่อ
1.บังคับให้เปลี่ยนความคิด – มีการใช้วิธีสอบสวนที่รุนแรง รวมถึงการกดดันให้ยอมรับข้อกล่าวหาและเปลี่ยนแปลงทัศนคติให้สนับสนุนรัฐบาล มีรายงานว่ามีการใช้กำลังทำร้ายร่างกาย ขังในห้องมืด และบีบบังคับให้สารภาพในข้อหาที่ไม่มีหลักฐาน หรือถูกให้ออกไปจากทางการเมือง
2.ควบคุมประชาชนและข่มขู่ไม่ให้ต่อต้านรัฐบาล – คนที่ถูกพาตัวไปที่ศูนย์นัมซาน บางครั้งอาจหายตัวไป หรือหากได้รับการปล่อยตัวก็อาจถูกกดดันให้ไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
สนใจเรื่องศูนย์นัมซาน ไปอ่าน/ดูต่อกันได้ที่
หนังสือ:The Man with the Wooden Box (남산의 부장들, 1992) – เป็นหนังสือที่เปิดโปงการกระทำของ KCIA
ภาพยนตร์:The Man Standing Next (2020) – เล่าเรื่องเกี่ยวกับ KCIA และบทบาทของศูนย์นัมซานในช่วงเผด็จการ

ปูซานเมืองควบคุม คืออะไร?
ในซีรีส์ When Life Gives You Tangerines มีตอนหนึ่งที่เราได้เห็นว่าชื่อเมืองปูซาน มีสร้อยห้อยท้ายว่า เมืองควบคุม ความสงสัยจึงบังเกิดจนต้องไปหาความหมายมาให้ว่า ทำไมปูซานจึงเป็นเมืองควบคุมในช่วงเวลานั้น
‘เมืองควบคุม’ ในบริบทนี้ของปูซานเกิดขึ้นช่วงสงครามเกาหลี เมื่อเกาหลีเหนือบุกยึดกรุงโซลในปี 1950 ทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องหนีถอยร่นไปยังเมืองปูซาน และยกระดับให้กลายเป็นเมืองหลวงชั่วคราวของเกาหลีใต้ ระหว่างปี 1950-1953
ทำไมปูซานถึงถูกเรียกว่า ‘เมืองควบคุม’?
1.เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของรัฐบาลเกาหลีใต้ – หากปูซานแตก เกาหลีใต้จะพ่ายแพ้ต่อเกาหลีเหนือ
2.มีการควบคุมอย่างเข้มงวด – มีการบริหารจัดการทางทหาร ตำรวจ และเศรษฐกิจ เพื่อรองรับผู้อพยพและป้องกันการล่มสลาย
3.กลายเป็นศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์ – เป็นฐานทัพหลักของกองกำลัง UN และกองทัพเกาหลีใต้
แม้ว่าหลังจากสงครามจบลงแล้ว กรุงโซลจะกลับมาเป็นเมืองหลวง แต่ปูซานยังคงมีอิทธิพลทางการเมืองสูง โดยยังคงเป็นฐานที่มั่นทางการเมืองของฝ่ายอนุรักษนิยม โดยเฉพาะพรรค DRP ของพัคจองฮี

แต่งตัวให้มีสไตล์แบบ อังเดร คิม แฟชั่นดีไซเนอร์เกาหลีใต้แห่งยุค
ชุดแต่งงานของแอซุนในปี 1968 เธอเลือกชุดแบบตะวันตก และใส่หมวกใบใหญ่ ที่เชื่อมันในตัวเองว่ามันคือสไตล์สุดล้ำ ตามยุคสมัยในเวลานั้นที่เรื่องแฟชั่นไม่ได้ไกลตัวผู้หญิงเกาหลีเท่าไรนัก นั่นก็เพราะความโด่งดังของอังเดร คิม
อังเดร คิม (André Kim, 안드레 김) เป็นดีไซเนอร์แฟชั่นชาวเกาหลีใต้ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เขาเริ่มต้นการทำงานในวงการแฟชั่นราวปี 1960 และเป็นนักออกแบบแฟชั่นชาวเกาหลีคนแรกที่เปิดตัวคอลเล็กชันในปารีส ปี 1966
เขาเป็นที่รู้จักในสไตล์การออกแบบที่หรูหรา อลังการ และแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความโรแมนติก นิยมใช้โทนสีขาวและเมทัลลิก โดยรายละเอียดชุดมักเต็มไปด้วยลวดลายอันประณีต เช่น ลายปัก และลูกไม้ ผลงานของเขาได้แรงบันดาลใจจาก ความงามแบบตะวันออกผสมผสานกับศิลปะแบบตะวันตก
ผลงานชิ้นโบแดงของอังเดร คิม
▪️ออกแบบชุดให้กับศิลปินอย่าง เรน, จางดงกอน, ชเวจีอู, ฮันฮโยจู
▪️ออกแบบชุดให้กับบุคคลสำคัญ เช่น โซเฟีย ลอเรน, อลิซาเบธ เทย์เลอร์ รวมถึงราชวงศ์จอร์แดน
▪️นอกจากเสื้อผ้าแฟชั่นแล้ว เขายังออกแบบเครื่องแบบสำหรับ Korean Air และ Hyundai
▪️มีการออกแบบสินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และโทรศัพท์มือถือ

หินปู่ฮารูบัง ไปเกาะเชจูต้องขอพร
รูปปั้นหินปู่ฮารูบัง (Dol Hareubang, 돌하르방) ที่เราเห็นหลายต่อหลายครั้งในซีรีส์ นับว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งเกาะเชจู โดยเป็นรูปปั้นหินโบราณที่สะท้อนความเชื่อและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
หินปู่ฮารูบัง เป็นรูปปั้นหินแกะสลักจากหินบะซอลต์ (หินภูเขาไฟ) ซึ่งพบมากบนเกาะเชจู รูปร่างคล้ายชายชราสวมหมวกสูง มีตากลมโต จมูกใหญ่ และยิ้มเล็กน้อย มือทั้งสองข้างวางอยู่บนหน้าท้อง โดยมือซ้ายมักอยู่สูงกว่ามือขวา
หินปู่ฮารูบังมักจะตั้งอยู่หน้าหมู่บ้านเพื่อป้องกันวิญญาณร้ายและนำโชคดีให้เข้ามา นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าถ้าหากผู้หญิงลูบจมูกหรือหน้าท้องของหินปู่ฮารูบังจะช่วยให้มีลูกได้ ปัจจุบันรูปปั้นฮารูบังถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ทางการท่องเที่ยว ของเชจูในรูปแบบของที่ระลึก เครื่องราง และสัญลักษณ์แบรนด์ เราจะพบหินปู่ฮารูบังได้ที่
📌 พิพิธภัณฑ์ฮารูบัง (Jeju Dol Hareubang Park) – รวมรูปปั้นฮารูบังหลากหลายแบบ
📌 ทางเข้าเขตโบราณสถานและวัด – มักมีรูปปั้นฮารูบังตั้งอยู่
📌 จุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ในเชจู – เช่น Seongsan Ilchulbong, Jeju Folk Village
ติดตามเนื้อหาสนุกๆ ของ ‘ดูซีรีส์ให้ซีเรียส’ ได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้
Facebook: TheSeriousSeries.TH
Twitter: TheSeriousSerie
YouTube: The Serious Series
Website: Theseriousseries.com
สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารและสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่ Link นี้